ตอนที่แล้วบทที่ 26: ให้เข้าสถาบันจี้เซวี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28: ฟางฉงหลง

บทที่ 27: มุ่งหน้าสู่สถาบันจี้เซวี่ย


พระมเหสีเย่ใช้เวลาหวางฝูตระกูลเย่เพียงแค่สองวัน  เมื่อพระนางแน่ใจว่าแล้วว่าเย่เซิงจะเข้าศึกษาในสถาบันจี้เซวี่ย  พระนางก็เสด็จกลับวังด้วยกันกับองค์จักรพรรดิในคืนนั้นเลย  พระนางยังคงมีลูกสาวตัวน้อย ๆ รอคอยพระนางอยู่

หลังจากที่พระมเหสีเย่จากไปทุก ๆ คนในบ้านต่างก็มองเย่เซิงอย่างแตกต่างกันไป

เย่เซิงไม่สนใจพวกมันเลยแม่แต่น้อย  หลังจากที่บอกลาจากเย่หวางเหย่แล้วก็กลับไปที่เรือนเล็ก ๆ ของตนและเก็บเสื้อผ้าที่ก็ไม่ค่อยจะมี  เขาเตรียมตัวที่จะออกจากหวางฝูตระกูลเย่และมุ่งหน้าไปยังสถาบันจี้เซวี่ยในวันรุ่งขึ้น

สถาบันจี้เซวี่ยพึ่งจะเสร็จสิ้นการรับนักเรียนใหม่ของปีนี้ได้ไม่นาน  ดังนั้นภาคเรียนจึงพึ่งจะเปิดขึ้น  และเย่เซิงยังคงสามารถตามทันอยู่

เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคำสั่งขององค์จักรพรรดิ  เย่เซิงจึงไม่กังวลว่าเย่หวางเหย่จะพยายามหยุดเขา

แต่เย่หวางเหย่กลับมาที่เรือนเล็ก ๆ ของเขาในคืนนี้

“ท่านพ่อ  ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่ล่ะขอรับ” เย่เซิงตกตะลึงและวิ่งออกไปรับหน้า

เย่หวางเหย่จ้องมองเย่เซิงด้วยแววตาที่เย็นชาและห่างเหินเหมือนเดิมก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะออกจากหวางฝูตระกูลเย่ในวันพรุ่งนี้ดังนั้นข้าจึงมาดูเจ้า  ตอนนี้เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนมังกรที่โผขึ้นจากท้องทะเลทะยานออกสู่ฟากฟ้าอันยิ่งใหญ่อยู่ล่ะสิ?”

เย่เซิงตอบอย่างเบา ๆ ว่า “ลูกแค่ต้องการที่จะเติบโตอย่างอิสระเท่านั้น”

“ถ้าพี่หญิงใหญ่ของเจ้าไม่ปกป้องเจ้าในวันนี้ล่ะก็ข้าจะลงมือกับเจ้าโทษฐานเรียนวรยุทธ์ให้สาสม  ให้เจ้าได้สำเหนียกตัวเองและกลายเป็นเศษขยะที่ไม่อาจฝึกยุทธ์ได้อีกตลอดชีวิต” เย่หวางเหย่กล่าวอย่างเย็นชาแบบตรง ๆ โดยไม่สนใจที่จะถนอมน้ำใจใด ๆ ทั้งสิ้น

เย่เซิงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่ท่วมท้นล้นใจ  แต่ด้านสติก็ยังย้ำเตือนเหตุผลไปว่าให้เย็น ๆ ไอ้เสือ  จากนั้นเขาก็ถามออกไปอย่างใจเย็นว่า “ลูกรู้ว่าลูกผิด  และลูกก็ขอบคุณท่านพ่อที่เมตตาด้วยขอรับ  ที่ท่านมาดึกดื่นก็เพื่อจะเตือนเรื่องนี้หรือ?”

