SN-ตอนที่ 8 เพื่อน
การประเมินการต่อสู้ได้สิ้นสุดลง และ มันเป็นไปตามที่ อัลดิช คาดเอาไว้ นักเรียนเดอะเฟรมคนอื่น ๆ ได้ถูกจัดให้อยู่คลาส F โดยไม่ตกหล่นแม้แต่คนเดียว
สิ่งนี้ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ‘คลาส-F’ ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนเดอะเฟรมเพื่อแยกตัวพวกเขาออกไปให้ไกล
อัลดิช และ อดัม ได้ใช้เวลาอยู่ในห้องพยาบาลหลังจากการประเมินการต่อสู้สิ้นสุดลง โดรนได้เปิดชุดเฟรมของพวกเขาและอพยพพวกเขาออกมาจากอารีน่าพร้อมกับนักเรียนผู้วิวัฒที่กำลังสังเกตุการณ์อยู่ ซึ่งมันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังมีสติอยู่และหัวเราะให้กับความโชคร้ายของพวกเขา
สถานพยาบาลเป็นอาคาร 2 ชั้น ขนาดค่อนข้างใหญ่และมันตั้งอยู่ที่ชายขอบของย่านแบล็ควอเตอร์ โดยมีผนังเหล็กสีขาวส่องสว่างและเครื่องหมายกากบาทสีเขียวที่เรืองแสงเป็นประกาย
เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ ใน แบล็ควอเตอร์ สถานพยาบาลได้รับการตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทีทันสมัย และ เช่นเดียวกับสถานที่อื่น ๆ นักเรียนเดอะเฟรมเช่น อัลดิช ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าถึงได้อย่างเต็มที่
พวกเขาได้ถูกกักขังไว้ในห้องใต้ดินที่ได้รับการดัดแปลงใหม่ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเข้าถึงได้ก็คืออุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานที่ดูเหมือนจะเป็็นอุปกรณ์ค่ายทหารระดับต่ำที่เหลือจากการปะทะกับวาแลนเพียงเท่านั้น
ในสถานที่แห่งนี้ เตียงค่อนข้างแข็งราวกับหิน ภายใต้แสงไฟที่ริบหรี่มีเงาขนาดเล็กได้เคลื่อนผ่านไปมาและคาดว่ามันน่าจะเป็นหนู อัลดิช และ อดัม ได้นอนพักในขณะที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบอาการบาดเจ็บของพวกเขา เอเลเน่ เองก็อยู่ที่นั่นกับพวกเขา แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มันกลับรู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อได้อยู่กับคนในหอพักเดียวกัน
สิ่งนี้มันสามารถเข้าใจได้ พูดตามตรง เหล่าผู้วิวัฒทุกคนล้วนน่ากลัวสำหรับเธอ
นางพยาบาลหญิงที่สวมหน้ากากได้ขยับมือเข้าออกและตรวจสุขภาพของพวกเขาโดยไร้ซึ่งคำพูด เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะคุยกับพวกเขาเลย
“แล้วผู้บาดเจ็บคนอื่น ๆ อยู่ไหนเหรอครับคุณพยาบาล”อดัม ได้พูดขณะที่เขานั่งลง อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างเบา เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาถูกลำแสงยิงเพียงครั้งเดียว
“พวกเขาอยู่ชั้นบน”พยาบาลพูดขณะที่เธอชี้ไปที่เพดานหินที่แตกร้าวด้วยปากกาสไตลัส ขณะที่กำแผ่นปิดตาสีเทาบาง ๆ ไว้ที่หน้าอกของเธอ
“บ้าจริง ทำไมพวกเขาถึงได้อยู่ชั้นบน ในขณะที่พวกเราติดแหง็กอยู่ที่นี่”อดัม ได้บ่นออกมา
“อีกสองคนอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก”นางพยาบาลกล่าว“พวกเธอสองคนโชคดีที่ถูกส่งมาที่นี่ เพราะอย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเธอยังมีพลังพอที่จะพูดแบบนั้น”
“โอ้”อดัม พยักหน้าพลันเข้าใจ
