819-820
819 - ศพแรกและศพต่อๆไป
ทั้งเจ็ดคนบินออกจากเมืองโบราณและปรมาจารย์ทั้งเจ็ดเริ่มโจมตีพร้อมกันโดยต้องการจะฆ่าเย่ฟ่านในทันที
เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไร ในขณะนี้เขาซุ่มระเบิดพลังลับๆอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดความพยายามหลายร้อยครั้งก็ประสบความสำเร็จ พลังต่อสู้ของเขามีมากกว่าเดิมสิบเท่า
คันเกาทัณฑ์ว่านซางส่องประกายระยิบระยับ สายเกาทัณฑ์สั่นเล็กน้อย และลูกศรทั้งหมดสามลูกถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว
“เคร้ง”
มีเสียงกระทบกระแทกดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ลูกศรเจาะผ่านสมบัติโบราณและพุ่งเข้าไปในร่างกายของยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรที่อยู่ด้านหลัง
“อา…”
“ฉึก” “ฉึก” “ฉึก”
ดอกไม้เลือดสามดอกเบ่งบานอย่างงดงามร่างกายของยอดฝีมือตระกูลเซียวกระจัดกระจายเป็นหมอกเลือด
“บูม”
กระดูกของพวกเขาแตกละเอียด ชิ้นเนื้อกระจายไปทุกที่ ร่างกายและวิญญาณถูกทำลาย
“อะไร?” ผู้คนที่อยู่ด้านหลังตกตะลึงไม่คิดว่าจะมีคนตายเร็วเพียงนี้
เย่ฟ่านยิ้ม เขาสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรแปลงมังกรครั้งที่หกได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะลับใดๆ ไม่ต้องกล่าวถึงพลังต่อสู้ของเขาที่มากขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า
“พวกเจ้าไม่อยากฆ่าข้าแล้วเหรอ?” เขาถือคันเกาทัณฑ์ว่านซางยืนรออย่างใจเย็น
“พรึ่บ” “พรึ่บ”
ไม่นานนัก เขายิงเกาทัณฑ์ออกไปเก้าลูกติดต่อกัน ซึ่งเขาได้โคจรพลังปราณอัดแน่นเข้าไปในลูกเกาทัณฑ์ด้วย คราวนี้ ยอดฝีมือแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เจ็ดของอาณาจักรแปลงมังกรถูกยิงกลายเป็นหมอกเลือดเช่นกัน
ผู้คนที่เหลือเริ่มกระวนกระวายใจและต่างกระจัดกระจายไปทั่ว พวกเขาขว้างปาอาวุธศักดิ์สิทธิ์เข้าใส่เย่ฟ่าน สถานการณ์รุนแรงมาก และทุกคนต่างก็หวาดกลัวจับใจ
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าฆ่าคนอย่างเด็ดขาด พลังต่อสู้แบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกกดดันอย่างรุนแรง และหัวใจของพวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน
เย่ฟ่านดูเฉยเมยและหลบเลี่ยงอาวุธเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาได้ยิงเกาทัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยไม่เคยหยุดมือแม้แต่ครั้งเดียว
คราวนี้เขายิงเกาทัณฑ์ไปหนึ่งร้อยแปดลูกโดยที่สิบแปดลูกถูกกระตุ้นด้วยพลังปราณ และทั้งหมดนี้เป้าหมายของเขาคือยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรครั้งที่แปด
คนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก และยังคงป้องกันการโจมตีของลูกเกาทัณฑ์จำนวนหนึ่งได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถทำลายลูกเกาทัณฑ์ได้ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้หากเย่ฟ่านไม่ได้เลื่อนระดับเข้าสู่อาณาจักรอาณาจักรแปลงมังกร มันคงยากที่จะฆ่ายอดฝีมือระดับนี้ด้วยเกาทัณฑ์ได้ แต่ตอนนี้ลูกเกาทัณฑ์ทั้งหมดของเขาถูกยิงออกไปโดยไม่พลาดเป้า
ลูกเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สามสิบหกลูกทรงพลังพอที่จะสั่นสะเทือนภูเขาทั้งลูก มันมีพลังเหนือธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบ รัศมีแห่งการสังหารซึ่งแผ่ไพศาลออกไปกว่าสิบลี้
ในที่สุดยอดฝีมือแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของอาณาจักรแปลงมังกรก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก เสียงกรีดร้องของเขาดังขึ้นและเลือดของเขาก็สาดกระจายออกไปทุกทิศทาง
คนอื่นๆ ตกตะลึง นี่คือขุมพลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งที่แปดของอาณาจักรแปลงมังกรจริงหรือ? ทำไมการโจมตีของเย่ฟ่านจึงรุนแรงจนสามารถสังหารเขาได้
ในเวลานี้ สมบัติโบราณที่พวกเขาเสียสละทั้งหมดถูกลูกเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แทงทะลุและกลายเพียงเพียงเศษขยะที่กระจัดกระจายอยู่ตามเส้นทาง
ยอดฝีมืออีกคนจากอาณาจักรแปลงมังกรครั้งที่แปดหันหลังกลับและหลบหนีออกจากที่นี่ด้วยความกลัว
“เจ้าคิดจะไปไหน?” เย่ฟ่านกล่าวเรียบๆ
เพราะเย่ฟ่านได้เรียนรู้ศิลปะลึกลับแห่งการเคลื่อนที่และความเร็วของเขานั้นไม่มีผู้ใดเทียบได้ ศัตรูทุกคนไม่มีทางหนีพ้น ในขณะเดียวกันเกาทัณฑ์ว่านซางก็ไม่เคยหยุดพักจนกว่าศัตรูทั้งหมดจะถูกฆ่าตาย
ดอกไม้สีเลือดกำลังเบ่งบานอย่างงดงาม
“อา” มีเสียงกรีดร้องดังออกมา
“อา”
ดอกไม้งามอีกดอกผลิบานอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากไล่ล่าเป็นระยะทางกว่าร้อยลี้ในที่สุดเย่ฟ่านก็ยิงสังหารยอดฝีมือทั้งเจ็ดโดยไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้แม้แต่คนเดียว
เย่ฟ่านไม่ได้จากไปไหน เขากลับเข้าสู่ยอดเขาเซียนและไล่ตามเซียวหมิงหยวนอีกครั้ง
เด็กน้อยคนนี้ค่อนข้างฉลาด รอบตัวของเขามีครึ่งเซียนอยู่ข้างๆ แต่เย่ฟ่านไม่คิดจะถอยกลับ เขาหยิบเกาทัณฑ์ออกมาและเริ่มยิงทันที
“ใคร?” ผู้ยิ่งใหญ่ครึ่งเซียนนั่นตื่นตัวมาก เขารีบมองหาศัตรูก่อนจะพบเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“เจ้านั่นเอง เย่เจ๋อเทียน!”
เซียวหมิงหยวนประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเช่นนี้ เขามาที่ทางเข้าของสำนักฉีซื่อเพื่อสังหารคนจริงๆ
“ใช่แล้ว ข้าเอง”
เย่ฟ่านไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อครึ่งเซียนคนนั้น ท้ายที่สุดแล้วยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้เขาก็เคยฆ่ามาถึงสองคนแล้ว
“เจ้ากล้าหาญมากถึงมาที่นี่เพียงลำพัง”
เซียวหมิงหยวนรู้ดีว่าทำไมเย่ฟ่านถึงมาที่นี่ แต่เขาไม่ได้หวาดกลัวอะไร ตอนนี้เขายืนอยู่ด้านหน้าของสำนักฉีซื่อและตะโกนอย่างเย็นชา
“ท่านลุงหกอย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้!”
เย่ฟ่านเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ทิ้งห่างครึ่งเซียนในขณะที่เป้าหมายของเกาทัณฑ์ของเขายังคงเล็งอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยน
ปัง!