“ผ่อนคลาย  ในเมื่อพี่หญิงใหญ่ของเจ้าตั้งใจที่จะปกป้องเจ้าถึงเพียงนี้ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้าตามกฎของบ้านหลังนี้  ตอนนี้เจ้าก็อายุสิบหกปีแล้ว  ฝ่าบาทก็ทรงมีพระกระแสรับสั่งให้เจ้าเข้าศึกษาในสถาบันจีเซี่ยด้วย  ดังนั้นจงจำไว้ให้ดีว่าอย่าทำลายชื่อเสียงของหวางฝู่ตระกูลเย่เป็นอันขาด” เย่หวางเหย่กล่าวด้วยเสียงเด็ดขาด

“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง  ลูกจะระวังเรื่องนี้เป็นอย่างดี” เย่เซิงตอบด้วยท่าทางสุภาพ

“เมื่อเจ้าอยู่ในสถาบันจี้เซวี่ยเจ้าจะสามารถเรียนวรยุทธ์ได้อย่างเป็นระบบ  ในอดีตข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียนวรยุทธ์เพราะข้าหวังให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา  แต่ในเมื่อเจ้าเลือกเดินทางนี้แล้วก็จงมุ่งมั่นกับมันเสีย  เจ้ามีพี่ชายสามคนในสถาบันจี้เซวี่ย  หากมีปัญหาให้ไปขอความช่วยเหลือจากสามคนนั้น” เย่หวางเหย่กล่าว

“ขอรับ” เย่เซิงยังคงสุภาพเช่นเคย

“ว่าแต่ก่อนหน้านี้เจ้าใช้กระบวนท่าใดในการเอาชนะเย่ชิง?” จู่ ๆ เย่หวางเหย่ก็ล้วงความลับ

หัวใจของเย่เซิงกระตุก  เขารู้เลยว่าไอ้ที่พ่น ๆ มาก่อนหน้านี้นี่ตอแหลล้วน ๆ แล้ว  เป้าหมายที่แท้จริงคือไอ้นี่นี่เอง  เขาตอบว่า “ลูกได้บีบอัดพลังลมปราณจำนวนมากเก็บสำรองไว้ในตันเถียนก่อนหน้านั้นแล้ว  เมื่อระเบิดพลังทั้งหมดนั่นออกมาเย่ชิงที่ไม่ทันตั้งตัวจึงไม่อาจรับไหวขอรับ”

เย่หวางเหย่มองเย่เซิงอย่างไร้อารมณ์  และเย่เซิงก็ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาจะยอมเชื่อไหม

“ในเมื่อเจ้าต้องการออกจากหวางฝูตระกูลเย่เจ้าควรไปแต่เช้า  หวางฝูตระกูลเย่ไม่อาจกักขังเจ้าไว้ได้อีกต่อไปแล้ว” เย่หวางเหย่หันหลังจากไป

เย่เซิงยืนมองเย่หวางเหย่เดินออกจากลานบ้านตัวเอง  ร่างกายของเขาเหยียดตรงภายใต้แสงของพระจันทร์เสี้ยว   ความคิดมากมายหลายอย่างไหลผ่านเข้ามาในจิตใจ  เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและหันหลังกลับเข้าบ้าน

ภายในห้อง...

เย่เซิงนอนอยู่บนเตียงและครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ว่าวันนี้ไอ้เย่หวางเหย่นี่มีพฤติกรรมแปลกมาก  มันทำตัวแตกต่างจากไอ้สารเลวที่อยู่ในความทรงจำของเย่เซิงคนก่อนไปโดยสิ้นเชิง  ก่อนหน้านี้แค่มันรู้ว่าเย่เซิงเรียนวรยุทธ์มันก็คงจะลงมือทุบตีทำลายตันเถียนเขาจนพิการไปแล้ว  แบบนั้นต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตอีกต่อไป

แต่ดูเหมือนเพราะว่าพระมเหสีเย่อยู่ด้วยจึงทำให้มันไม่ลงมือ  ขนาดเรื่องที่เย่เซิงออกจากบ้านโบยบินสู่อิสรภาพมันก็ยังไม่หยุดด้วย

“ดูเหมือนไอ้เย่หวางเหย่จะกลัวพี่หญิงใหญ่เล็กน้อย” เย่เซิงให้ข้อสรุปกับตัวเอง

และเดาต่อไปด้วยว่าที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะพี่หญิงใหญ่เป็นพระมเหสีด้วย  ต่อให้นางเป็นพระมเหสีแต่ยังไงก็ยังคงเป็นลูกสาวของมันอยู่  เป็นไปไม่ได้หรอกว่าไอ้เย่หวางเหย่มันจะไม่กล้าฉีกหน้านาง  จริงไหม?

