821 - เจวี่ยโหย่วฉิง
821 - เจวี่ยโหย่วฉิง
“ไปเดินเล่นในป่ากันเถอะ” ต้วนเต๋อเฝ้าดูเป็นเวลานาน ในที่สุด็เลือกตำแหน่งนี้ แล้วทั้งสามก็เริ่มก้าวไปข้างหน้า
“ซ่า!”
คางคกขนาดใหญ่สูงร้อยจั้งกระโดดออกมาจากบ่อโคลน กลืนคนหลายร้อยคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาจนแทบหมดสิ้น มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและโหดร้ายจริงๆ
“คางคกตัวใหญ่นี้อยู่ในระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ ด้านหลังมีด้ายสีทองเก้าเส้นซึ่งสามารถยิงเกาทัณฑ์ได้เก้าดอก เราต้องหลีกเลี่ยงให้ไกล!” ตงฟางเย่ประหลาดใจ
“ไม่เป็นไร ค่อยๆอ้อมทางไปก็ได้” ต้วนเต๋อกล่าว
พวกเขาเบี่ยงออกไปไกลกว่าสิบลี้ และหนองน้ำที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว วิญญาณชั่วร้ายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมีลักษณะคล้ายปลาวาฬแต่แผ่นหลังของมันมีครีบที่คมเหมือนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
“นี่มันสัตว์อะไรแน่!?”
“อ่า...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น และผู้อาวุโสสูงสุดหกคนของนิกายใหญ่ในจงโจวก็ถูกวาฬตัวนั้นหั่นเป็นชิ้นๆ!
ความเร็วเช่นนี้นับว่าเร็วเกินไปมาก คนพวกนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยง ปลาตัวนั้นมีครีบหลังยาวกว่าสิบจั้ง ส่องแสงสีดำเป็นประกายล้อมรอบด้วยร่องรอยของเลือด
“บูม!”
เมื่อมันกระโดดขึ้นไป เย่ฟ่านและคนอื่นๆก็เห็นว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นจระเข้ตัวใหญ่แต่มีครีบหลัง ร่างกายของมันมีลักษณะของมังกร ความยาวที่แท้จริงของลำตัวมันมีมากกว่าสองร้อยกว่าจั้ง
“สวรรค์นี่คืออสูรบรรพกาล จระเข้บรรพกาล!” ตงฟางเย่ประหลาดใจ
เขาเติบโตขึ้นมาในป่าลึกและได้เห็นสัตว์อสูรบางสายพันธุ์ แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็น่ากลัวมาก ดังนั้นเขาจึงจำมันได้ทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกล และแสงของการรู้แจ้งก็ปกคลุมอยู่ในนั้น หญิงงามคนหนึ่งนั่งบนฐานดอกบัวที่งดงามและเปล่งประกาย นางกำลังท่องบทสวดในคัมภีร์โบราณ
ร่างของนางเปล่งพลังของการรู้แจ้งอย่างอ่อนโยน แสงนั้นชำระล้างหนองบึงโดยรอบ ปรากฎว่ามีแมลงแปลกๆจำนวนมากก่อตัวขึ้นรอบๆตัวนาง
พวกมันปิดกั้นไม่ให้แสงแห่งการรู้แจ้งเล็ดรอดออกไป มิหนำซ้ำจำนวนของพวกมันยังมีมากมายมหาศาลอีกด้วย
“นี่ไม่ใช่แค่ตำนานสตรีผู้ยิ่งใหญ่จากทะเลทรายตะวันตกเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ?” ต้วนเต๋อรู้สึกประหลาดใจ
สายตาของเย่ฟ่านจับจ้องไปที่ใครบางคนซึ่งยืนอยู่ถัดจากหินงาม เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ธรรม ชายชราที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆกำลังโบกมือให้พวกเขาและตะโกนว่า
“ไปกันเถอะ เข้าไปรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิด้วยกัน” เขาคือชายชราตาบอดคนนั้น
ยังมีต้นไม้โบราณในหนองบึงมากมาย ลำต้นของพวกมันเพรียวสูงตระหง่านถึงท้องฟ้า ทำให้เกิดเงาขนาดใหญ่ สถานที่นี้มีความชุ่มชื่นเป็นอย่างมากและพลังหยินก็แพร่กระจายออกมาอย่างหนักหน่วง
ฐานดอกบัวงดงามวิจิตร ขาวดุจหยก โปร่งแสงและผ่องใส สตรีผู้นั่งอยู่ข้างบนนั้นไม่มีที่ติ ผมสีดำดุจเมฆ ริมฝีปากของนางท่องคัมภีร์โบราณไม่หยุด และแสงแห่งความรู้แจ้งก็ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น
ชายชราตาบอดยืนอยู่ข้างแท่นดอกบัวและโบกมืออย่างแรง เสียงของเขาดังมาก ทุกคนที่นี่ได้ยินแต่พวกเขาไม่กล้าขยับตัวมากเกินไปเพราะพวกเขามีความหวั่นเกรงต่อแมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ต้วนเต๋อชำเลืองมองไปทางด้านข้างและพึมพำ “ชายชราคนนี้มีที่มาอย่างไร ทำไมเขาดูแปลกๆ”
เย่ฟ่านคิดว่าชายชราตาบอดนั้นดูเรียบง่ายกว่าต้วนเต๋อเล็กน้อย
ตงฟางเย่ประหลาดใจมากและกล่าวว่า “เขาคือคนที่ขายแผนสุสานเซียน?”
