670 - ภูเขาซูมี่
1980 - ภูเขาซูมี่
“เทพธิดาหวังซีจะปรากฏตัวเช่นกัน แม้ว่าข้าจะแอบหลงรักนางมานานแต่ก็มีความสำนึกตัวเองอยู่เสมอ”
“หวังซีไม่ใช่ผู้สืบทอดที่สำคัญที่สุดของตระกูลหวังอีกต่อไปแล้วหลังจากที่หวังสือปรากฏตัว เป็นที่รู้กันว่าในบุคคลรุ่นเดียวกันทั้งหมดไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านเขาได้”
“จินซานก็ไปเช่นกัน เขาและหวังซีกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าแล้วหรือยัง? ข้าดูเหมือนจะได้ยินมาว่าสถานการณ์เลวร้ายบางอย่างเกิดขึ้นในตระกูลจิน”
ผู้คนมากมายตามกำลังพูดถึงเรื่องนี้
สิ่งสำคัญคือการรวมตัวของอัจฉริยะในครั้งนี้มีความหมายพิเศษ ความเสื่อมถอยของโลกนี้กำลังใกล้เข้ามาและคนเหล่านี้จะไม่ได้พบกันอีก
มีบางคนที่ถอนหายใจคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ของโลกแต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องจากโลกนี้ไปที่อื่น
“ได้ยินมาว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเสริมฟ้าก็จะมาด้วยเช่นกัน หลังจากที่พวกนางทั้งสองคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวความแข็งแกร่งของนางนั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก!”
“เซียนสาวของนิกายแยกฟ้าก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”
สือฮ่าวฟังทุกอย่างอย่างเงียบๆ ในครั้งนี้เขาได้ทราบความเคลื่อนไหวของสหายเก่าหลายคน
ดวงตาของเฉาอวี่เซิ่งเป็นประกายและพูดว่า “เราควรจะไปเหมือนกัน ถึงเวลาต้องเปิดเผยตัวแล้ว เราไม่ได้ออกมาสามสิบปีถึงเวลาที่คนอื่นๆจะได้รู้ว่าจักรพรรดิเฉากลับมาแล้ว!”
“หากเจ้าต้องการบรรลุเต๋า เจ้าควรรออีกห้าร้อยปี!” หมาน้อยพูดอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะทุบตีเขาโดยตรง
“ใครคือวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายใต้ท้องฟ้า? ข้าเองมหาจักรพรรดิเฉา!” เฉาอวี่เซิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจเขาตะโกนเสียงดัง
โฮ่ง!
เป็นผลให้เขาถูกกระแทกกับพื้นโดยสุนัขตัวน้อยขนาดเท่าฝ่ามือใบหน้าของเขาถูกเหยียบย่ำและไม่สามารถลุกขึ้นได้ สุนัขตัวน้อยเหยียบแก้มของเขาและเห่าอย่างต่อเนื่อง
“วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แต่ถูกสุนัขตัวเล็กๆกดลงกับพื้น ยิ่งกว่านั้นเขาเอาความกล้าที่ไหนมาตะโกนแบบนั้นน่าอายจริงๆ!”
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อะไร? สู้สุนัขตัวนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ ถูกรังแกแบบนี้ ขยะแขยงจริงๆ อย่าส่งเสียงดังมากได้ไหม”
ระหว่างทางคนเดินถนนต่างตกใจ เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ พวกเขาทั้งหมดก็เหยียดริมฝีปาก ก่อนจะเย้ยหยันเฉาอวี่เซิ่งโดยเจตนา
“ยี่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ บ้าง? พวกเจ้าได้ยินไหมว่าตอนที่หวังต้าถูกจับ มีสุนัขตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่เข้าร่วมในเหตุการณ์นั้น”
ระหว่างทางมีคนค่อนไม่น้อย ทุกคนรีบไปที่ภูเขาซูมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น
ภูเขาซูมี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสายเลือดพุทธะโบราณ แต่โชคไม่ดีเนื่องจากการต่อสู้ในยุคเซียนโบราณทำให้ภูเขาซูมี่ถูกทำลายไป
