ตอนที่ 137 คนเบื้องหลัง
เมื่อเห็นว่าซูข่านไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา ชายชราที่มองดูอยู่ก็รู้สึกชื่นชมซูข่านอยู่ภายในใจ
ซูข่านไม่เคยพูดจาให้ร้ายแก่ซูเหวินเลย มีเพียงแต่ซูเหวินเท่านั้นที่ต้องการที่ข่มซูข่าน
แต่พวกเขาทั้งสองก็คือหลานชายของตระกูลซูแห่งนี้
ในภายภาคหน้า ตอนที่เขาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว หวังว่าทั้งสองคนจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พวกเขาทั้งสองจะต้องแบกชื่อตระกูลสืบไป
ซูข่านก็เข้าใจในตัวของคุณปู่เช่นกัน หากต้องการที่จะให้ตระกูลซูเจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้า พวกเขาจะต้องทำงานร่วมกันกับคนภายในครอบครัว เป็นเรื่องยากที่คนเพียงคนเดียวจะแบกตระกูลนี้ไว้ได้
หากไม่มีตระกูลซู บางทีซูข่านก็อาจไม่ได้ก้าวมาอยู่ถึงจุดนี้
"กินข้าวกันเถอะ"
ชายชรารีบพูดเมื่อเห็นว่าอาหารมาวางไว้พร้อมแล้ว
จากนั้นทุกคนก็หยิบแก้วขึ้นมาแล้วอวยพรให้กับชายชราทีละคน ชายชราหยิบซองจดหมายสีแดงหนึ่งกอง จากนั้นเขาก็ได้แจกให้กับแต่ละคน
ภาพนี้แสดงถึงความอบอุ่นที่อยู่ในภายตระกูลซูอย่างมาก
ถึงแม้ว่าลูกๆหลานๆของเขาก็ชิงดีชิงเด่นกันภายในตระกูล แต่พวกเขาทั้งหลายก็ยังรักและเทิดทูนชายชราคนนี้อยู่
ซูข่านรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกครั้ง เขารู้สึกว่าไม่ได้สัมผัสมาเป็นระยะเวลาที่นานมาก
เมื่อนึกถึงชาติก่อนของเขา หลังจากที่ตระกูลซูล้มละลาย ภาพแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก
"ภาพแบบนี้ฉันจะต้องรักษามันไว้ให้นานที่สุด"
ซูข่านพูดกับตัวเองในใจ
มื้ออาหารกินเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง ซูเหวินพยายามที่จะวิพากษ์วิจารณ์ซูข่านหลายต่อหลายครั้งในระหว่างที่กินข้าว
เขาพยายามที่จะพูดถึงซูข่านที่ยังไม่มีงานทำอยู่ตลอด
แต่น่าเสียดายที่ชายชราได้พูดปัดคำพูดของซูเหวินทิ้งทั้งหมด
ซูเจียงจุนมึนงงเล็กน้อย ทำไมพ่อถึงได้ไม่สนใจคำพูดของซูเหวินเลย
ซูเหวินก็แสดงอาการไม่พอใจในสายตาของเขา เขาไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีอะไรออกมา
หลังจากทานอาหารเสร็จ ชายชราได้พูดขึ้นมาเบาๆ
"เจียงจุน เจียงกัว ซูเหวิน ซูข่าน ตามฉันมา"
หลังจากพูดจบชายชราก็ได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หลังบ้าน
"พ่อ"
ซูเจียงจุนประหลาดใจกับการกระทำของชายชรา
ทั้ง 4 คนได้เดินทางชายชราไปยังห้องหนังสือที่อยู่หลังบ้าน
"พ่อมีอะไรจะบอกกับพวกผมเหรอครับ?"
ซูเจียงกัวพ่อของซูข่านถามด้วยรอยยิ้ม
"ก็"
ชายชราหรือหัวหน้าตระกูล เขาได้มองไปที่ซูข่านและพูดขึ้นมา
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซูข่านจะทำอะไรก็ห้ามพูดถึงเขาขึ้นมาอีก ปล่อยให้เขาทำตามใจของเขา"
ซูเหวินตกใจที่ได้ยินและพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"ตอนนี้ซูข่านยังไม่ได้มีงานทำสักหน่อย หากปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้ต่อไป ตระกูลซูของเราจะต้องเสียชื่อแน่"
"ฮ่าๆๆๆ"
ชายชราได้หัวเราะออกมา
เขาส่ายหัวและมองไปที่ซูเหวินที่กำลังทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
"ซูเหวิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมองลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไม่ออกสินะ"
"อะไรนะครับ"
ซูเหวินงุนงงกับคำพูดของปู่ของเขา
ทำไมปู่ยังได้พูดแบบนี้กับเขา
ซูข่านตอนนี้ยังเป็นเด็กที่ไม่มีงานทำ เขาทำได้แค่เดินเที่ยวไปมาในหนานจิงเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อยแต่ก็ยังสามารถทำงานได้แล้ว
ดูอย่างหวางเอ๋อเพื่อนสนิทของมันสิ ตอนนี้เปิดร้านอาหารที่มีชื่อเสียงทั่วเมืองแล้ว
มีข่าวลงหนังสือพิมพ์แทบจะวันเว้นวัน คนใหญ่คนโตของหนานจิงก็ได้เอ่ยปากชมหวางเอ๋อเองกับตัว
เขาเป็นคนที่ทำให้หนานจิงมีชื่อเสียงจนเมืองรอบๆแห่กันมากิน KFC ของเขา
แต่พอมองมาที่ซูแคนที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก เขาไม่ได้แม้แต่เสี้ยวของหวางเอ๋อเลยแม้แต่น้อย
หากเป็นยังนี้ต้องไปชื่อเสียงของตระกูลซูจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่ซูเหวินที่ทำหน้างุนงงและมองไปที่ซูข่าน
ซูเจียงจุนก็หรี่ตาลงเล็กน้อยและมองไปที่ซูข่านเช่นกัน เขาสงสัยว่าซูข่านไปทำอะไรมา
ทำไมพ่อของเขาถึงได้ออกตัวปกป้องซูข่านแบบนี้
ครึ่งปีก่อนที่ได้เจอกับซูข่าน พ่อก็ยังไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย
ซูข่านเห็นทั้งสองคนที่มองมายังเขา ซูข่านก็ได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาเล็กน้อย
อย่างที่คาดการณ์ไว้เลย ความคิดของตาเฒ่านั่นได้เปลี่ยนไปแล้วสินะ
"คุณปู่ครับ"
ซูเหวินกัดฟันของเขาแล้วพูดขึ้นมา แม้ว่าปู่จะห้ามพูดถึงเรื่องของซูข่านอีก
"คุณปู่รู้จักเด็กที่ชื่อหวางเอ๋อไหมครับ"
"เด็กที่มาจากตระกูลหวางใช่ไหม"
ชายชราได้ทวนคำพูดของซูเหวินเบาๆ
"เด็กคนนั้นก็ทำงานให้กับซูข่านอยู่นี่ไง"
หลังจากพูดจบซูเจียงจุนและซูเหวินก็ตกใจเล็กน้อย พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อที่ยินได้ออกมาจากชายชรา
เรื่องที่ชายชราเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่นี้ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ร้านนั่นเป็นของซูข่านอย่างงั้นเหรอ?
"ใช่ไหม? ซูข่าน"
ชายชราหันหน้าไปมองซูข่าน
"ฮ่าๆ"
ซูข่านหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ประจบปู่ของเขา
"คุณปู่รู้เรื่องร้านนั่นจริงๆด้วยสินะครับ"
"ใช่ครับ ร้าน KFC เป็นของผมเอง"
"เรื่องจริงงั้นเหรอ?"
ซูเหวินถามออกมาเสียงดัง
ซูข่านไม่ได้สนใจ เขาพูดกับปู่ของเขาต่อ
"ผมได้ยินมาว่ามีร้านแบบนี้ที่ต่างประเทศ ผมเลยอยากลองเปิดร้านแบบนั้นดูบ้าง"
"KFC เป็นของซูข่านอย่างงั้นเหรอ?"
ซูเจียงจุนถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ร้านนี้เป็นที่ยอดนิยมที่สุดในหนานจิง เขาไม่คิดเลยว่าหลานชายของเขาจะเกี่ยวข้องกับร้านนี้ด้วย
"ใช่ครับคุณลุง"
ซูข่านหันไปมองซูเจียงจุนและตอบอย่างสุภาพ
ตาเฒ่านั่นรู้เรื่อง KFC ของเราจริงด้วย มันน่าจะทำให้ซูเหวินยอมแพ้ที่จะกล่าวหาเราได้แล้วสินะ
ซูเหวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
ตอนแรกเขาติดว่าเขาจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในตระกูลแล้ว แต่ตอนนี้เขาพ่ายแพ้ให้กับลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
ซูเหวินรู้สึกว่าตอนนี้เขาด้อยกว่าซูข่านมาก ไม่แปลกใจที่ทำไมคุณปู่ถึงได้ออกตัวปกป้องซูข่านขนาดนั้น
เขามองไปที่ซูข่าน ซูเหวินรู้สึกว่าทำไมชายที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ทำไมเขาดูมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
กว่าที่เขาจะมีปากทีเสียงในตระกูลซู เขาต้องลำบากทำงานเป็นปีๆแทบตายกว่าจะมายืนในจุดนี้ได้
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
"มันเป็นร้านที่ซูข่านเปิดด้วยตัวเองถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูแลทั้งหมดก็เถอะ จากนี้ไปซูข่านจะทำอะไรก็ทำตามใจชอบได้แล้ว เขาโตพอที่จะไม่ต้องรับคำสั่งใครอีกแล้วล่ะ"
"สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ"
ซูเจียงกัวพูดอย่างภาคภูมิใจในตัวลูกชายของเขา
ซูเจียงจุนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดว่า
"เข้าใจแล้วครับพ่อ"
"เข้าใจแล้วครับคุณปู่"
ซูเหวินรู้สึกว่าความภาคภูมิใจของเขาได้หายไปแล้ว ซูข่านตอนนี้ได้อยู่เหนือกว่าเขาแล้ว
"เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว"
ชายชราได้โบกมือไล่ให้ทุกคนกลับ ระหว่างที่ทุกคนกำลังจะเดินออกจากห้อง ชายชราก็ได้พูดขึ้นมา
"ซูข่าน หลานอยู่คุยกับปู่หน่อยสิ"
"ครับคุณปู่"
ซูข่านยิ้มให้กับคุณปู่