ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 21 ซื้อโสม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 23 เส้นทางสู่ยุทธภพ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 22 โสมจิตวิญญาณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 22 โสมจิตวิญญาณ

แปลโดย iPAT  

ดาบพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานอีกครั้ง แม้ดาบจะปะทะแผ่นหลังของเขาแต่มัดกล้ามเนื้อของเขาก็หดตัวอย่างรวดเร็วทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

ในเวลาเดียวกันเขาก็แทงดาบทะลุช่องท้องของฝ่ายตรงข้ามและกวาดลงตามแนวทแยงมุม จากนั้นเขาก็ใช้ดาบตัดหัวของอีกคน

กลิ่นอายที่ดุร้ายป่าเถื่อนของเขาเริ่มสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คน

แรกเริ่ม เสี่ยวเฮยของหมู่บ้านบังเหียนม้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าหลี่ฉิงซานแข็งแกร่งกว่า หลังจากทั้งหมดเขาคิดว่าหลี่ฉิงซานเอาชนะพวกเขาได้เพราะการลอบโจมตี เสี่ยวเฮยกำลังมองหาโอกาสที่จะกู้คืนชื่อเสียงให้กับตนเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ ทักษะการต่อสู้ของหลี่ฉิงซานรวมถึงความดุร้ายของเขาทำให้เสี่ยวเฮยตกใจมาก

สัตว์ร้ายตัวนี้ไม่ใช่เหยื่อที่นักล่ามือสมัครเล่นเช่นเขาจะจัดการได้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในตลาดและไม่สามารถดึงดาบขึ้นมาต่อสู้กับหลี่ฉิงซาน มิฉะนั้นใครจะรู้ว่ามันจะจบอย่างไร

เมื่อเวลาผ่านไป เจ็ดศพก็นอนนิ่งอยู่บนพื้นขณะที่หลี่ฉิงซานคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและประคองตัวเองด้วยดาบหักของเขา มีบาดแผลมากกว่าสิบแห่งอยู่บนร่างกายของเขา เสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดงด้วยเลือดของทั้งตัวเองและคนอื่นๆ

ความหวาดกลัวและความบ้าคลั่งปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนเก็บโสมที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้าย แม้เขาจะเคยปล้นฆ่ามามากก่อนหน้านี้ แต่นั่นเป็นเพียงการรังแกคนอ่อนแอเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นการสังหารหมู่เช่นนี้มาก่อน “เจ้า...เจ้ามันบ้า!”

การแสดงออกของหลี่ฉิงซานยังแข็งทื่อเหมือนก้อนหิน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย เขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อเขาเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงหมดแรงไปชั่วขณะ

‘นี่คือเส้นทางที่ข้าเลือก! มันเต็มไปด้วยเลือด!’

วัวดำยืนนิ่งและมองหลี่ฉิงซานราวกับกำลังถามว่า “เสียใจหรือไม่?”

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” คนเก็บโสมคนสุดท้ายคำรามขณะพุ่งไปข้างหน้า

ดาบที่ฟาดมายังลำคอของหลี่ฉิงซานทำให้เส้นขนทั้งร่างของเขาชูชันขึ้น เขาคำราม “ข้าไม่เสียใจ!” พลังปราณทั้งหมดในร่างกายของเขาไหลไปที่มือ เขาจับดาบอย่างแน่นหนาก่อนจะเหวี่ยงมันออกไปฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

ทันใดนั้น...

“ฟิ้ว...สวบ!” ลูกธนูพุ่งผ่านอากาศมาจากระยะไกลก่อนจะปักลงกลางแผ่นหลังของคนเก็บโสมคนสุดท้ายและทำให้เขาล้มลงกับพื้น

หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ร่างกำยำสองสามร่างเดินลงมาจากหน้าผา พวกเขาก็คือนักล่าจากหมู่บ้านบังเหียนม้า พวกเขาเดินเข้ามาหาหลี่ฉิงซานอย่างระมัดระวังก่อนจะพุ่งเข้าไปคว้าแขนขาทั้งสี่ของเขาเอาไว้

หลี่ฉิงซานใช้กำลังทั้งหมดไปแล้วกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงถูกจับอย่างง่ายดาย

“เด็กน้อย ทำได้ดีมาก!” ฮวงปิงหูเก็บคันธนูขนาดใหญ่ของเขาและยกย่องหลี่ฉิงซาน จากนั้นเขาก็โบกมือให้สมาชิกนักล่าของเขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่สองฟากของหุบเขา

ไม่นานหลังจากนั้นคนเก็บโสมคนอื่นๆก็มาถึง พวกเขาตรวจสอบศพของสหายอย่างถี่ถ้วน เมื่อพวกเขาเห็นคนเก็บโสมที่ถูกยิงด้วยธนู การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป บางคนตะโกน “ออกจากที่นี่!”

