ตอนที่ 138 ตรุษจีนในปี 1980
ในวันตรุษจีน สถานที่ท่องเที่ยวในหนานจิงเต็มไปด้วยแสง สี และเสียง รู้สึกได้ว่าเป็นเมืองที่มีชีวิตขึ้นมาทันที ผู้คนต่างก็เฉลิมฉลองให้กับเทศกาลนี้
ซูข่านได้อยู่กับผู้นำตระกูลซูในคืนวันตรุษจีน เขาค้างที่บ้านประจำตระกูลหนึ่งคืนก่อนจะกลับบ้านของเขาในวันต่อมา
เขาไม่ได้กลับไปบ้านที่พ่อแม่ของเขาอยู่ แต่ตรงดิ่งไปยังบ้านของเขาเอง
พอถึงที่บ้าน ซึ่งเป็นเวลาเที่ยงพอดี
ทันทีที่เข้าไปในบ้าน ซูข่านได้กลิ่นหอมอาหารลอยออกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วสนามหน้าบ้าน
พอเข้าไปในบ้านซูข่านก็เห็นเฒ่าหลี่ เฒ่าจาง และเสี่ยวผิงกำลังล้อมวงกันกินหม้อไฟอยู่
กินในบ้านแต่กลิ่นหอมลอยออกไปถึงหน้าบ้าน ฝีมือของเฒ่าจางนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เฒ่าหลี่ไม่มีญาติอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนเฒ่าจางก็มีเพียงลูกชายคนเดียว เขากำลังจะทำอาหารอยู่ในบ้านเกิดของเขา
เฒ่าจางไม่ได้ต้องการที่จะไปหวังพึ่งลูกชายของเขา โชคดีที่เขาได้เจอกันซูข่านก่อน
ความคิดของของคนสมัยโบราณก็จะเป็นแบบนี้ ไม่อยากให้ลูกต้องมาเป็นห่วงพ่อแม่ของเขา
แต่ในยุคต่อมาความคิดนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนหันมาดูแลพ่อแม่ของเขามากขึ้น
เมื่อวันก่อนวันตรุษจีน ร้านอาหารวังหลังได้เปิดทำการอยู่ เฒ่าจางจึงไม่ได้กลับไปหาลูกชายของเขา
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตัวของเฒ่าจางจะไม่ได้ไปหาลูก แต่เขาได้ส่งเงินทั้งหมดของเขาไปให้กับลูกชาย เงินจำนวนที่ส่งไปมากพอที่จะสร้างบ้านได้ถึง 3 หลัง
ที่ดินแถวนอกเมืองราคาจะถูกกว่านี้อีก เงินเพียงเล็กน้อยอาจสร้างบ้านให้กับคนทั้งหมู่บ้านเลยก็ยังได้
ส่วนเสี่ยวผิง บ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากหนานจิงมาก แต่เธอยังไม่กล้าที่จะกลับบ้าน เธอยังคงกลัวพ่อแม่ของเธอจับขังไว้ในบ้าน
พวกเขาคงจะไม่ยอมปล่อยเสี่ยวผิงออกจากบ้านจนกว่าจะได้แต่งงาน
ถ้าแต่มาที่หนานจิง พ่อของเธอคงไม่กล้าที่จะทำเรื่องไร้พวกนั้นอีกแน่นอน รอยฟกซ้ำของครั้งก่อนน่าจะยังเป็นบทเรียนให้กับเขาไม่มากก็น้อย
แต่เสี่ยวผิงไม่รู้ว่าพ่อกับพี่ชายของเธอโดนอะไรในวันที่มาตามเธอที่บ้านหลังนี้
ด้วยเหตุนี้ทำให้หญิงสาวตัวเล็กๆกับเฒ่าแก่ๆคนสอง ได้มากินฉลองวันตรุษจีนกันในบ้านของซูข่าน
และแน่นอนอาหารต้องถูกปรุงโดยเฒ่าจางผู้มากฝีมืออยู่แล้ว
หม้อไฟ เป็นอาหารที่สำหรับการเลี้ยงฉลองปีใหม่อย่างมาก เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการเฉลิมฉลอง
ในหนานจิงจะมีสักกี่คนที่ได้ฉลองวันตรุษจีนด้วยหม้อไฟที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์มากมายขนาดนี้
นี่เป็นวันตรุษจีนที่ฟุ่มเฟือยที่สุดในชีวิตของทั้งสามคนแล้ว
ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังกินหม้อไฟด้วยความอร่อยนั้น ตาของเสี่ยวผิงก็ได้เห็นซูข่านเดินเข้ามา
"พี่สามคะ มากินหม้อไฟด้วยกันสิคะ"
"เชิญครับคุณซู"
เฒ่าจางก็ตะโกนเรียกซูข่านเช่นกัน
ซูข่านได้เดินเข้าไปในบ้าน ข้างนอกบ้านมีอากาศที่หนาวมาก ทันทีที่เข้ามาในห้องภายใน ซูข่านรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ออกมาจากหม้อไฟ
"ฮู้ววว หนาววุ้ย"
ซูข่านถอดเสื้อคลุมและนั่งลงข้างๆหม้อไฟ
"นี่ค่ะพี่สาม"
เสี่ยวผิงนำอุปกรณ์สำหรับมื้ออาหารยื่นให้กับซูข่าน
ซูข่านหยิบตะเกียบและกำลังจะคีบเนื้อสัตว์มากิน
"คุณซู"
เฒ่าจางยิ้มและยื่นถ้วยเล็กๆที่มีน้ำจิ้มให้กับซูข่าน
"นี่คือน้ำจิ้มสูตรลับของผมเอง มันเป็นสูตรดังเดิม คุณซูลองกินดูสิครับ"
ซูข่านพยักหน้าพร้อมกับถือตะเกียบในมือ
เฒ่าหลี่มองดูในหม้อไฟและพูดขึ้นมา
"เนื้อในหม้อใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวผมลงเพิ่มก่อน"
ประโยคนี้สามารถบ่งบอกได้ถึงฐานะของบ้านหลังนี้ได้เลย
ราคาของเนื้อสัตว์สูงมาในยุคนี้ มีแต่เพียงพวกเครื่องในเท่านั้นที่ราคาถูก คนส่วนใหญ่มักจะกินซาลาเปา กับผักเท่านั้น และแน่นอนซาลาเปาเป็นเพียงแป้งเปล่าไม่มีไส้ข้างใน
หากว่าคนอื่นรู้ว่าบ้านหลังนี้มีเนื้อสัตว์ที่เติมไม่ได้ไม่อั้นละก็ ต้องถูกขโมยขึ้นบ้านแน่นอน
เฒ่าหลี่ได้หยิบเนื้อสัตว์ที่ถูกสไลด์อย่างดีลงไปในหม้อไฟ
เมื่อเห็นว่าเนื้อสัตว์ได้เปลี่ยนสี ซูข่านจึงใช้ตะเกียบของเขาคีบไปที่เนื้อสัตว์ชิ้นนั้น
จากนั้นเขาก็เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มของเฒ่าจาง ก่อนจะใส่ปากและเคี้ยว
ระหว่างที่เคี้ยวกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ก็ได้หอมไปทั่วทั้งปากของเขา น้ำจิ้มสูตรดั่งเดิมของเฒ่าจางก็ได้ดึงเอารสชาติของเนื้อให้อร่อยยิ่งขึ้น
"อร่อยจัง"
ซูข่านเอ่ยปากชมเฒ่าจาง
เฒ่าจางเป็นคนที่มีพรสรรค์ในการทำอาหารจริงๆ นอกจากเนื้อสัตว์ที่ทำออกมาได้อย่างพอดีคำแล้ว น้ำจิ้มของเฒ่าจางนั้น มีรสชาติที่ดีจนหาอะไรมาเทียบไม่ได้
ซูข่านไม่รอช้าหยิบเนื้อชิ้นที่สอง จิ้มน้ำจิ้มและกินด้วยความเอร็ดอร่อย
"ปังๆๆๆ"
มีเสียงประทัดดังขึ้น ยุคนี้ ยังไม่มีการห้ามจุดประทัดฉลองในวันตรุษจีน
กลิ่นของหม้อไฟ รสชาติที่ดีของน้ำจิ้ม เสียงประทัดที่ดังเป็นช่วงๆ นี่คือบรรยากาศตรุษจีนที่วิเศษมากๆ
ซูข่านรู้สึกมีความสุขกับหม้อไฟที่อยู่ตรงหน้าเขา บรรยากาศหนาวแล้วได้มากินหม้อไฟร้อนๆแบบนี้ ทำให้อาหารอร่อยขึ้นเป็นพิเศษ
หลังจากที่ทุกคนกินอาหารกันเสร็จ เสี่ยวผิงก็ได้เก็บกวาดทำความสะอาด
ซูข่านได้คิดอะไรบางอย่างออก
เขามองไปที่เสี่ยวและพูดว่า
"เสี่ยวผิง ในบ้านมีประทัดไหม? เราไปจุดประทัดกัน"
ระหว่างที่ซูข่านพูด ก็มีเสียงจุดประทัดจากบ้านโดยรอบ
"เฒ่าหลี่จุดเมื่อวานหมดแล้วค่ะ"
เสี่ยวผิงพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย
ซูข่านคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไร ฉันมีวิธีแล้ว ไปข้างนอกกัน"
ซูข่านหยิบไฟแช็คบนโต๊ะขึ้นมา เขาจับที่แขนเสี่ยวผิงและดึงเธอมาข้างนอกบ้าน
"ว้าย"
เสี่ยวผิงอุทานด้วยความตกใจออกมา หน้าของเธอมีสีแดงขึ้นที่แก้ม ถูกพี่สามดึงตัวออกมาแบบนี้ ต่อหน้าเฒ่าหลี่กับเฒ่าจางอีกด้วย
เสี่ยวผิงรู้สึกเขินจนอยากจะมุดดินหนี
ซูข่านไม่ได้สังเกตสีหน้าของเสี่ยวผิง เขาพาเธอไปที่ประตูหน้าบ้าน
จากนั้นซูข่านก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นประทัดกันอยู่ มีเด็กที่อายุตั้งแต่ 5-20 ปี
ซูข่านได้ตะโกนอะไรบางอย่างให้กับคนกลุ่มนั้น
"อ๊ะ พี่สาม"
ซู่เฟิงหันหน้าไปก็เห็นว่าเป็นซูข่านที่กำลังตะโกนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเป็นที่รู้จักของคนในซอยแห่งนี้
ซู่เฟิงได้วิ่งมาหาซูข่านกับเสี่ยวผิง
"เอาประทัดนายมาหน่อย"
ซู่เฟิงตกใจที่ยิน เขาได้ยื่นประทัดในมือของเขาให้กับซูข่าน
ซูข่านได้หยิบเอาเงินออกจากกระเป๋าของเขาและยื่นให้กับซู่เฟิง
"นายเอาไปซื้อประทัดมาหน่อย เดี๋ยววันนี้เราจะจุดประทัดฉลองตรุษจีนกัน"
ซู่เฟิงมองดูเงินในของเขาแล้วก็เบิกตากว้าง