อัลดิช จ้องไปที่รอยแยกบนเพดานโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขาได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับ แฟรงค์และเจค เกี่ยวกับนักเรียนเดอะเฟรมที่วิ่งหนี
พวกเขาถูกไล่ล่าอย่างไร้ความปราณีโดยพวกนักเรียนผู้วิวัฒที่มีกลิ่นอายความกลัวจากพวกเขา และ พวกเขาก็ถูกทุบตีอย่างทารุณครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่นักเรียนผู้วิวัฒคนอื่นพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้รับคะแนนน็อคเอาท์
ในขณะเดียวกัน เนื่องจาก เซ็ท และ ลูกทีมของเขาได้จัดการกับ อัลดิช,อดัม และ เอเลเน่ เป็นการส่วนตัว จึงทำให้ไม่มีผู้วิวัฒคนไหนที่กล้าแข่งขันกับ เซ็ท และ พยายามอ้างว่าพวกเขาเอาชนะ อัลดิช และ กลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาได้
ดังนั้นต้องบอกเลยว่าความโหดร้ายของเซ็ทได้ช่วยให้พวกเขาพ้นจากอันตราย
“แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้อีกนานแค่ไหน”พยาบาลได้กล่าวออกมา“เพราะแบล็ควอเตอร์จะถีบพวกเขาออกไปหลังจากพิจารณาว่าอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรงได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสมแล้ว เพราะจากการพิจารณาแล้วพวกเขาไม่น่าจะมีเงินมากพอที่จะเรียกผู้รักษามาช่วยเหลือได้”
มันเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้วิวัฒว่าผู้ที่มีพลังรักษานั้นหายากเป็นพิเศษ
พลังการรักษาตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พลังการรักษาผู้อื่นนั้นหายากจนทำให้ ผู้วิวัฒ ให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มาก และ ในบรรดาผู้รักษาพวกเขาสามารถรับประกันได้เลยว่าจะมีการว่าจ้างในการทำงานตลอดชีวิตของพวกเขา
ผู้รักษาเหล่านี้จำเป็นจะต้องเสียเงินจ้างพวกเขาเป็นอัตราที่สูง แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้าไปไกลถึงจุดที่ความตายสามารถรักษาให้ขาดได้ แต่การฟื้นตัวก็ยังคงต้องใช้ความพยายาม ดังนั้น แบล็ควอเตอร์ จึงไม่เต็มใจที่จะจ่ายให้กับ ผู้ผิดปกติ มากนัก
ดังนั้นมันคงเป็นเรื่องตลกถ้าสถาบันการศึกษาจะช่วยเหลือนักเรียนเดอะเฟรมอย่างเต็มที่เพื่อรักษาบาดแผลของพวกเขาด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุด
พยาบาลได้ถอนหายใจออกมาและสั่นศีรษะก่อนที่จะจ้องมองไปที่ อัลดิช,อดัม และ เอเลเน่ “พวกเธอสามคนควรพิจารณาที่จะจากไปเช่นเดียวกัน เพราะสถานที่แห่งนี้จะสูบเลือดเนื้อของพวกเธอจนหมดสิ้น”
“ช่างมันเถอะ”อดัมได้กล่าวออกมา“อย่างน้อยฉันก็พอมีเงินเหลืออยู่”
“ฉันไม่ได้มาเพื่อให้คำแนะนำจริง ๆ หรอกนะ พวกเธอจะตัดสินใจอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอ”นางพยาบาลนักไหล่ก่อนที่จะเดินจากไปที่ชั้นบนเพื่อดูแลผู้ป่วยที่ชั้นบน
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อดัม ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้น่ามันน่าเหลือเชื่อมากเลย อัลดี้ นายเอาชนะ ไอ้พวกโง่ผู้วิวัฒ 2-3 คน ได้ ไอ้พวกนั้นโดนนายทุบตีจนกระเด็นไปไกลเลย ให้ตายเถอะ ฉันล่ะจดจำภายเหล่านั้นในหัวเป็นพัน ๆ ครั้งแล้ว”
