ตอนที่แล้วตอนที่ 33 สหประชาชาติสาวน้อยอัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 หุบเขาสายลม

ตอนที่ 34 ประจำวัน


เมื่อเห็นข้อความนี้หยุนจื่อจินจึงรู้สึกผิดหวังและแปลกใจ

“เฮ้อ คงอีกนานกว่าจะได้ดาบธาตุระดับS”

“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...ผู้ชายคนนั้นจะยังไม่ถึงเลเวล20”

เธอเหมือนกับคนอื่นๆที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นมีเลเวล30

แม้ว่าความยากของฉากทดสอบจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้เล่น

แต่โดยทั่วไปแล้ว

ผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าจะมีสกิลและวิธีการที่มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้คะแนนสูง

แต่หยุนจื่อจินคิดไม่ออกเลย

ถ้าเป็นเลเวล10และมีตำแหน่งดาวแค่10ตำแหน่ง เขาต้องใช้สกิลอะไรถึงได้คะแนนระดับSในฉากทดสอบ

ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา

'คงต้องหาเพื่อนใหม่แล้ว' เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่

เธอส่งข้อความหาเย่เฉียนเอ๋อร์อีกครั้ง

ทั้งสองรู้จักกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีในโลกปัจจุบัร

นั่นจึงไม่มีปัญหาที่จะขอชื่อผู้สนับสนุนในฟอรัมจากเธอ

......

หลังจากกินข้าวเย็นที่หลินซูโหรวเตรียมไว้เสร็จ

หลิงอี้ก็ได้รับข้อความจากผู้สนับสนุน - หลังจากยืนยันความสัมพันธ์การสนับสนุนกับผู้เล่นอื่น ทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นเพื่อนในฟอรัมโดยอัตโนมัติ

อีกฝ่ายบอกว่าเพื่อนของเธอต้องการเป็นผู้สนับสนุนเขาและถามเขาว่าเขามีเลเวลเท่าไหร่

เขาจึงตอบไปว่า “เลเวลต่ำกว่า20”

เขาคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็บอกว่าเพื่อนของเธออยากรู้จักเขา

หลิงอี้เป็นคนสบายๆจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาไม่ปฏิเสธ

[คุณยอมรับคำขอเป็นเพื่อนของ‘ไนติงเกลร้องเพลง’ตอนนี้พวกคุณเป็นเพื่อนกันแล้ว]

หลังจากกดยอมรับเขาก็ได้รับข้อความจากอีกฝ่ายทันที

[ไนติงเกลร้องเพลง: สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกฉันว่าไนติงเกลก็ได้]

เมื่อกี้‘ดวงจันทร์สดใส’บอกข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ให้เขาเล็กน้อย เขาจึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อิจฉาสกิลสนับสนุนของเขา

หลิงอี้ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้และส่ง‘สวัสดี’ตอบกลับ

[ไนติงเกลร้องเพลง: คุณเป็นผู้เล่นเสินเซี่ยหรือเปล่า?]

[ศูนย์หนึ่ง: อ่า ใช่]

เมื่อวานหลิงอี้เปลี่ยนชื่อเล่นในฟอรัมเป็น‘ศูนย์หนึ่ง’

ชื่อเล่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ และผู้เล่นสามารถใช้ชื่อเดียวกันได้

[ไนติงเกลร้องเพลง: เยี่ยมเลย ดูเหมือนเสินเซี่ยของเราจะมีน้องใหม่อีกคนแล้ว! ฉันขอแสดงความยินดีให้คุณล่วงหน้า]

[ศูนย์หนึ่ง: แสดงความยินดีเรื่องอะไร? ]

[ไนติงเกลร้องเพลง: คุณคือบุคคลที่สามในเสินเซี่ยที่มีดาบธาตุระดับS เมื่อข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อของคุณจะโด่งดังไปทั่วประเทศและกลายเป็นคนที่พันธมิตรเสินและกองกำลังต่างๆเข้ามาแย่งตัว”

[คนทั้งประเทศต้องการสกิลสนับสนุนดาบธาตุของผู้แข็งแกร่ง แต่ทั้งหมดจะถูกจัดการโดยนครโม่ไห่]

[ศูนย์หนึ่ง: อ๋อ]

ปฏิกิริยาของหลิงอี้คือเบื่อหน่าย

เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้

ทั้งสองคุยกันสั้นๆอีกสองสามคำแล้วจบการสนทนา

ครั้งนี้ถือเป็นการทักทายกันเท่านั้น

“หาวว~”

หลังจากปิดหน้าจอสนทนา หลิงอี้นอนลงบนโซฟาตัวใหญ่โดนยทำตัวเหมือนปลาเค็ม

เขาหันหน้าไปทางทีวี

หลินซูโหรวที่นั่งอยู่ด้านข้างกำลังดูข่าวภาคค่ำประจำวัน

ตอนนี้เธอสวมชุดเดรสฤดูร้อน แขนสั้นสีเขียวเข้มและกระโปรงสั้นสีดำ

เธอมัดผมสีน้ำตาลเป็นหางม้าและปล่อยไว้ที่ไหล่ขวา

เอวตั้งตรงและขาแนบชิดกันทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงมีมารยาท

หลิงอี้ที่นอนอยู่ตรงนั้นถูกต้นขาสีขาวบังการมองเห็นส่วนหนึ่งจึงทำให้เขาดูทีวีได้แบบไม่เต็มจอ

แต่เขาทนต่อ‘สิ่งกีดขวาง’ที่บังสายตาอันนี้ได้

“เมื่อคืนนี้เวลา23.00น.เกิดท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งในประเทศเป่ยสงที่แม่น้ำปิงไส่ และปกคลุมพื้นที่ด้วยความมืดมากกว่า520กิโลเมตร เวลานี้กำลังเสริมจากประเทศต่างๆกำลังมาถึงประเทศเป่ยสงแล้ว คาดว่า...”