เสียงของสายเกาทัณฑ์ว่านซางดังสนั่น ลูกศรถูกยิงตัดผ่านความว่างเปล่าพุ่งเข้าหาเซียวหมิงหยวนราวกับสายฟ้าสีทอง
ผู้ยิ่งใหญ่ครึ่งเซียนนั้นทรงพลังมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกเกาทัณฑ์ก็ไม่ได้พุ่งเข้าหาเขาโดยตรงและเป้าหมายของมันคือเซียวหมิงหยวนที่อยู่ใกล้เย่ฟ่านมากกว่า
“ไม่!”
“ท่านลุงหก ช่วยข้าด้วย!”
แต่มันสายเกินไป!
นี่คือลูกเกาทัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวของเกาทัณฑ์ว่านซาง ตอนนี้เย่ฟ่านได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรแปลงมังกรแล้ว การฆ่าเซียวหมิงหยวนนั้นเป็นเรื่องง่ายดายโดยธรรมชาติ
ลูกเกาทัณฑ์ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับชื่อที่จารึกไว้บนตำราแห่งความตายของยมราช
“ชัวะ”
เซียวหมิงหยวนมีเวลาเพียงแค่ส่งเสียงกรีดร้องก่อนที่ร่างของเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อของเขากระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังดับสูญลงทันที
เขาไม่คาดคิดว่าเย่ฟ่านจะมีพลังและอันตรายถึงขนาดนี้ หลังจากถูกลอบโจมตีที่ลู่เฉิง เย่ฟ่านก็ตรงมาที่สำนักฉีซื่อเพื่อตามสังหารเขาอย่างเด็ดขาด
“หมิงหยวน!”
ปรมาจารย์ครึ่งเซียนของตระกูลเซียวกรีดร้อง เมื่อเห็นฉากนี้ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะชุบชีวิตคนตายได้
ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่ในเวลาต่อมาการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย และเขาก็พุ่งเข้าหาเย่ฟ่านราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายพันจั้งพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านราวกับสวรรค์ถล่มลงมา
“บูม!”
“ยอมรับชะตากรรมของเจ้าซะ!”
เซียวจื้อผู้ยิ่งใหญ่ครึ่งเซียนของตระกูลเซียวตะโกน เขาโกรธมากเมื่อเห็นหลานชายของเขาถูกสังหาร แต่เขาไม่สามารถหยุดมันไว้ได้
“บูม”
เปลวไฟที่ไม่มีที่สิ้นสุดครอบงำภูเขาขนาดใหญ่ปิดบังครึ่งท้องฟ้า พลังปราณที่ปลดปล่อยออกมานั้นไร้ขอบเขตเหมือนภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
เย่ฟ่านไม่ได้ต่อสู้ที่นี่นั่นคือปรมาจารย์ระดับครึ่งเซียน อาณาจักรของทั้งสองอยู่ไกลกันเกินไป และเขาไม่ต้องการสู้จนตายเปล่า
“เจ้าจะหนีไปไหน!”
เซียวจื้อตะโกนไล่ตามเย่ฟ่าน แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงก็คือเย่ฟ่านหยิบแท่นสีดำออกมาจากแขนเสื้อพร้อมกับเคลื่อนย้ายผ่านความว่างเปล่าในทันที
820 - สุสานเซียน
แปดวันต่อมามีข่าวว่าความวุ่นวายของสัตว์อสูรในโลกคฤหาสน์เซียนได้สงบลงแล้ว และไม่รู้ว่ายอดฝีมือผู้ทรงอำนาจจะเข้าไปที่นั่นอีกกี่คน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แผนที่สุสานเซียนถูกขายในราคาที่พุ่งสูงขึ้นเท่าตัว ในราคาซื้อขายที่แพงที่สุดสูงมีคนยินยอมจ่ายถึงหนึ่งแสนจิน
