ตอนที่ 31 บทสนทนา
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาก็สมควรโดนแล้วล่ะ”
ฟางเฉิงมองจ้าวเจ๋อที่โดนเผาอย่างเย็นชาโดยไม่คิดจะช่วย
หลิงอี้สงสัย “ไม่กลัวว่าฉันโกหกเหรอ?”
พอพูดจบเขาก็เห็นฟางเฉิงส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันมีกระดิ่งพูดความจริง มันจะส่งเสียงถ้านายโกหก”
“อ้อ เข้าใจแล้ว”
หลิงอี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วถามด้วยความสงสัย “คุณจะดูเขาตายไปเฉยๆแบบนี้? จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
ในความเห็นของเขา นี่น่าจะไม่ใช่แนวทางของคนมีคุณธรรม
“ไม่มีปัญหา”
ฟางเฉิงส่ายหัว “ชายคนนี้บุกเข้าบ้านของผู้เล่นคนอื่นแล้วถูกทุบตีจนตาย...ยังไงนี่ก็เป็นครั้งที่เจ็ดแล้วที่เขาตาย”
“พอเขาโดนเผาเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันพากลับไปเอง”
“เขาฟื้นคืนชีพได้?”
“ใช่ ฟื้นคืนชีพแล้วต้องไปรับโทษต่อ มีผู้เล่นชั่วร้ายหลายคนที่คิดว่าความตายเป็นการปลดปล่อยหลังจากทำเรื่องเลวร้าย เพื่อยุติความคิดแบบนั้นพวกเราจึงคืนชีพให้พวกเขาแล้วส่งไปรับโทษ”
พอพูดถึงตรงนี้ฟางเฉิงก็หยุดพูด
เขามองหลิงอี้ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ต่อให้อยู่ในหลุมฝังศพ20ปี แต่ถ้ายังไม่ได้รับการลงโทษ เราจะคืนชีพให้มารับบทลงโทษก่อน เมื่อบทลงโทษหมดลงเราจะปล่อยให้เขานอนในโลงต่อไป”
“แบบนี้เอง”
ฟางเฉิงมองหลิงอี้และเตือนอย่างจริงจัง “หลังจากที่นายเป็นผู้เล่นนายต้องควบคุมตัวเอง อย่าเข้าไปในบ้านของคนอื่น อย่าใช้สิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง และอย่าใช้สกิลในที่สาธารณะ...”
หลิงอี้พยักหน้าตอบ
'แปลก ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น? หรือเขารู้ว่าฉันเพิ่งกลายเป็นผู้เล่น?’
ฟางเฉิงเห็นบางอย่างจากใบหน้าของชายหนุ่มจึงทำให้ใบหน้าจริงจังของเขาผ่อนคลายลง
เขาทำหน้าเป็นมิตรอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “โดยปกติแล้วฉันจะรู้จักผู้เล่นทั้งหมดในเมืองอึ๋งหั่วของเรา คนที่ฉันไม่รู้จักส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกกับผู้เล่นใหม่ในช่วงสองเดือนนี้”
“ถ้าเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นผู้เล่นของเดือน5ใช่ไหม?”
“( ̄ェ ̄;) เอ่อ...”
“หรือจะเป็นเดือน6...อ่า ไม่เป็นไร การเพิ่มเลเวลช้า...ถือเป็นเรื่องปกติ ฉันก็เพิ่มเลเวลช้าเหมือนกัน”
ฟางเฉิงยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็พูดอย่างสุภาพ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วนายสามารถไปได้เลย ปล่อยให้ฉันจัดการตรงนี้เอง”
“ได้”
......
เมื่อหลิงอี้กลับมาหลินซูโหรวก็รีบบอกเรื่องโจวสือที่อยู่ข้างบ้านทันที
หลังจากนั้นไม่นานโจวสือก็ถูกพาตัวไปพร้อมกับจ้าวเจ๋อ
08.00น.
หลิงอี้เพิ่งกินอาหารเช้าแสนอร่อยเสร็จ ดวงอาทิตย์ส่องแสงเข้ามาในห้องโถง ทั่วทั้งห้องสว่างไสวและอบอุ่น
เขาเอนตัวนอนบนโซฟาในห้องโถง
หลังจากนั้นไม่นานหลินซูโหรวที่ถอดผ้ากันเปื้อนออกก็เดินช้ามานั่งข้างเขา
นั่นทำให้กลิ่นหอมของเธอลอยมาเตะจมูกหลิงอี้
“ขอบคุณนะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “การมีนายอยู่ด้วยดีกว่าจริงๆ...”
หลิงอี้คิดว่าเธอจะพูดขอบคุณต่อ แต่เธอกลับพูดว่า “แต่นายบอกว่าเข้าเสินลู่เมื่อวานไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงมีสกิลสนับสนุนได้ล่ะ?”