กลุ่มคนเก็บโสมชักดาบออกมาทันที แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะใช้ทักษะดาบระดับมือสมัครเล่นเพื่อหยุดลูกธนูจำนวนมาก ดังนั้นเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชจึงดังขึ้น

ฮวงปิงหูยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่และง้างคันธนูขนาดใหญ่ของเขาโดยเล็งเป้าไปยังคนเก็บโสมที่พยายามหลบหนี ลูกธนูทุกดอกของเขาไม่เคยเสียเปล่า มันไม่เคยพลาดเป้า นั่นทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้าแห่งความตาย

หลี่ฉิงซานนั่งมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความประหลาดใจและตกใจกับการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างสองหมู่บ้านที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะพลังอำนาจของธนูที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง

เขาฝึกหมัดปีศาจวัว นั่นทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาพัฒนาไปได้เร็วกว่าแง่มุมอื่น หากเขาสามารถใช้ธนู เขาจะสามารถฆ่าคนเหมือนลูกแกะที่ถูกเชือดในโรงฆ่าสัตว์หรือไม่?

เมื่อฮวงปิงหูปล่อยลูกธนูดอกที่ห้าของเขา เสียงกรีดร้องด้านล่างก็หยุดลง มีเพียงเสียงครวญครางเบาๆที่แทบไม่ได้ยินเท่านั้นที่เหลืออยู่

“ฮวงปิงหู!” คนเก็บโสมผู้หนึ่งที่ถูกธนูยิงที่ต้นขาตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“เป็นข้า!” ฮวงปิงหูกระโดดลงมาจากก้อนหินและถาม “โสมจิตวิญญาณอยู่ที่ใด? หากเจ้าพูดมาตามตรง ข้าจะมอบความตายที่รวดเร็วที่สุดให้เจ้า!”

“เจ้า...เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

“ข้ายังรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขาด้านนี้อีกมากมาย โสมจิตวิญญาณปรากฏขึ้นใกล้หมู่บ้านบังเหียนม้า มันสามารถรักษาโรคได้ทุกชนิดและยังช่วยยืดอายุขัยถูกต้องหรือไม่? เดิมทีข้าคิดว่ามันเป็นข่าวปลอม แต่ตอนนี้ข้าค่อนข้างมั่นใจแล้วเมื่อเห็นการแสดงออกของเจ้า หากเจ้าคิดว่าสามารถขโมยเหยื่อจากปากเสือ นั่นแสดงว่าพวกเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป!”

“เจ้าต้องการใช้โสมจิตวิญญาณรักษาโรค แต่เจ้าควรหยุดฝัน เจ้าไม่รู้วิธีจับโสมจิตวิญญาณ เพียงรอก่อน หมู่บ้านราชาโสมจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป!”

“พวกเจ้าต้องการต่อสู้กับหมู่บ้านบังเหียนม้าโดยพึ่งพาเพียงหมู่บ้านที่แตกแยกของพวกเจ้างั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ผู้ใดจะรู้ว่าผู้คนมากมายเพียงใดจะไปรวมตัวกันที่หมู่บ้านบังเหียนม้า!”

การแสดงออกของฮวงปิงหูเปลี่ยนไปเล็กน้อย “แต่เจ้าจะไม่สามารถนำตัวเองไปถึงจุดนั้น!”

เมื่อฮวงปิงหูเห็นว่าเขาไม่สามารถรีดเค้นข้อมูลใดๆจากคนเก็บโสมได้อีก ดังนั้นเขาจึงโบกมือส่งสัญญาณให้นักล่าทั้งหมดจบชีวิตคนเหล่านี้ หลังจากนั้นพวกเขาก็รวบรวมสมบัติและโยนศพทั้งหมดลงไปในเหว

พวกเขาเก็บกวาดสนามรบทั้งหมดอย่างรวดเร็ว มีเพียงร่องรอยของคราบเลือดที่ยังแสดงให้เห็นว่าเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นที่นี่ แต่หลังจากฝนตกจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่

ในบางครั้งชีวิตของผู้คนก็ดูไร้ค่าราวกับมดปลวก

กลุ่มนักล่ามองหลี่ฉิงซานด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย มันมีทั้งความชื่นชมและเจตนาสังหารที่ไม่สามารถปกปิด

หลี่ฉิงซานพึ่งได้ยินความลับอันยิ่งใหญ่ คนของหมู่บ้านบังเหียนม้าจะไม่ปล่อยให้เขาจากไป วิธีที่ง่ายที่สุดคือฆ่าเขาทันที จากนั้นพวกเขาก็จะโยนศพของเขาลงไปในเหวเช่นเดียวกับศพของกลุ่มคนเก็บโสม

แน่นอนว่าวัวดำจะไม่ช่วยและปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับความเป็นความตายด้วยตัวเอง ในความเป็นจริงการเดินทางครั้งนี้ทำให้หลี่ฉิงซานเรียนรู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้ามาก แต่เขาก็ตระหนักถึงความอ่อนแอของตนเองเช่นกัน บางทีนี่อาจเป็นความตั้งใจของวัวดำ

ฮวงปิงหูกล่าว “เด็กน้อย เจ้ายินดีจะไปหมู่บ้านบังเหียนม้ากับข้าหรือไม่?”

“หากข้าไม่ไปจะเป็นอย่างไร?”

“อวดดี!”

“ฆ่ามันซะ!”

กลุ่มนักล่าโกรธจัด

ฮวงปิงหูโบกมือ “ข้าไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ หากไม่ต้องการก็ไปซะ! ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่คนปากพล่อย!”

หลี่ฉิงซานลังเลเล็กน้อย ฮวงปิงหูเป็นคนน่าเกรงขาม เขาจะไม่ใจอ่อนเมื่อต้องฆ่าบางคน บางทีเขาอาจไม่ฆ่าหลี่ฉิงซานจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่านักล่าคนอื่นๆจะทำอย่างไร หลังจากทั้งหมดดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็อยากไปเยี่ยมชมหมู่บ้านบังเหียนม้า บางทีเขาอาจได้เรียนรู้วิธีการล่าสัตว์หรือยิงธนู เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะสามารถหาอาหารได้ด้วยตนเองและไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากวัวดำอีกต่อไป ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก สำหรับโสมจิตวิญญาณ เขายังไม่กล้าที่จะคิดถึงมันในเวลานี้

“เช่นนั้นข้าก็จะไปกับพวกท่าน”

ฮวงปิงหูยิ้มและสั่งบางคนให้นำสมุนไพรมารักษาบาดแผลของหลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามฮวงปิงหูกลับค้นพบว่ามัดกล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มบีบรัดตัวแน่นเป็นเหตุให้เขาไม่เสียเลือดมากนัก นี่ทำให้ชายชรารู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ

หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บและเดินไปที่เกวียนของเขา เขาหยิบโสมที่พึ่งซื้อออกมาและเคี้ยวมันอย่างช้าๆ เขายังเปิดจุกไหสุราและดื่มมันอีกหลายคำ

สุราทำให้โสมเจือจางขณะที่คลื่นความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขาและทำให้เขากลับมากระฉับกระเฉงอีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุรู้สึกประหลาดใจ

หลี่ฉิงซานปีนขึ้นไปบนเกวียนของเขาโดยเพิกเฉยต่อทุกคน เขานั่งอยู่ที่นั่นและเริ่มทำสมาธิ การฟื้นฟูบาดแผลและความอ่อนเพลียเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญสำหรับเขาในเวลานี้คือไตร่ตรองและเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลวของเขาในการต่อสู้ที่พึ่งผ่านพ้นมา

เขาไม่สามารถพึ่งพาโชค เขาเคยได้ยินผู้คนกล่าวถึงอันตรายในสนามรบ โดยพื้นฐานแล้วเขามีประสบการณ์ตรงกับมันในวันนี้ หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขาอาจเสียชีวิตได้ทันที ชีวิตของผู้คนบนโลกใบนี้ช่างดูไร้ค่า เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นตลอดเวลา และเขาก็ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้มากกว่านี้ในจุดนั้น หากต้องการรักษาชีวิต เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจหมัดปีศาจวัวลึกซึ้งมากขึ้นอีกขั้น เขารู้สึกเหมือนตนเองเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้า มันเหมือนดาบที่พึ่งผ่านการหลอมให้แหลมคมขึ้น