และจากที่เย่เซิงสังเกตก่อนหน้านี้  ไอ้เย่หวางเหย่มันก็อยากจะตบฝ่ามือใส่เขาตั้งหลายต่อหลายรอบอยู่เหมือนกัน  แต่ด้วยความที่พี่หญิงใหญ่นั่งอยู่ด้วยมันเลยได้แต่กล้ำกลืน

แถมวิธีปฏิบัติพี่หญิงใหญ่ปฏิบัติต่อหวางฝูตระกูลเย่คนอื่น ๆ ก็ไม่เหมือนกับที่คนรุ่นลูกหลานปฏิบัติต่อเหล่าผู้อาวุโสหรือครอบครัวเลย  ทำการกดขี่ข่มเหงอย่างไม่ไว้หน้า  พูดจากเหน็บแนมสั่งสอนอีสองนายหญิงต่อหน้าของไอ้เย่หวางเหย่ด้วยความเผด็จการสุดขีด

และเมื่อเย่เซิงย้อนความทรงจำของร่างก่อนเขาก็เห็นแล้วว่าไอ้พฤติกรรมเผด็จการของพี่หญิงใหญ่นี้มันมีมาตั้งแต่สมัยที่นางยังอยู่ในหวางฝูแล้ว

“ช่างมันก่อน  เรื่องแบบนี้มานอนคิดตอนนี้ไปก็ไร้บอย  หลับให้เต็มอิ่มก่อนดีกว่าจะได้ตื่นไปสถาบันแต่เช้า” เย่เซิงหลับตาลงและตัดสินใจไม่คิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้อีกต่อไป

ตอนนี้ระดับการฝึกฝนของเขายังต่ำเกินไป  ดังนั้นเขาจึงเอาตัวเข้าไปยุ่งยังไม่ไหว  สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำในตอนนี้คือการแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่านั้น

เขาหลับตาและเริ่มมองดูการเปลี่ยนแปลงในตันเถียนดาวโลกของตน

หลังจากที่ได้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้กับชาวโลกแล้ว  พวกเขาได้เริ่มการเดินเข้าสู่เส้นทางของตนเองอย่างช้า ๆ และผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้เรียนรู้วิชาเหล่านั้นเข้าสู่ขั้นเสวฮุ่ยและหรูเหมินมาก

ผ่านมาเกือบ ๆ สองสัปดาห์ตอนนี้มีโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าประมาณสามร้อยคนแล้ว  โดยส่วนใหญ่อยู่ในขั้นต้น  แต่จากศักยภาพที่แสดงให้เห็นนั่นชัดเจนแล้วว่าพวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะชัวร์ ๆ เพราะจากคนหนึ่งพันสี่ร้อยล้านมีเพียงพวกเขาที่เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นนี้ได้

และมีอีกห้าสิบคนที่เป็นโฮ่วเทียนสองชั้นฟ้าแล้ว  ความเร็วขนาดนี้ถือว่ายอดเยี่ยมยิ่ง

“เมื่อข้าเข้าสู่สถาบันจี้เซวี่ยแล้วจะต้องไปหาวิชามาเพิ่มแล้วส่งต่อทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลก  ให้ทุก ๆ คนบนโลกสามารถฝึกวรยุทธ์ได้  ทำแบบนี้เราถึงจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” เย่เซิงวางแผนอนาคตล่วงหน้า

สถาบันจี้เซวี่ยจริง ๆ แล้วไม่ได้ก่อตั้งในราชวงศ์ปัจจุบัน  แต่ย้อนกลับไปสมัยราชวงศ์หลงแล้ว  ราชวงศ์หลงได้ก่อตั้งสถาบันจี้เซวี่ยนี้ขึ้นมา  สมัยที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดคาดว่ามีบัณฑิตถึงสามพันคนเลยทีเดียว  สายตาทุกคู่ล้วนแต่จับจ้องมองมาที่สถาบันนี้

แต่ต่อมาราชวงศ์หลงเกิดความวุ่นวาย  ขุนนางในราชสำนักทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง  ทำให้สถาบันจี้เซวี่ยในสมัยนั้นตกต่ำลงไปด้วยและเมื่อถูกต้าฉินเข้ายึดครอง  สถาบันจี้เซวี่ยก็ถูกทำลายลงจนหมดสิ้น  หนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนที่สถาบันนี้ถือครองจึงถูกยึดและนำไปเก็บไว้ในท้องพระคลังอยู่ถึงยี่สิบปี