“เราจะไปกับพวกเขาหรือไม่?”
ในท้ายที่สุดเย่ฟ่าน ตงฟางเย่ และต้วนเต๋อก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน แต่พวกเขาก็ผงะถอยหลังทันทีที่พวกเขาเข้าใกล้
เพราะยังมีแมลงมากมายวนเวียนอยู่รอบตัวของหญิงสาว
“นี่คือสัตว์อสูรอะไร?” ตงฟางเย่ตะลึง แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในป่าเก่าแก่ตลอดปี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นมันเลย
“นี่...อาจจะเป็นแมลงสังหารเทพที่คนโบราณเคยกล่าวถึงใช่หรือไม่?” ต้วนเต๋อตกใจและถอยกลับไปหลายก้าว
“ใช่แล้ว นี่คือแมลงสังหารเทพแต่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ ไม่น่ากลัวเท่าสายพันธุ์ในข่าวลือ”
ชายชราตาบอดทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะขับไล่แมลงออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพวกมันโดยตรง
กล่าวกันว่าแมลงชนิดนี้เป็นแมลงที่สังหารเทพได้ แม้แต่เทพเจ้ามันก็สามารถกัดกิน และตอนนี้พวกมันกำลังหลั่งไหลเข้ามาเพื่อซึมซับแสงแห่งการรู้แจ้งของหญิงสาว
“นี่คือจิตวิญญาณในตำนานที่น่าอัศจรรย์ในโลก คุณค่าของมันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าคัมภีร์โบราณ หลังจากฝึกฝนมานับพันปี บางทีแมลงสังหารเทพที่แท้จริงสามารถถือกำเนิดขึ้นได้หากพวกมันมีอายุยืนยาวมากพอ พวกเราควรค้นหารังของมันดีกว่า”
หนอนแมลงเหล่านี้มีขนาดเท่ากับนิ้วโป้ง และร่างกายของพวกมันถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีทองเล็กๆ คล้ายกับมังกร แต่ไม่มีเขา
“ค้นหารังของมัน แมลงเหล่านี้อาศัยอยู่รอบๆของวิเศษในตำนานมาตั้งแต่โบราณ ด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาลของมันบางทีสิ่งที่พวกมันเฝ้าอาจเป็นสมบัติของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้” ชายชราเตือน
แมลงศักดิ์สิทธิ์มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับต่ำ แต่ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งไม่เป็นรองยอดฝีมืออาณาจักรสี่สุดขั้วระดับสูงสุดอย่างแน่นอน
“ถ้ามีแมลงบรรพบุรุษสองสามอยู่ข้างในรังนั้น…” ดวงตาของต้วนเต๋อเป็นประกายและเขายังคงถูมือของเขาดูตื่นเต้นมาก
ถ้าเขาสามารถเพาะพันธุ์แมลงสังหารเทพเจ้าได้จริงๆ เขาก็สามารถเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกได้ น่าเสียดายที่เขาทำได้เพียงคิดเท่านั้นและไม่มีใครเคยทำสำเร็จ
ตามตำนานเล่าว่า ในสมัยโบราณมีเพียงปราชญ์บางคนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงมัน แต่ตอนนี้วิธีการนั้นได้สูญหายไปตามกาลเวลาแล้ว
“ข้าไม่เชื่อว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนั้น” ตงฟางเย่ก้าวไปข้างหน้าเอื้อมมือออกไปข้างหนึ่งแล้วบีบแมลงสีทองตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้
“ไอ้เด็กเวร อย่าจับมัน” ชายชราตาบอดตกใจ รีบตะโกนบอกให้เขาอย่าทำร้ายพวกมัน
“เจ้าอย่ายุ่งกับมันดีกว่า” ต้วนเต๋อรู้สึกประหลาดใจ
“แคร็ก …” ตงฟางเย่บีบมืออย่างแรง หนอนสีทองสั่นสะท้านระหว่างนิ้วของเขาแต่ไม่มีท่าทีว่าจะตาย