ยอดเขาของมันจมลงในพลังแห่งความโกลาหลหลังจากนั้นไม่เคยปรากฏอีกเลย ตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกบางส่วนเช่นเดียวกับซากปรักหักพังขนาดมหึมา
ว่ากันว่ายอดเขาซูมี่เคยสูงตระหง่านยื่นออกไปนอกโลกด้วยซ้ำ มันถูกรายล้อมไปด้วยดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว กว้างใหญ่เกินกว่าจะเปรียบเทียบ
มันเป็นยอดเขาที่ยิ่งใหญ่อันดับสี่ของโลกมียาศักดิ์สิทธิ์มากมายปลูกไว้บนนั้น
นอกจากนี้ บนยอดเขายังมีสมุนต้นไม้เซียนและต้นพุทธองค์ตลอดจนต้นโพธิเซียนที่รู้จักกันดี มันเป็นยาเซียนชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีอะไรเทียบได้
น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีความรุ่งโรจน์ในอดีตก็พินาศ สายเลือดพุทธะโบราณก็ตกต่ำลงหลังจากการต่อสู้ในยุคเซียนโบราณจนกระทั่งขาดหายไป
ระหว่างทางไม่มีสิ่งกีดขวาง กลุ่มของสือฮ่าวก้าวเข้าหาซากของภูเขาซูมี่
ระหว่างทางมีภูเขาสูงตระหง่านยื่นออกไปอย่างต่อเนื่อง ใครๆก็สามารถนึกภาพออกว่าสถานที่นี้เคยงดงามเพียงใด แม้กระทั่งผ่านไปหลายปีมันยังคงมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาอยู่
ภูเขาส่วนใหญ่พังทลายจากการสู้รบ ยอดเขาสูงตระหง่านราบเรียบ เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของร่างที่งดงามเมื่อครั้งอดีต
เถาวัลย์โบราณห้อยลงมาจากสวรรค์ บางต้นก็หนาจนน่าตกใจ สามารถมองเห็นพวกมันที่ปกคลุมไปรอบๆยอดเขาตั้งแต่หลายร้อยลี้ พลังวิญญาณแผ่ซ่านไปทั่วอากาศ
เมื่อพวกเขาเดินลึกลงไป พลังชีวิตของต้นไม้ก็ไม่อุดมสมบูรณ์อีกต่อไป ดินแดนโบราณบางแห่งถูกเปิดเผย มีซากและอาคารแตกหลายหลังปกคลุมภูเขา เศษซากส่องแสงระยิบระยับ
อิฐ กระเบื้อง และสิ่งอื่นๆของสายเลือดพุทธะโบราณล้วนมีความพิเศษ มีอารามที่สร้างด้วยอิฐเงินและวัดที่ปูด้วยกระเบื้องสีทอง ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างศักดิ์สิทธิ์
ราชาอมตะพุทธะเคยนั่งอยู่ในนั้นมาก่อน น่าเสียดายที่ทุกอย่างกลายเป็นควันไปนานแล้ว
การต่อสู้ครั้งนั้นทำลายทุกสิ่งในโลก
แม้แต่นิกายโบราณอันรุ่งโรจน์ก็ยังถูกโค่นล้ม ย้อนกลับไปในตอนนั้น เป็นที่รู้กันว่าราชาอมตะพุทธะเป็นผู้ไม่มีใครเทียบได้นั้นมีร่างกายสีทองที่ไม่มีวันแตกหัก
เมื่อครั้งนั้นเขาสามารถเผชิญหน้าซือถูและอันหลานได้โดยตรง แต่ในท้ายที่สุด ร่างสีทองของเขาก็ยังถูกโจมตีจนเสียชีวิตไป
ในวันนั้นร่างกายสีทองของเซียนอมตะพุทธะทรุดตัวลง ภูเขาซูมี่จึงถูกทำลายไปพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นอดีต วันนั้นโลหิตของเขาย้อมสวรรค์โลกตกอยู่ในความเศร้าโศก
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสงครามเซียนโบราณ ความพ่ายแพ้ของเขาทำให้แม้แต่ธรรมชาติก็ยังสะอื้นไห้
ความสามารถอันสูงส่งของพุทธะโบราณถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ ญาณวิเศษประจำตัวของเขาถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟในที่สุดเขาก็ต้องพ่ายแพ้ตกตาย สถานที่แห่งนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง กลายเป็นอนุสรณ์สถานแห่งอดีต