เย่ฟ่านใช้โอกาสนี้คัดลอกออกมาราวเจ็ดหรือแปดแผ่น แต่ละแผ่นขายได้ถึงสามหมื่นจิน
โชคไม่ดีที่แผนที่สุสานเซียนเสียหายไปบางส่วน และเกือบทุกคนมีมันในครอบครอง ดังนั้นไม่มีใครเต็มใจที่จะซื้อมันด้วยราคาแพงจากคนอื่นอีกต่อไป
มีทางเข้าอย่างน้อยสิบทางในทุกส่วนของจงโจว เพื่อเข้าสู่พื้นที่โบราณแห่งนี้ และกองกำลังหลักมากมายก็ส่งตัวแทนมาเพื่อแสวงหาสมบัติศักดิ์สิทธิ์
เย่ฟ่านมาที่หน้าผาเซียนในดินแดนที่อยู่ติดกันอีกครั้ง และแลกเปลี่ยนสิ่งจำเป็นบางอย่างในจัตุรัสแห่งนี้
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ดูตกใจ เพราะเห็นต้วนเต๋อและตงฟางเย่มาด้วยกัน พวกเขามีท่าทางแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ต้วนเต๋อทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อพูดคุยกับตงฟางเย่ ราวกับว่าเขาต้องการจะกล่าวเสนออะไรบางอย่าง
ในทางกลับกันตงฟางเย่อยู่ในภาวะตื่นตัวและคิดว่าเหตุการณ์การปล้นของพวกเขาได้รับการเปิดเผยแล้ว
“เราอาจจะเคยมีเรื่องเข้าใจผิดกันมาก่อน แต่ข้าแค่อยากจะดูกระบองนั่น...” เจ้าอ้วนกล่าวพร้อมกับจับมือเขาไว้อย่างเสน่หา
การแสดงออกของตงฟางเย่ยิ่งแปลกประหลาด เขาผลักต้วนเต๋อออกไปอย่างตื่นตระหนกและในขณะนี้เขารู้สึกอึดอัดมากที่อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่างจากเขา
“เจ้าจะทำอะไร?” ตงฟางเย่โบกกระบองในมือ
ต้วนเต๋อยอมถอยออกมา อันที่จริงแล้วเขาต้องการพึ่งพาตงฟางเย่เพื่อเข้าไปสุสานเซียนด้วยกัน ตงฟางเย่โล่งใจเพราะรู้ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับการปล้นครั้งที่แล้ว
เย่ฟ่านยืนหัวเราะอยู่ไม่ไกล ชายอ้วนคนนี้กำลังมองหาความช่วยเหลือ เขาหมดหวังจนต้องพึ่งพาตงฟางเย่ มันเป็นเรื่องตลกจริงๆ
“แค่ข้าก็เพียงพอแล้วหรือ เจ้าไปหาคนเพิ่มสักสองสามคนจะดีกว่าไหม?” ตงฟางเย่กล่าว
ต้วนเต๋อลูบมือของเขา พยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าต้องการคนที่มีอำนาจ แต่ไม่ต้องการพวกครึ่งเซียน มันยากสำหรับเราที่มีโอกาสแบ่งปันสมบัติหากคนเหล่านั้นอยู่ร่วมกลุ่มกับเรา”
“โอ้ พี่เย่”
ตงฟางเย่มีสายตาที่เฉียบแหลมเมื่อเขาเห็นเย่ฟ่าน จึงโบกมือให้และตะโกนเรียกเสียงดัง
“นี่ใคร?” เจ้าอ้วนต้วนมองที่เย่ฟ่านด้วยดวงตาที่แคบลง
“เขาคือเย่เจ๋อเทียนที่เอาชนะศิษย์หลายคนของสำนักฉีซื่อ และเหยียนอวิ๋นหรานที่ตอนนี้ตายไปแล้วครึ่งตัว”
“เจ้าเป็นเจ้าเมืองที่เชี่ยวชาญการกินอสูรวิญญาณใช่หรือไม่?”
ต้วนเต๋อถามอย่างตื่นเต้น และรีบอาผ้าคลุมกรงหนูของเขาไว้
เย่ฟ่านอยากจะเตะเขาจริงๆ เจ้าอ้วนคนนี้ไม่มีความจริงใจเลย คิดว่าเขาจะกินหนูวิญญาณตัวนี้จริงๆ หรือ?
