บทที่ 25: ปราบเย่ชิง
ไอ้เย่ชิงที่ได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะโอกาสที่จะต่อสู้กับเย่เซิง มันประสานมือพูดอย่างสุภาพว่า “ฝ่าบาทตรัสว่าอย่างยุติธรรม เย่เซิงไม่มีทางเอาชนะหม่อมข้าได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางได้ตำแหน่งเทียนจื่อเหมินเซิงไปครองอย่างแน่นอนพะยะค่ะ”
อีหูเหมยแม่มันที่เฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ อยากจะพูดอะไรออกไปเหลือเกินแต่ก็พูดไม่ได้ นางรู้การรบราระหว่างผู้หญิงดี ไอ้ลูกโง่เย่ชิงนี่มันได้ทำให้พระมเหสีทรงกริ้วแล้ว ถ้าเกิดมันยังโง่ไปเอาชนะเย่เซิงอีกล่ะก็เรื่องจะไม่จบง่าย ๆ พระนางต้องเอาไอ้ลูกหน้าโง่ของนางถึงตายอย่างแน่นอน
ส่วนไอ้โง่ก็สมเป็นไอ้โง่ มันไม่คิดอะไรเลยในสายตามันมีแต่เย่เซิงเท่านั้น มันยื่นมือท้าทายเขาด้วยความมั่นใจ “เข้ามาเลยเย่เซิง ข้าจะต่อให้เจ้าก่อนสามกระบวนท่า”
เย่เซิงมองไปที่ไอ้โง่ด้วยสายตาแปลก ๆ ‘ต่อให้ก่อนสามกระบวนท่า?’
“ไม่จำเป็น ข้าว่าเจ้าควรจะตั้งใจสู้แล้วแสดงฝีมือทั้งหมดออกมาจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าเจ้าจะอยู่ไม่ครบสามกระบวนท่าเอา” เย่เซิงกล่าวอย่างสงบ
“คุยโวโอ้อวดขนาดนี้ไม่อายน้ำหน้าตนเองบ้างเหรอ? เย่เซิงเอ๋ย ตัวเจ้าที่ปกติเป็นแค่ไอ้ขี้ขนาดทำไมวันนี้ถึงได้อวดเบ่งนักฮะ? หรือเป็นเพราะต่อหน้าพระพักตร์เลยแสร้งทำเป็นเก่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่?” ไอ้เย่ชิงถากถางอย่างเย็นชา
“แต่เท่าที่ดูตอนนี้คนที่อยากพิสูจน์ตัวเองคงไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้ามากกว่า เอาล่ะพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ จะเอาอย่างไรก็เข้ามาเถอะ” เย่เซิงยิ้มบาง ๆ อย่างผ่อนคลาย
ทุกคนเฝ้าดูเย่เซิงกับเย่ชิงอย่างไม่กระพริบตา องค์จักรพรรดิเองก็นั่งรอให้ทั้งสองคนต่อสู้อารมณ์เหมือนกำลังรอดูการแสดงอันน่าตื่นเต้น
“ดี! งั้นเจ้าก็เอาหมัดพยัคฆ์สยบขุนเขาของข้าไปกินดูก็แล้วกัน!” สีหน้าของไอ้เย่ชิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มันขยับกายใช้กระบวนท่าตามวิชาที่ฝึกฝนมา ร่างมันราวกับเสือโคร่งดุร้าย แรงกดดันที่ปล่อยออกมานั้นช่างรุนแรงดุดันสมเป็นเสือ จากนั้นมันก็ปล่อยหมัดที่รวดเร็วว่องไวและดุร้ายเหมือนเสือหิวไล่ล่าตะปบเหยื่อเข้าใส่เย่เซิง
ปั้ง!