“แย่จัง”
ในที่สุดเขาก็บดขยี้แมลงตัวนั้นด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ แสงสีทองกระจัดกระจาย เลือดสาดกระเซ็น และชายชราตาบอดที่ตื่นตระหนกก็กลอกตา
“เจ้าคนวิปริต” ต้วนเต๋อพึมพำ
ชายชราตาบอดกล่าวว่า “เร็วเข้าช่วยกันกำจัดมัน เราได้ทำร้ายมันแล้ว มันจะมองว่าเราเป็นศัตรูและไม่มีทางเลิกราได้จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะตาย”
ต้วนเต๋อใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แต่ความเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ชักช้า เขาหยิบบางอย่างที่เหมือนก้อนอิฐออกมาจากทะเลแห่งความทุกข์พร้อมกับเริ่มหวดกระหน่ำแมลงเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านบีบแมลงหนึ่งตัวและมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเสียง
"ป๊อป"
ทุกคนหันมาจ้องมองการกระทำของเขาด้วยความตกตะลึง แมลงเหล่านี้มีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่มันกลับถูกเย่ฟ่านบีบตายคามืออย่างง่ายๆ
“เอ่อ ข้าแค่คำนวณแรงพลาดไป”
“เมื่อไหร่เราจะได้ประลองกัน?” ดวงตาของตงฟางเย่เป็นประกาย เป็นเพราะร่างกายของเขาไม่มีใครเทียบได้ เขาจึงไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ต่อยตีที่เท่าเทียมได้เลย
“ข้ารู้แค่วิธียิงเกาทัณฑ์ หากเจ้าจะเป็นเป้าหมายข้าก็ไม่มีปัญหา” เย่ฟ่านหัวเราะ
ตงฟางเย่ "..."
ในที่สุด แมลงสังหารเทพเจ้าหลายร้อยตัวก็ถูกกำจัดออกไป พวกเขาค้นหาอย่างระมัดระวังจนทั่วบึงแห่งนี้ แต่ไม่พบเงาของรังแมลงเลย
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าภายในสุสานเซียนจะต้องมีพวกมันมากกว่านี้ นี่เป็นแมลงสายเลือดบริสุทธิ์ที่อยู่รอบนอกเท่านั้น สายเลือดที่แท้จริงของพวกมันแม้แต่กระดูกของเทพเจ้าก็ยังแทะได้” ต้วนเต๋อพึมพำ
“แมลงพวกนี้เต็มไปด้วยพลังหยิน และรังของพวกมันจะต้องอยู่ใกล้กับซากศพเซียนคนนั้นอย่างแน่นอน” ชายชราตาบอดกล่าว
“ตาเฒ่าเลิกพูดมากได้แล้ว” ต้วนเต๋อไม่เคารพผู้อาวุโสเลยเขา
“พุทธองค์ทรงเมตตา ขอบคุณผู้มีพระคุณทั้งหลายที่ให้ความช่วยเหลือ” บนแท่นดอกบัวโปร่งแสง สตรีในชุดขาวยิ้มอย่างงดงาม
นี่เป็นสตรีผู้เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และสูงส่งจนน่าเหลือเชื่อ หว่างคิ้วของนางนั้นมีรอยประทับของดอกบัวสีทองที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้นางมีความงามและความบริสุทธิ์สูงมากขึ้นไปอีก
“เจ้าคือเจวี่ยโหย่วฉิงจากซีม่อใช่หรือไม่?” ตงฟางเย่ถาม
เจวี่ยโหย่วฉิงเป็นชื่อที่แปลกมาก แต่ชื่อนี้ก็มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในทะเลทรายตะวันตก ตั้งแต่สมัยโบราณมีคนไม่กี่คนที่กล้าใช้ชื่อนี้เพราะมันเป็นอีกความหมายหนึ่งของพระโพธิสัตว์
มีข่าวลือมานานแล้วว่าเจวี่ยโหย่วฉิงจะกลายเป็นพระโพธิสัตว์ในอนาคต นางเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในทะเลทรายตะวันตกที่มีโอกาสใกล้ชิดกับพุทธองค์คนต่อไปซึ่งกำลังจะบรรลุเต๋าเป็นอมตะ