“อย่ามองมัน เจ้าหนูเทพตัวนี้กินไม่ได้ มันมีประโยชน์มากในการค้นหาสุสานเซียน!” ต้วนเต๋อเตือนเขา
เย่ฟ่านกลอกตาและกล่าวว่า “อย่ากังวลไป ข้าอยากกินเจ้ามากกว่าหนูตัวนี้ซะอีก”
“ดูเหมือนว่า เอ่อ กินอสูรวิญญาณเป็นการดีที่สุด” เจ้าอ้วนต้วนกล่าว
พวกเขาออกเดินทางในวันนั้นเลย เพราะไม่มีเวลาให้ล่าช้าแล้ว กองกำลังหลักทั้งหมดได้เข้าไปข้างในตั้งแต่แรก และหากพวกเขาช้าไปเพียงก้าวเดียว พวกเขาอาจจะไม่ได้อะไรกลับมา
คราวนี้เย่ฟ่านเข้าสู่โลกของคฤหาสน์เซียนจากทางเข้าสำนักฉีซื่อโดยที่ต้วนเต๋อและตงฟางเย่ช่วยกันปิดบังตัวตนของเขาไว้
โลกโบราณที่โหดร้ายแห่งนี้เป็นดินแดนดึกดำบรรพ์และพลังงานทางจิตวิญญาณนั้นเข้มข้นกว่าโลกภายนอกหลายเท่า
นกและสัตว์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรในสมัยโบราณ และพวกมันมีพลังมหาศาล
บัดนี้ กองกำลังหลักเห็นพ้องต้องกันว่าห้ามมีการล่าและฆ่าสัตว์เพื่อกลั่นยาโดยเด็ดขาด ผู้ใดที่กล้าขัดขืนคำสั่งเมื่อพบตัว จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
“เราควรไปหาสุสานเซียนหรือไปหาที่อยู่ของตะขาบยักษ์ก่อน?”ตงฟางเย่ถาม
“ตะขาบตัวนั้นไม่ง่ายที่จะรับมือ กระจกโบราณบนหน้าผากมันเป็นอาวุธของปราชญ์โบราณอย่างแน่นอน แม้แต่กลุ่มคนที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถปราบมันได้” ต้วนเต๋อส่ายหัว
ในระยะไกล มังกรวารีโผบินไปในอากาศ มันมียาวหลายร้อยจั้ง แล้วขดตัวรอบยอดเขา
ที่นั่นได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกตนมากมายตายในการโจมตีครั้งเดียวของมัน เห็นได้ชัดว่านี่คือผู้นำสัตว์อสูรที่ทรงพลัง อย่างน้อยก็เป็นสัตว์ระดับสูงถึงครึ่งเซียน
“เส้นทางนี้ไม่ได้ผล สัตว์อสูรพวกนี้ไม่ไปปกป้องสุสานเซียนหรือ?”
พวกเขายังห่างไกลจากจุดหมาย แต่เห็นสัตว์อสูรมากมายระหว่างทางและดูเหมือนพวกมันไม่ประสงค์ให้มนุษย์เข้าไปในบริเวณนั้น
สถานที่ที่สงสัยว่าจักรพรรดิโบราณเคยประทับอยู่ จะอยู่ในส่วนลึกของของโลกคฤหาสน์เซียน และคนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้เลย เพราะสัตว์อสูรเหล่านั้นกำลังอาละวาดและขวางทางไม่ให้ผู้ใดข้ามไปได้
“บางคนคาดเดาว่าโลกโบราณที่โหดร้ายนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณแปดหมื่นลี้ และมีสถานที่หลายแห่งที่อันตรายถึงชีวิตและไม่ควรเข้าใกล้”
“พื้นสุสานเซียนอาจอยู่ห่างจากทางออกของสำนักฉีซื่อสามหมื่นลี้ ถึงแม้จะยังห่างไกลจากส่วนที่ลึกที่สุด แต่ก็ค่อนข้างอันตราย
มันถูกล้อมรอบไปด้วยหนองน้ำ ทะเลสาบขนาดใหญ่ หน้าผา และเหว ทุกย่างก้าวอันตรายถึงชีวิต สัตว์อสูรจำนวนมากซึ่งมีพลังมหาศาลและน่าสะพรึงกลัวคอยวนเวียนอยู่รอบๆบริเวณ”
“มีสนามรบโบราณในส่วนลึกของโลกโบราณนี้ บางคนได้ยินเสียงกรีดร้องของการสังหาร และอาจมีคนอาศัยอยู่ในส่วนลึกสุดในที่แห่งนี้” ตงฟางเย่กล่าว
“ระวังด้วย สถานที่ที่ลึกที่สุดไม่ได้ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่สุสานเซียน ซึ่งหมายความว่ายังไม่มีใครเคยเข้าไป” เจ้าอ้วนต้วนระมัดระวังมาก