ตอนนั้นเธอได้ยินเสียงของหลิงอี้ที่อยู่ด้านนอก เธอกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาจึงวิ่งขึ้นมาดูจากชั้นสอง
นั่นจึงทำให้เธอเห็นหลิงอี้ใช้สกิลสนับสนุนดาบธาตุคู่ชนะจ้าวเจ๋อ
“ฉันคงเลื่อนเป็นเลเวล10ในสองวันไม่ได้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า นั่นก็จริง”
หลินซูโหรวปิดปากหัวเราะและเชื่อว่าหลิงอี้เป็นหนึ่งในผู้เล่นเดือน5
ภายใต้สถานการณ์ปกติ
ผู้เล่นทั่วไปสามารถเลื่อนเป็นเลเวล10ได้ในครึ่งเดือน และเลื่อนเป็นเลเวล13ในหนึ่งเดือน
ความแข็งแกร่งที่หลิงอี้แสดงให้เห็นใกล้เคียงกับเลเวล10—ในฐานะแขกของที่นี่ เขาสามารถตัดสินใจเองได้ว่าจะบอกหรือไม่บอกเรื่องนี้
“แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมีธาตุคู่...เป็นคนที่มีอนาคตสดใดจริงๆ”
หลินซูโหรวมองหลิงอี้และพูดด้วยความอิจฉา
ใบหน้าหยกของเธอแสดงให้เห็นอารมณ์ที่นึกย้อนกลับในช่วงที่เธอเป็นผู้เล่น
หลิงอี้เลิกคิ้วขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นบังเกิดในใจเขา
“ตอนนี้เธอกลายเป็นคนธรรมดาแล้ว เธอเข้าการคัดเลือกผู้เบ่นอีกรอบไม่ได้เหรอ?
หลินซูโหรวบอกเรื่องของเธอให้เขาฟังเมื่อวาน
ตอนนั้นหลิงอี้คิดว่าเขาคงไม่ได้ติดต่อกับเธอมากนักจึงไม่ทำความเข้าใจเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจอยู่กับเธอแล้ว เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องรู้สถานการณ์ของเธอเพิ่ม
“ไม่ได้”
หลินซูโหรวส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ความจริงแล้วตอนนี้ฉันยังเป็นผู้เล่นอยู่ แต่เป็นผู้เล่นที่ไร้พลัง”
“สกิล คุณสมบัติของผู้เล่น หรือแม้แต่ไอเทมในกระเป๋าเป้ก็ยังมีอยู่ แต่ไม่สามารถใช้งานได้”
“โอ้!?”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงไอเทมในกระเป๋าเป้ หลิงอี้ก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
เขารีบถามว่า “ในกระเป๋าเป้ของเธอมีอะไรเหรอ!?”
พอเห็นความอยากรู้อยากเห็นของหลิงอี้ออกหน้าออกตาหลินซูโหรวก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เธอยิ้มหวานให้เขาจนดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว “ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่สมบัติ อาวุธ แล้วก็สกิลบางอย่าง”
เธอใช้มือจับผมทาบหูแล้วพูดต่อ “แต่ในกระเป๋าเป้ฉันมีสกิลที่มีค่า น่าเสียดายจริงๆ”
“ถ้าไม่มีข้อจำกัดเรื่องนี้ฉันคงให้สกิลนายแล้ว”
ถึงจะไม่ให้เขาก็ไม่เป็นไร หลิงอี้สะกดความอยากรู้เอาไว้ไม่ได้ “สกิลอะไร?”
“ฮิฮิ”
พอได้เห็นท่าทางอยากรู้ของหลิงอี้ หลินซูโหรวเลยอดไม่ได้ที่จะใช้มือปิดปากแล้วหัวเราะออกมา
เธอตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีความคิดที่เรียบง่าย เขาไม่ได้ปิดบังความคิดของเลย
ต่างจากคนอื่นๆที่มีความคิดแยบยล ทุกคำพูดต้องมีความหมายลึกซึ้งและน่ารำคาญ
เธอหยุดหัวเราะที่เหมือนระฆังอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นการจ้องด้วยความแปลกใจของหลิงอี้ใบหน้าเธอจึงแดงเล็กน้อย เธอตอบอย่างรวดเร็ว “เป็นสกิลเก้าดาวที่หายากมาก มันลดสติปัญญาของศัตรูได้ชั่วคราว”
“ลดสติปัญญา?”
“ใช่ มันทำให้ศัตรูโง่ได้”
“มีใครเคยลองหรือยัง?”
“ยังไม่มี ปัจจุบันน่าจะมีแค่ฉันคนเดียวที่มีมัน”
“ว่าไงนะ?”
“เพราะมันดรอปจากบอสมอนสเตอร์ที่อยู่ในการประเมินเท่านั้น และเขตของพวกฉันก็โดนประเมินเหมือนกัน บอสมอนสเตอร์ประเภทนี้มีแค่ตัวเดียวในการประเมินและฉันก็ได้สกิลมาจากมัน”
หลังพูดจบหลินซูโหรวก็เสริมว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่ามันหายากมาก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงอี้ถึงกับหมดคำจะพูด “ทำไมเธอไม่บอกตั้งแต่แรกว่ามีแค่ตัวเดียว”
“ฮิฮิ”
หลินซูโหรวปิดปากหัวเราะอีกครั้ง
ไหล่ที่สั่นเทาส่งกลิ่นหอมออกมามากขึ้น
เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้เธอมีความสุขมาก