การจู่โจมอย่างกะทันหันของไอ้เย่ชิงไม่ได้ทำให้เย่เซิงแปลกใจ เขาจี๋เฟิงปู้ทันทีทำให้ร่างกายของตนราวกับสายลมที่พลิ้วไหวล่องลอยไป ขณะที่หลบหลีเขาก็ปล่อยหมัดสวนเข้าใส่มันคืนไปด้วยอย่างรุนแรง
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงระเบิดดังขึ้นสี่ครั้งซ้อนสะท้อนไปทั่วบริเวณ วิชาหมัดของเย่เซิงไม่ได้ซับซ้อนไม่ปล่อยแรงกดดันอะไร จอมยุทธ์หน้าไหนมาเห็นก็ต้องรู้เลยว่านี่เป็นวิชาหมัดพื้น ๆ อย่างเพลงหมัดกุ่นจี๋ฉีธรรมดา ๆ
ความเสียหายที่เพลงหมัดกุ่นฉีสามารถสร้างได้นั้นมีเพียงเล็กน้อย เว้นเสียแต่ว่าผู้ฝึกจะเข้าถึงมันได้อย่างลึกซึ้ง แต่ละหมัดจะมาพร้อมกับเสียงระเบิดซึ่งทบทวีพลังทำลาย
หมัดของเย่เซิงมาพร้อมกับเสียงระเบิดสี่ครั้งซ้อน และนั่นก็ทำให้ผู้คนเกิดความประหลาดใจได้มากเกินพอแล้ว
ไอ้เย่ชิงมันมองเย่เซิงอย่างตกใจในขณะที่ถอยหลบ มันยกฝ่ามือขึ้นมากันหน้าอกรับหมัดของเย่เซิงไว้
ปั้ง!
เย่เซิงซึ่งเป็นเพียงโฮ่วเทียนสามชั้นฟ้านั้นระเบิดพลังเพียงหกถึงเจ็ดร้อยจิน บวกกับแรงจากระเบิดสี่ตลบจากหมัดกุ่นฉีอีกประมาณสี่ร้อยจินทำให้เป็นหนึ่งพันจิน ซึ่งพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าไอ้เย่ชิงซํกเท่าไหร่ เมื่อทั้งคู่ปะทะกันจึงได้กระเด็นถอยหลังกันไปคนละสองสามก้าว
แต่สามก้าวเย่เซิงนั้นเบาหวิวราวกับแมลงปอที่แตะพื้นน้ำโดยไม่ทิ้งรอยกระเพื่อม ดังนั้นพื้นเวทีที่เขาเหยียบเลยไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว
แต่สามก้าวของไอ้เย่ชิงนี่หนักหน่วงมาก ๆ มันเหยียบพื้นแตกไปหลายแผ่นเหลือรอยเท้าติดเต็มไปหมด
เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าใครเจ๋งใครไม่เจ๋ง ใครของจริงและใครของปลอม
สีหน้าของไอ้เย่ชิงมืดหม่นลงอย่างมาก สายตาจับจ้องไปที่เย่เซิงและถามว่า “เมื่อครู่เจ้าใช้เพลงหมัดกุ่นฉี?”
มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิชาที่แม้แต่ขอทานยังไม่เหลียวแลแบบนั้นจะสามารถซัดมันจนถอยหลังถึงสามก้าวได้ เรื่องบ้าบอเช่นนี้ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย
“ถูกต้อง เป็นเพลงหมัดกุ่นฉีของแท้ไม่มีเป็นอื่น” เย่เซิงตอบขณะที่ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“เพลงหมัดกุ่นฉีไม่ได้ทรงพลังขนาดนี้” ไอ้โง่ยังส่ายหน้าโง่ ๆ ของมันปฏิเสธความจริง
“วิชาวรยุทธ์ใด ๆ ในโลกนี้เมื่อถูกสร้างขึ้นย่อมมีพลังพิเศษเฉพาะตัวของมันอยู่ เพลงหมัดกุ่นฉีเองก็เป็นวิชาที่ค่อนข้างดี แต่มันก็ค่อย ๆ กลายเป็นที่รู้จักกันทั่วมากจนเกินไป สุดท้ายแล้วแม่แต่นักเลงหัวไม้ข้างถนนหรืออาชญากรระดับต่ำ ๆ ก็ยังใช้เป็นจึงได้โดนดูถูกว่าเป็นวิชาชั้นต่ำไร้ประสิทธิภาพซึ่งมีเพียงแค่เหล่าชนชั้นต่ำเท่านั้นที่ใช้ ที่เจ้าบอกว่าหมัดกุ่นฉีไม่ได้ทรงพลังก็เป็นเพราะในใจของเจ้าเอาแต่ดูถูกวิชานี้ และด้อยค่ามันว่าเป็นวิชาต่ำต้อยจนไม่เคยใส่ใจต่างหาก” เย่เซิงกล่าวอย่างเฉยเมย
ไอ้เย่ชิงรู้สึกอับอายแต่ก็โกรธด้วย มันโกรธที่โดนสั่งสอนต่อหน้าคนอื่น ๆ และที่สำคัญเลยคนที่กำลังสั่งสอนมันอยู่คือไอ้เย่เซิงที่มันโคตรเกลียด มันเลยรู้สึกผิดหวัง เขาเกลียดมันเมื่อคนอื่นสอนเขา และที่แย่กว่านั้นคือ เย่เซิง ที่กำลังสอนเขาอยู่ตอนนี้ เขาส่งเสียงคำรามต่ำ “หนวกหู! ทุกคนรู้ดีว่าวิชาหมัดกุ่นฉีมันก็แค่วิชาหมัดขยะ ๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นเองว่าความขยะของมันอยู่ที่ตรงไหน!”