ระหว่างทาง พวกเขายังคงเบี่ยงออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ เพราะมีสัตว์อสูรมากมายออกมาขวางทางไว้ พวกเขาไม่ต้องการขัดแย้งกับพวกมัน เพราะเห็นซากศพมนุษย์และเลือดจำนวนมากตลอดทาง
แน่นอนว่ายังมีซากศพของสัตว์อสูรจำนวนมากเช่นกัน แม้แต่กระดูกของสัตว์อสูรบางตัวก็ยังถูกพบเห็นได้ตลอดเวลา
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงที่หมาย และจำนวนผู้ฝึกตนที่พวกเขาเห็นก็มีไม่น้อย แทบไม่มีคนที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอาณาจักรแปลงมังกรเลย คนธรรมดาไม่สามารถมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้แม้แต่คนเดียว
“มันเป็นดินแดนแห่งสวรรค์จริงๆ!”
ข้างหน้ามีหน้าผามากมาย ดอกไม้งามบานสะพรั่งกินพื้นที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขต ดอกกล้วยส่งกลิ่นหอม หญ้ามังกรหยั่งรากท่ามกลางรอยแยกของหิน และหมอกสีม่วงก็หนาแน่น
“เข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้วพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถใช้ได้!”
พวกเขาประหลาดใจเมื่อพบว่า พลังศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่แต่ไม่มีทางใช้งานได้ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน พวกเขาทําได้เพียงเดินเท้าไปข้างหน้าเรื่อยๆ
“จริงหรือที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่?”
ต้วนเต๋อแสดงสีหน้าโหยหา ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น
พวกเขามาถึงดินแดนที่สูงขึ้นไปถึงท้องฟ้าล้อมรอบด้วยภูมิประเทศที่ซับซ้อนต่างๆ ได้แก่ เหว ทะเลสาบ และหนองน้ำ
“อา...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นและเสียงก็ดังอยู่ไม่ไกล เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดทั้งห้าจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ข้ามทะเลสาบขนาดใหญ่ พวกเขาถูกเต่าลึกลับตัวใหญ่ลากลงไปที่ด้านล่างของทะเลสาบอย่างโหดร้าย
“โอ้สวรรค์เต่ายักษ์ตัวนั้นใหญ่เท่าภูเขา มันฝึกฝนมากี่ปีกัน!” ผู้คนอุทานด้วยความสยดสยอง
อีกด้านหนึ่ง มีคนพยายามปีนข้ามหน้าผาแห่งขุมนรกและเข้าใกล้สุสานเซียน แต่นกยักษ์ยาวหลายร้อยจั้งพุ่งลงมาจากหน้าผา มันฆ่าคนเจ็ดสิบแปดสิบคนในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“นกที่ดุร้ายตัวนี้เทียบได้กับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์!”
หลายคนลังเลและบางคนต้องการใช้ทักษะลับข้ามมันไป แต่ก็ต้องพบว่ามันไม่ได้ผล
“อาจจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี่จริงๆ…” ผู้อาวุโสหลายคนตื่นเต้น
แม้ว่าที่แห่งนี้จะเป็นขุมนรกแต่ก็เป็นขุมสมบัติเช่นกัน หลังจากสรุปได้เช่นนี้ ผู้คนก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป และยอดฝีมือมากมายยังคงหลั่งไหลไปข้างหน้าไม่ขาดสาย