“ก็แค่โชคดี”อัลดิช กล่าวออกมา
“ทำไมนายถึงไม่บอกเราว่านายสามารถใช้เฟรมได้?”เอเลเน่ได้กล่าวถาม“นอกจากนี้นายยังไม่สอนพวกเราอีกว่ามันใช้งานยังไง”
“...”อัลดิช ไม่ได้พูดอะไร
“หรือว่านายต้องการซ่อนทักษะของตัวเองเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะประเมินนายต่ำไป?”อดัมได้คาดเดา
อัลดิช เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่า อดัมที่ดูโง่เขลาสามารถวิเคราะห์เรื่องนี้ได้
“นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก ถ้านายเก่งอะไร ก็จงเก็บมันไว้คนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายเป็นผู้ผิดปกติเหมือนกับพวกเรา”อดัม กล่าวออกมา“ฉันไม่ได้ไม่พอใจนายหรอกนะ แต่มันเป็นสัจธรรมของโลก เพราะข้อได้เปรียบเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยเหลือนายในอนาคต”
“ฉันเองก็เข้าใจได้”เอเลเน่ได้ถอนหายใจออกมา“นายพูดถูก แต่ฉันคิดว่าสำหรับนักเรียนเดอะเฟรมอย่างพวกเรา สิ่งที่เราควรมีในสถานบันนี้ก็คือกันและกัน อีกอย่าง ฉันเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อพวกนายสองคนเพราะฉันคิดว่าพวกนายก็เป็นผู้ผิดปกติเหมือนกันกับฉัน”
“พวกเราสามารถเป็นพันธมิตรกันได้”อัลดิชกล่าวออกมา“เธอพูดถูก พวกเราต้องร่วมมือร่วมใจกันในสถานที่แห่งนี้ เพราะไม่มีผู้วิวัฒคนใดที่ให้ค่าพวกเรา ในอนาคต มันควรจะดีกว่าหากพวกเราได้ทำงานร่วมกัน”
“อีกอย่างฉันไม่ได้ขอให้พวกนายเชื่อใจฉันหรอกนะ แต่ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าการประเมินในครั้งแรกของพวกเราจะเป็นการประเมินการต่อสู้เช่นนี้?”
“ถ้าฉันรู้ล่วงหน้าฉันก็คงมีเวลาคิดและรวบรวมแผนการบางอย่าง หลังจากนั้นฉันก็จะแจ้งให้ทุกคนทราบและสร้างกลยุทธ์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มจุดแข็งของพวกเราและกลบจุดอ่อนเหล่านั้นทิ้งไป”
“ดังนั้นพวกนายเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย?”
“เราเข้าใจ และ ฉันก็ไม่ได้ต้องการจะโทษนายจริงๆ”เอเลเน่ กล่าวออกมา“ก็เหมือนที่อดัมพูด ในเมื่อนายเป็นผู้ผิดปกติในโลกนี้มันก็ไม่แปลกที่นายจะเก็บข้อได้เปรียบของตัวเองเอาไว้เพราะมันจะเป็นส่วนช่วยเหลือนายในอนาคต และ ฉันเองก็รู้ว่าตัวเองนั้นมีการตอบสนองที่ไม่ดี แต่ฉันเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านมันไปได้”
“ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นนักเรียนเดอะเฟรม 3 คน สุดท้ายที่เหลืออยู่ เช่นนั้นพวกเรามาทำความรู้จักกันเถอะ”อดัม กล่าวออกมาและยิ้มให้กับ เอเลเน่“ทำไมพวกเธอถึงมาที่นี่?ทำไมถึงต้องทนกล้ำกลืนความสิ้นหวังขนาดยอมโดนเตะตูดในวิธีการที่แตกต่างเพียงเพื่อให้สำเร็จการศึกษาจากหลุมอึแห่งนี้?”
เอเลเน่และอัลดิชได้เงียบไปหลายวินาที
อัลดิชเป็นฝ่ายพูดก่อน “พ่อแม่ของฉันเคยเป็นฮีโร่ แต่พวกเขาถูกองค์กรไทรเด้นฆ่าตายดังนั้นฉันจึงต้องการใบอนุญาติในการล่าเพื่อตามล่าพวกมัน”
อดัม ได้ลอบกลืนน้ำลายทันที “บ้าเอ้ย นี่มันฮาร์ดคอร์เป็นอย่างมาก ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนอยู่บนรถดวงตาของนายถึงดูสิ้นหวังและดูตายอยากขนาดนี้ เอเลเน่ และ เธอล่ะ?”