ตึ้ม!
พลังชี่ภายในกายของไอ้เย่ชิงระเบิดออกอย่างหักโหมโดยมีความโกรธแค้นเป็นแรงขับและกลายเป็นวงกลมลอยอยู่ด้านหลังมัน ทำให้มันดูดีมีสง่าสุด ๆ
ดวงตาขององค์จักรพรรดิเป็นประกาย “นั่นวิชาเก้าชีพจรตระกูลหูใช่ไหม?”
เย่หวางเหย่พยักหน้าตอบ “เป็นเคล็ดวิชาเก้าชีพจรตระกูลหู แม่ของเย่ชิงเป็นผู้สอนเองพะยะค่ะ”
“วิชาพิเศษตระกูลหูนี้ช่วยเหลือต้าฉินของเราไว้ได้มากมาย ไม่รู้ว่าเย่เซิงจะรับมือวิชานี้ได้อย่างไร” องค์จักรพรรดิกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างสนุกสนาน
พระมเหสีเย่กำหมัดแน่นด้วยใบหน้าเย็นชา “หม่อมฉันเชื่อในตัวน้องสิบสองเพคะ”
เย่หวางเหย่มองอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทำราวกับว่าคนสองคนที่ต่อสู้กันต่อหน้าเขาไม่ใช่ลูกชายตัวเอง แต่เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าธรรมดา ๆ สองคนมีเรื่องกัน
หนึ่งชีพจรปรากฏ ไอ้เย่ชิงก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ มันเพิ่มความเร็วขึ้นเหมือนสายฟ้าแล้วออกหมัดด้วยความเร็วสูงจนมองตามทันได้ยาก
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงระเบิดดังสนั่น
เมื่อนายหญิงเฒ่าเห็นแบบนั้นมันก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “นี่แหล่ะความแตกต่างระหว่างลูกภรรยากับลูกนางทาส เย่ชิงคือหนึ่งในทายาทตระกูลเย่ตัวจริง”
หูเหมยเองก็เริ่มยิ้มและคลายความกังวลที่เคยมีอยู่เดิม เพราะไหน ๆ ลูกชายสุดที่รักก็ทำให้พระมเหสีเย่ไม่พอพระทัยแล้วก็ทำให้มันถึงที่สุดไปเลย ตัวนางกับลูกมีตระกูลหูหนุนหลังอยู่จึงย่อมไม่กลับการคุกคามของพระนางอยู่แล้ว
ทางด้านเย่เซิงนั้นเหมือนโดนหยุดไปแว้บหนึ่ง ไอ้เย่ชิงมันจู่โจมรัว ๆ อย่างกับสายฝน วิชาเก้าชีพจรของมันก็แข็งแกร่ง ถึงมันจะยังใช้ได้แค่หนึ่งชีพจรแต่ก็สามารถเสริมกำลังให้มันได้อีกตั้งยี่สิบในร้อยส่วน ซึ่งพลังของมันสยบเย่เซิงอย่างรุนแรงจนเขาไม่อาจป้องกันตัวได้
จริง ๆ แล้วก็เป็นเพราะความต่างระหว่างหกชั้นฟ้ากับสามชั้นฟ้าด้วยนั่นแหล่ะ สีหน้าเย่เซิงเปลี่ยนเป็นจริงจัง ต่อให้โดนกระหน่ำอย่างหนักถึงขนาดนี้แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งไร้ความตระหนก เขาทำการคลี่คลายการจู่โจมที่โถมเข้ามาอย่างใจเย็น
แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้มันจู่โจมอยู่ฝ่ายเดียวไม่หยุดแบบนี้ต่อไปได้ ไม่งั้นเขาจะแพ้ในที่สุด
‘รวมพลังห้าสิบคน!’ เย่เซิงคำรามภายในใจ
ตันเถียนดาวโลกสั่นสะเทือนในทันใดและพลังก็พวยพุ่งเข้าสู่ตัวเขา
มันคือพลังที่รวบรวมมาจากโฮ่วเทียนสองชั้นฟ้าห้าสิบคน ชาวโลกไม่ได้เอาแต่นั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยไปวัน ๆ แต่พวกเขาขยันหมั่นเพียรยิ่งกว่าตัวเย่เซิงเองด้วยซ้ำ เพราะว่าเย่เซิงที่อยู่ในหวางฝูบัดซบนี่จะฝึกฝนวรยุทธ์อะไรก็ยากเย็นแต่เหล่าชาวโลกนั้นไม่ใช่ พวกเขาสามารถฝึกฝนได้ตามใจชอบโดยไม่จำเป็นต้องแอบ ดังนั้นการที่จะมีคนถึงห้าสิบคนเป็นโฮ่วเทียนสองชั้นฟ้าได้แล้วจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
ด้วยพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา ดวงตาของเย่เซิงเบิกกว้างเขารู้สึกเหมือนมังกรวารีที่หลุดจากโซ่ตรวนเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่หลุดจากกรงขัง สองเท้าขาตวัดเตะเหมือนกรรไกรที่ตัดท้องฟ้าส่งไอ้เย่ชิงกระเด็นออกไป จากนั้นก็ปล่อยหมัดซ้ำใส่ตัวมันไปหนึ่งหมัด สองหมัด สามหมัด...
เย่เซิงเปลี่ยนเป็นฝ่ายได้เปรียบในทันใด พลังระดับโฮ่วเทียนสองชั้นฟ้าห้าสิบเท่าทำให้กล้ามเนื้อและเส้นลมปราณของเขาปูดโปนเพราะพลังที่อัดแน่น และเป้าหมายเดียวในตอนนี้ที่จะใช้ระบายพลังขนาดนี้ออกได้ก็คือไอ้เย่ชิงที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
การจู่โจมนั้นราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ!
การจู่โจมของเย่เซิงเหมือนกับเห็นภาพเมื่อครู่ เพียงแต่สลับกันระว่างผู้จู่โจมกับผู้ต้านรับ และแตกต่างกันที่พลังทำลายโดยก่อนหน้านี้ไอ้เย่ชิงจู่โจมราวกับเม็ดฝนหล่นพรำชื่นใจ แต่พลังทำลายที่เย่เซิงนั้นราวกับภัยธรรมชาติพายุฝนฟ้าคะนองพัดถล่ม
นายหญิงเฒ่าที่เอ่ยปากชื่นชมหลานรักอย่างหน้าชื่นตาบานเมื่อกี๊ก็เงียบกริบสรหน้าเย็นเยือก ใบหน้ามันนี่มีแต่ความรังเกียจ
สีหน้าของอีหูเหมยแม่ไอ้เย่ชิงเองก็เปลี่ยนไปอย่างหนักด้วยเหมือนกัน มันจ้องเย่เซิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ไอ้ขยะเย่เซิงนั่นยังถูกลูกชายตัวเองใช้แค่หมัดเดียวทุบตีบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้ไอ้ขยะนั่นมันกลับเอาชัยจากลูกชายตัวเองได้แล้ว?
ดวงตาของเย่หวางเหย่ที่มองเย่เซิงอย่างระมัดระวังได้มีประกายประหลาดปรากฏขึ้น และมันก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าไอ้เย่ชิงลูกชายตัวเองจะโดนทุบตีจนบาดเจ็บหรือไม่
และมีเพียงพระมเหสีเย่เท่านั้นที่ปรบมืออย่างมีความสุข “ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! เจ้าไม่ทำให้พี่ผิดหวังแม้แต่น้อย! น้องสิบสองของพี่เก่งที่สุดจริง ๆ ด้วย!”
การสนับสนุนเย่เซิงอย่างเปิดเผยของนางทำให้องค์จักรพรรดิทรงหัวเราะชอบใจอย่างเช่นกัน