มีตำนานกล่าวว่าภูเขาซูมี่จะกลับมาในอนาคต พุทธองค์จะเกิดใหม่ผ่านเปลวไฟจากซากปรักหักพัง เข้าร่วมในการประลองครั้งใหญ่ ดำเนินการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
“สถานที่แห่งนี้ใหญ่มาก ในอดีตมีผู้แข็งแกร่งมากมายแค่ไหนที่นี่?” เฉาอวี่เซิ่งพูดไม่ออก
เป็นเวลานานพอสมควรแล้วตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ มีร่องรอยของวัดมากมายไปตลอดทาง โดยรวมแล้วสถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่และไร้ขอบเขตเกินไปจริงๆ
“เมื่อก่อนที่นี่เป็นดินแดนพุทธนับได้ว่าเป็นสวรรค์ของสายเลือดพุทธะโบราณ ว่ากันว่าในช่วงที่เฟื่องฟูสุดๆมีสิ่งมีชีวิตสายเลือดพุทธะโบราณอาศัยอยู่ที่นี่นับล้าน” เจ้าหมาน้อยถอนหายใจด้วยความชื่นชม สีหน้าดูซับซ้อนหวนคิดถึงบางเรื่องในอดีต
“จำอะไรได้บ้าง” สือฮ่าวถาม
สุนัขตัวน้อยตบริมฝีปากของมันและพูดว่า “เฮ้อ ในอดีตราชาอมตะมีดอกบัวพุทธเติบโตในสระคุณธรรมที่นั่น เมล็ดบัวนั้นอร่อยเกินไปจริงๆ”
สือฮ่าวพูดไม่ออกอย่างสมบูรณ์
เฉาอวี่เซิ่งยืนบื้ออยู่ตรงนั้นด้วยความงง
ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันกำลังรู้สึกเศร้าโศก แต่ใครจะคิดว่ามันกำลังคิดถึงรสชาติของบัวในสระคุณธรรม!
“เจ้าหมาโง่ เจ้านี้ช่างไร้คุณธรรมจริงๆ!” เฉาอวี่เซิ่งพึมพำ
พวกเขามาถึงภูเขาซูมี่ นี่คือลานตรงกลางซึ่งเคยเป็นยอดเขาอันยิ่งใหญ่เดิม
ในสายตาของสือฮ่าวและเฉาอวี่เซิ่งนี่เป็นเหมือนที่ราบสูงขนาดยักษ์ที่กว้างใหญ่เกินไป มันยิ่งใหญ่กว่าภูเขาหลายลูกรวมกันซะอีก
ในความเป็นจริงว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่แห่งแรกที่ราชาอมตะพุทธะโบราณแสดงธรรม ยอดเขาแห่งนี้จึงถูกทำให้หดเล็กลงไม่เช่นนั้นมันจะยิ่งใหญ่กว่านี้มาก!
ภูเขาที่ที่ไม่มียอดเรียกได้ว่าเป็นที่ราบสูงแห่งหนึ่ง มีหินกองอยู่รอบๆหน้าผานั้นยิ่งใหญ่มาก
บริเวณใกล้เคียงมีพืชพรรณอยู่น้อยนิด มีต้นไม้เพียงเล็กน้อย พวกมันทั้งหมดเป็นต้นไม้โบราณ เป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ซึ่งตั้งตรงและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ คดเคี้ยวราวกับมังกรโบราณที่นี่
อย่างไรก็ตาม ยอดภูเขาที่แตกสลายกลับกลายเป็นสีเขียวชอุ่ม หนาแน่นมากราวกับพรมสีเขียว ทุกสถานที่บนภูเขาถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้แปลกๆที่มีความหอมฟุ้งกระจายไปทั่วอากาศ
ทันใดนั้นก็มีเสียงพิณดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบหมอกเซียนหมุนวนไปมา มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเล่นพิณ
รูปลักษณ์ภายนอกของนางโดดเด่นเป็นอย่างมาก นางกำลังเล่นพิณอยู่บนเก้าอี้หยกที่มีลักษณะไม่ธรรมดา
รอบๆมีวิหคนับร้อยนับพันบินวนเวียนอยู่ มีทั้งนกหลวนและนกศักดิ์สิทธิ์อื่นๆในหมู่พวกมัน
“คู่ควรกับการเป็นองค์หญิงเหยาเยว่ เพลงนี้ได้กระตุ้นหัวใจของเต๋าของข้า มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อมตะ บริสุทธิ์ และปราศจากความหยาบคาย” มีคนกล่าวด้วยความชื่นชมยินดี
คนที่เล่นพิณคือองค์หญิงเหยาเยว่จากราชสำนักอมตะ เสียงพิณนั้นไพเราะ เต็มไปด้วยเสน่ห์เต๋าที่ยิ่งใหญ่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง นกมงคลทุกชนิดก็มาร่วมสนุกด้วยเช่นกัน