ยี่สิบปีให้หลังจักรพรรดิองค์ที่สองแห่งต้าฉินขึ้นครองบัลลังก์และฟื้นฟูสถาบันจี้เซวี่ยกลับคืนมา  หนังสือทั้งหมดจึงถูกส่งกลับไปยังหอสมุดของสถาบัน  ทำให้ดึงดูดเหล่าบัณฑิตและจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจจากทั่วโลกเข้ามารวมตัวกันในทันที  จากนั้นคนเหล่านั้นก็เข้าร่วมกับทางสถาบันก่อเกิดเป็นขุมกำลังใหม่อีกหนึ่งขุมกำลัง

นี่คือทั้งหมดที่เย่เซิงรู้  ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ นั้นเขาไม่รู้เลย

วันต่อมาเย่เซิงที่เก็บของทุกอย่างไว้แล้วได้ออกจากหวางฝูตระกูลเย่ตั้งแต่ก่อนไก่โห่

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เก็บของอะไรไปหรอก  เพราะว่าไม่มีอะไรในบ้านที่เป็นของเขา  จะมีก็แต่เงินสามร้อยเหรียญทองที่พระมเหสีเย่ให้ไว้ก่อนกลับวัง  ของอื่น ๆ ก็ทิ้ง ๆ ไปเพราะไม่ใช่ของตน

ประตูทางเข้าของหวางฝูตระกูลเย่นั้นยิ่งใหญ่มาก  ประตูเหล็กทั้งสองข้างเปิดออกและเย่เซิงก็เดินออกไปพร้อม ๆ กับห่อผ้าของตน

บนถนนไร้ซึ่งผู้คน  สิงโตหินขนาดใหญ่สองตัววางท้าลมฝนอยู่ข้างประตูซ้ายขวาอย่างน่าเกรงขาม  ด้วยความที่ทำจากวัสดุราคาแพงจึงยังทำให้มันยังคงดูเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา

เย่เซิงรู้สึกโล่งมาก ๆ ทุก ๆ สิ่งที่เฝ้าอดทนมาตลอดตั้งแต่มาเกิดใหม่ก็เพื่อวันนี้  เพื่ออิสรภาพในวันนี้นี่เอง

เมื่อหลายวันก่อนเย่เซิงได้ออกจากหวางฝูตระกูลเย่ก็จริง  แต่นั้นมันเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ได้ไปกราบหลุมศพแม่เท่านั้น  แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้นแล้วไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

เย่เซิงเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจมือถือห่อผ้าเดินอย่างลิงโลดไปตามถนนมุ่งหน้าสู่ประตูเมือง

สถาบันจี้เซวี่ยไม่ได้อยู่ในเมืองเซียนหยาง  มีเทือกเขาห่างจากเซียนหยางประมาณร้อยลี้  สถาบันขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงนั้น

และที่นั่นจะเป็นสถานที่ที่เย่เซิงผงาดขึ้นมาและหลุดออกจากสภาพที่น่าสังเวชได้ในที่สุด

การจากไปของเย่เซิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในหวางฝูตระกูลเย่เลย  ในความเป็นจริงมีคนจำนวนมากที่รอเย่เซิงออกไปจนทนไม่ไหวและอีนายหญิงเฒ่ามันก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย  มันถึงกับเป็นคนแรกที่รู้ว่าเย่เซิงออกจากบ้านไปแล้ว  ทำให้มันมีความสุขมากกว่าทุกวันเยอะมาก

อีนายหญิงใหญ่ก็มืดหม่นจนน่าผวา  มันนั้นไม่อยากให้เย่เซิงออกจากบ้านไปที่สถาบันจี้เซวี่ยเพราะอยากเก็บไว้ใกล้ ๆ ตัวรอให้อีหูเหมยคอยทรมานเขาเรื่อย ๆ จนมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตาย

และยังมีอีหูเหมยกับลูกชายมันที่ยิ่งไม่พอใจที่ไอ้ขยะเย่เซิงกำลังจะไปได้ดิบได้ดีจนเริ่มจะหาวิธีและหาคนไปฆ่าแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด