ตอนที่ 34 ประจำวัน
เมื่อเห็นข้อความนี้หยุนจื่อจินจึงรู้สึกผิดหวังและแปลกใจ
“เฮ้อ คงอีกนานกว่าจะได้ดาบธาตุระดับS”
“แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...ผู้ชายคนนั้นจะยังไม่ถึงเลเวล20”
เธอเหมือนกับคนอื่นๆที่คิดว่าผู้ชายคนนั้นมีเลเวล30
แม้ว่าความยากของฉากทดสอบจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลของผู้เล่น
แต่โดยทั่วไปแล้ว
ผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าจะมีสกิลและวิธีการที่มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้คะแนนสูง
แต่หยุนจื่อจินคิดไม่ออกเลย
ถ้าเป็นเลเวล10และมีตำแหน่งดาวแค่10ตำแหน่ง เขาต้องใช้สกิลอะไรถึงได้คะแนนระดับSในฉากทดสอบ
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา
'คงต้องหาเพื่อนใหม่แล้ว' เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่
เธอส่งข้อความหาเย่เฉียนเอ๋อร์อีกครั้ง
ทั้งสองรู้จักกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีในโลกปัจจุบัร
นั่นจึงไม่มีปัญหาที่จะขอชื่อผู้สนับสนุนในฟอรัมจากเธอ
......
หลังจากกินข้าวเย็นที่หลินซูโหรวเตรียมไว้เสร็จ
หลิงอี้ก็ได้รับข้อความจากผู้สนับสนุน - หลังจากยืนยันความสัมพันธ์การสนับสนุนกับผู้เล่นอื่น ทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นเพื่อนในฟอรัมโดยอัตโนมัติ
อีกฝ่ายบอกว่าเพื่อนของเธอต้องการเป็นผู้สนับสนุนเขาและถามเขาว่าเขามีเลเวลเท่าไหร่
เขาจึงตอบไปว่า “เลเวลต่ำกว่า20”
เขาคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว แต่จู่ๆอีกฝ่ายก็บอกว่าเพื่อนของเธออยากรู้จักเขา
หลิงอี้เป็นคนสบายๆจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาไม่ปฏิเสธ
[คุณยอมรับคำขอเป็นเพื่อนของ‘ไนติงเกลร้องเพลง’ตอนนี้พวกคุณเป็นเพื่อนกันแล้ว]
หลังจากกดยอมรับเขาก็ได้รับข้อความจากอีกฝ่ายทันที
[ไนติงเกลร้องเพลง: สวัสดี ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกฉันว่าไนติงเกลก็ได้]
เมื่อกี้‘ดวงจันทร์สดใส’บอกข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ให้เขาเล็กน้อย เขาจึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อิจฉาสกิลสนับสนุนของเขา
หลิงอี้ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้และส่ง‘สวัสดี’ตอบกลับ
[ไนติงเกลร้องเพลง: คุณเป็นผู้เล่นเสินเซี่ยหรือเปล่า?]
[ศูนย์หนึ่ง: อ่า ใช่]
เมื่อวานหลิงอี้เปลี่ยนชื่อเล่นในฟอรัมเป็น‘ศูนย์หนึ่ง’
ชื่อเล่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ และผู้เล่นสามารถใช้ชื่อเดียวกันได้
[ไนติงเกลร้องเพลง: เยี่ยมเลย ดูเหมือนเสินเซี่ยของเราจะมีน้องใหม่อีกคนแล้ว! ฉันขอแสดงความยินดีให้คุณล่วงหน้า]
[ศูนย์หนึ่ง: แสดงความยินดีเรื่องอะไร? ]
[ไนติงเกลร้องเพลง: คุณคือบุคคลที่สามในเสินเซี่ยที่มีดาบธาตุระดับS เมื่อข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อของคุณจะโด่งดังไปทั่วประเทศและกลายเป็นคนที่พันธมิตรเสินและกองกำลังต่างๆเข้ามาแย่งตัว”
[คนทั้งประเทศต้องการสกิลสนับสนุนดาบธาตุของผู้แข็งแกร่ง แต่ทั้งหมดจะถูกจัดการโดยนครโม่ไห่]
[ศูนย์หนึ่ง: อ๋อ]
ปฏิกิริยาของหลิงอี้คือเบื่อหน่าย
เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ทั้งสองคุยกันสั้นๆอีกสองสามคำแล้วจบการสนทนา
ครั้งนี้ถือเป็นการทักทายกันเท่านั้น
“หาวว~”
หลังจากปิดหน้าจอสนทนา หลิงอี้นอนลงบนโซฟาตัวใหญ่โดนยทำตัวเหมือนปลาเค็ม
เขาหันหน้าไปทางทีวี
หลินซูโหรวที่นั่งอยู่ด้านข้างกำลังดูข่าวภาคค่ำประจำวัน
ตอนนี้เธอสวมชุดเดรสฤดูร้อน แขนสั้นสีเขียวเข้มและกระโปรงสั้นสีดำ
เธอมัดผมสีน้ำตาลเป็นหางม้าและปล่อยไว้ที่ไหล่ขวา
เอวตั้งตรงและขาแนบชิดกันทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงมีมารยาท
หลิงอี้ที่นอนอยู่ตรงนั้นถูกต้นขาสีขาวบังการมองเห็นส่วนหนึ่งจึงทำให้เขาดูทีวีได้แบบไม่เต็มจอ
แต่เขาทนต่อ‘สิ่งกีดขวาง’ที่บังสายตาอันนี้ได้
“เมื่อคืนนี้เวลา23.00น.เกิดท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งในประเทศเป่ยสงที่แม่น้ำปิงไส่ และปกคลุมพื้นที่ด้วยความมืดมากกว่า520กิโลเมตร เวลานี้กำลังเสริมจากประเทศต่างๆกำลังมาถึงประเทศเป่ยสงแล้ว คาดว่า...”
ในทีวี
พิธีกรชายที่มีคิ้วหนาและตาโตกำลังพูดข่าวท้องฟ้าสีดำในต่างประเทศ
ขณะที่หลิงอี้ดูอย่างตั้งใจ หลินชูโหรวก็หันหน้ามาถามว่า “นายรู้ความแข็งแกร่งของประเทศเป่ยสงหรือเปล่า?”
“อา? ประเทศเป่ยสงแข็งแกร่งมาก ทำไมเหรอ?”
“ฉันแค่สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการกำลังเสริมจากประเทศอื่น ในเมื่อพวกเขาจัดการกับท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งได้ด้วยตัวเอง”
“นี่...น่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ประเทศเป่ยสงต้องไปช่วยเหมือนกันถ้าประเทศอื่นมีท้องฟ้าสีดำระดับหนึ่งปรากฏ”
“อืม คงจะเป็นแบบนั้น”
หลินซูโหรวพยักหน้า
เมื่อเห็นแบบนั้นหลิงอี้จึงบ่นอยู่ในใจ ‘นี่แหละความคิดของผู้หญิง พวกเราไม่ต้องสนใจเรื่องของประเทศอื่นหรอก’
ในตอนนั้นเอง
หลินซูโหรวที่หันมาก็เห็นว่าขาของเธอบังหลิงอี้อยู่ “ฉัน...ฉันบังนายหรือเปล่า?”
ขณะพูดเธอก็ตั้งใจจะถอดรองเท้าและวางขาไว้บนโซฟาแทน
“เอ่อ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขยับหรอก”
หลิงอี้โบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขาเธอขาวมาก มันสวยจนสะดุดตาแค่นั้นเอง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินซูโหรวจึงขยับขาเข้าหากัน หน้าหยกขาวของเธอเริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นไม่นานหูของเธอก็เริ่มแดงไปด้วย
เธอทนต่อการจ้องมองของหลิงอี้ไม่ไหวจึงก้มหน้าลงด้วยความเขินและจับหางม้าที่ห้อยอยู่เหนือไหล่ขวาขยับเข้ามาปิดแก้มเหมือนปิดไม่ให้เขาเห็นหน้า
แต่ในไม่ช้าเธอก็หันหน้าหนีไปทางทีวี
นั่นทำให้หลิงอี้มองไม่เห็นการแสดงออกของเธอ
“บอกหน่อยสิ”
หลิงอี้นอนตะแคงและใช้มือหนึ่งยกหนุนหัวขึ้น “เมื่อวานเธอคิดอะไรอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้คนแปลกหน้าแบบฉันเข้ามาอยู่ด้วย?”
เขายังงงกับเรื่องนี้จนถึงตอนนี้
“อ๊ะ!?”
หลินซูโหรวชะงักไปครู่หนึ่ง หน้าแดงของเธอจางหายอย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอหันกลับมาสีหน้าก็กลับเป็นปกติ
“เมื่อวาน เอ่อ...เพราะนายเป็นคนพาฉันกลับบ้านอย่างปลอดภัย ฉันเห็นว่านายเป็นเหยื่อเหมือนกัน หล่อ แล้วก็เป็นผู้เล่น ฉันเลยคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าให้นายมาอยู่ที่นี่ด้วย”
“แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันยอมรับความสูญเสียได้ถ้านายเป็นคนเลว”
“ยังไงฉันก็อยู่คนเดียวตลอดชีวิตไม่ได้”
ประโยคสุดท้ายเป็นสิ่งที่หลิงอี้ไม่เคยคิดมาก่อน
เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความแปลกใจเพราะเขาคิดไม่ถึวว่าเธอจะคิดเรื่องแบบนี้ด้วย
'ที่ผู้คนเปิดกว้างแบบนี้เพราะโลกนี้ไม่ธรรมดาหรือเปล่า?’
หลิงอี้แอบคาดเดาในใจ
พอเห็นท่าทางแปลกใจของเขา หลินซูโหรวจึงยิ้มเล็กน้อย “ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ทำให้ไม่มีสิทธิ์เลือกโชคชะตาของตัวเอง”
“ฉันโชคดีมากเลยนะที่ได้เจอนาย”
บุคลิกและหน้าตาของหลิงอี้ล้วนตรงกับสเปคที่เธอชอบ
ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เขาที่พาเธอกลับมา เธอคงไม่ให้ใครเขาเข้ามาอยู่ด้วยแบบนี้
“นอกจากนี้มีคนธรรมดาที่ไหนไม่อยากอยู่กับผู้เล่น ผู้เล่นทุกคนคือคู่นัดบอดที่ดีที่สุด”
“แบบนี้เอง”
หลิงอี้พยักหน้า
ในที่สุดเขาก็เข้าใจความคิดของหลินซูโหรว
เพราะผู้เล่นคือคู่นัดบอดที่ดีที่สุดและเธอไม่ได้เกลียดเขา
เธอจึงเสนอให้เขาเข้ามาอยู่ด้วยเมื่อเธอยอมรับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นได้