ในทีวี

พิธีกรชายที่มีคิ้วหนาและตาโตกำลังพูดข่าวท้องฟ้าสีดำในต่างประเทศ

ขณะที่หลิงอี้ดูอย่างตั้งใจ หลินชูโหรวก็หันหน้ามาถามว่า “นายรู้ความแข็งแกร่งของประเทศเป่ยสงหรือเปล่า?”

“อา? ประเทศเป่ยสงแข็งแกร่งมาก ทำไมเหรอ?”

“ฉันแค่สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการกำลังเสริมจากประเทศอื่น ในเมื่อพวกเขาจัดการกับท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งได้ด้วยตัวเอง”

“นี่...น่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ประเทศเป่ยสงต้องไปช่วยเหมือนกันถ้าประเทศอื่นมีท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งปรากฏ”

“อืม คงจะเป็นแบบนั้น”

หลินซูโหรวพยักหน้า

เมื่อเห็นแบบนั้นหลิงอี้จึงบ่นอยู่ในใจ ‘นี่แหละความคิดของผู้หญิง พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องของประเทศอื่นหรอก’

ในตอนนั้นเอง

หลินซูโหรวที่หันมาก็เห็นว่าขาของเธอบังหลิงอี้อยู่ “ฉัน...ฉันบังนายหรือเปล่า?”

ขณะพูดเธอก็ตั้งใจจะถอดรองเท้าและวางขาไว้บนโซฟาแทน

“เอ่อ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขยับหรอก”

หลิงอี้โบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขาเธอขาวมาก มันสวยจนสะดุดตาแค่นั้นเอง”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินซูโหรวจึงขยับขาเข้าหากัน หน้าหยกขาวของเธอเริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นไม่นานหูของเธอก็เริ่มแดงไปด้วย

เธอทนต่อการจ้องมองของหลิงอี้ไม่ไหวจึงก้มหน้าลงด้วยความเขินและจับหางม้าที่ห้อยอยู่เหนือไหล่ขวาขยับเข้ามาปิดแก้มเหมือนปิดไม่ให้เขาเห็นหน้า

แต่ในไม่ช้าเธอก็หันหน้าหนีไปทางทีวี

นั่นทำให้หลิงอี้มองไม่เห็นการแสดงออกของเธอ

“บอกหน่อยสิ”

หลิงอี้นอนตะแคงและใช้มือหนึ่งยกหนุนหัวขึ้น “เมื่อวานเธอคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้คนแปลกหน้าแบบฉันเข้ามาอยู่ด้วย?”

เขายังงงกับเรื่องนี้จนถึงตอนนี้

“อ๊ะ!?”

หลินซูโหรวชะงักไปครู่หนึ่ง หน้าแดงของเธอจางหายอย่างรวดเร็ว

เมื่อเธอหันกลับมาสีหน้าก็กลับเป็นปกติ

“เมื่อวาน เอ่อ...เพราะนายเป็นคนพาฉันกลับบ้านอย่างปลอดภัย ฉันเห็นว่านายเป็นเหยื่อเหมือนกัน หล่อ แล้วก็เป็นผู้เล่น ฉันเลยคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าให้นายมาอยู่ที่นี่ด้วย”

“แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันยอมรับความสูญเสียได้ถ้านายเป็นคนเลว”

“ยังไงฉันก็อยู่คนเดียวตลอดชีวิตไม่ได้”

ประโยคสุดท้ายเป็นสิ่งที่หลิงอี้ไม่เคยคิดมาก่อน

เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเขาคิดไม่ถึวว่าเธอจะคิดเรื่องแบบนี้ด้วย

'ที่ผู้คนเปิดกว้างแบบนี้เพราะโลกนี้ไม่ธรรมดาหรือเปล่า?’

หลิงอี้แอบคาดเดาในใจ

พอเห็นท่าทางแปลกใจของเขา หลินซูโหรวจึงยิ้มเล็กน้อย “ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ทำให้ไม่มีสิทธิ์เลือกโชคชะตาของตัวเอง”

“ฉันโชคดีมากเลยนะที่ได้เจอนาย”

บุคลิกและหน้าตาของหลิงอี้ล้วนตรงกับสเปคที่เธอชอบ

ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เขาที่พาเธอกลับมา เธอคงไม่ให้ใครเขาเข้ามาอยู่ด้วยแบบนี้

“นอกจากนี้มีคนธรรมดาที่ไหนไม่อยากอยู่กับผู้เล่น ผู้เล่นทุกคนคือคู่นัดบอดที่ดีที่สุด”

“แบบนี้เอง”

หลิงอี้พยักหน้า

ในที่สุดเขาก็เข้าใจความคิดของหลินซูโหรว

เพราะผู้เล่นคือคู่นัดบอดที่ดีที่สุดและเธอไม่ได้เกลียดเขา

เธอจึงเสนอให้เขาเข้ามาอยู่ด้วยเมื่อเธอยอมรับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นได้