“พ่อแม่ของฉันไม่ใช่ฮีโร่ แต่พวกเขาเป็นผู้วิวัฒ”เอเลเน่กล่าวออกมา ขณะที่เธอใช้นิ้วลูบผมสีแดงยาวอย่างหมาป่า“เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันเป็นผู้ผิดปกติ พวกเขาก็ปฏิเสธฉันและโยนฉันไปทิ้งที่พื้นที่รกร้างในทันที”
อัลดิช รู้สึกเห็นใจเธอเล็กน้อย พื้นที่รกร้าง ถือเป็นพื้นที่ที่ถูกทำลายโดยพวก วาแลน ซึ่งต้องเป็นคนที่สิ้นหวังอย่างแท้จริง ถึงได้ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น จากนั้นสถานที่แห่งนั้นก็กลายเป็นเมืองเล็ก ๆ และ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ก็เป็นพื้นที่ยากจนเป็นอย่างมาก
เพราะมันเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสถานที่ที่ผู้วิวัฒอาศัยอยู่ นีโอซิตี้ สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบซึ่งแสดงให้เห็นความมั่งคั่ง และ การป้องกันที่แน่นหนา โดยปกติแล้วพวกเขามักจะโยนลูกหลานที่เป็นผู้ผิดปกติของพวกเขาออกไปยังพื้นที่รกร้างเพื่อซ่อนความละอายใจและปัดความรับผิดชอบของพวกเขา
“นี่มันแย่มาก”อดัม กล่าวพูดอย่างเห็นใจ “ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่?”
“15 ไม่สิ มันก็นานมากแล้ว ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ”เอเลเน่ กล่าวออกมา
อดัมได้สั่นศีรษะ “โลกได้ปฏิเสธเรา ฉันเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันเองก็เหมือนกับเธอ พ่อแม่เป็นผู้วิวัฒส่วนฉันเป็นผู้ผิดปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ฉันออกไป ส่วนฉันรอดชีวิตมาได้จากการทำงานในเวกัสในสถานที่ทำงานแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศษเหล็กหรือเทคโนโลยีที่พัง และที่นั่นแน่นอนว่าฉันได้ขโมยเมื่อฉันสามารถทำได้”
“แล้วเธอรอดชีวิตมาได้ยังไง?”
“มีชายแก่คนนึงได้รับเลี้ยงฉัน”เอเลเน่ กล่าวออกมา“ฉันอาจจะไม่มีพลังพิเศษ แต่ฉันมีความสามารถในการเขียนโค้ด และ ฉันสามารถช่วยเหลือร้านของเขาเพื่อหารายได้เพิ่มเติมได้”
ในหมู่ผู้วิวัฒเอง ก็มีความสามารถประเภทเทคโนโลยีอยู่ ทว่า การที่ เอเลเน่ สามารถช่วยเหลือในด้านนี้ได้ แสดงว่า ชายแก่คนนั้นน่าจะสงสารเธอมากหรือไม่ก็เธอมีพรสวรรค์ในด้านนี้
“หวา ฉลาดจัง”อดัมได้อุทานออกมา
เอเลเน่ ได้ขยับตัวอย่างไม่สบายใจ ราวกับไม่คุ้นเคยการชมเชย “ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้”
จากนั้นดวงตาของเธอก็ลดลง “แรนดอลล์—นั่นคือชื่อของผู้ชายที่พาฉันเข้ามา เขาแก่แล้ว และความทรงจำของเขาก็ค่อนข้างเลือนลางตามอายุของเขา แต่ ฉันไม่ต้องการให้เขาตายในสถานที่รกร้างเหล่านั้นเพียงลำพัง และ ทำงานจนกระดูกพรุนไปเช่นนั้น”
“ดังนั้น ฉันจึงต้องการเรียนจบจากที่นี่ กลายเป็น ฮีโร่ และ หาสถานที่อยู่ในเมืองนีโอซิตี้ เพื่อให้เขาได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข เพราะอย่างน้อย ฉันก็เป็นหนี้เขา”
“เธอมีจิตใจที่ดี”อดัมกล่าวออกมา“ดีกว่าฉันมาก ในตอนที่ฉันถูกทิ้ง ฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ กว่าฉันจะหาสถานที่พักพิงให้ตัวเองได้ ฉันต้องร่อนเร่ไปทั่ว กระทั่งอดมื้อกินมื้อ แม้แต่ เบอร์เกอร์และเค้ก ฉันก็ยังไม่เคยกิน”
เอเลเน่ หัวเราะออกมา สิ่งนี้ทำให้ อดัม เอียงศีรษะและถาม“หืม เธอหัวเราะอะไร?”
“แม้กระทั่งเบอร์เกอร์และเค้กนายก็ยังไม่เคยกิน?”เอเลเน่กล่าวถาม
“ใช่ ฉันหมายถึง ฉันไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ แต่ฉันเห็นโฆษณาของพวกเขาตลอดเวลา ซึ่งมันต้องมีรสชาติดีแน่เลยใช่มั้ย?”อดัมกล่าวออกมา“อีกอย่าง ฉันก็อยากได้รถเหมือนกัน น้ำสะอาดก็คงดี เสื้อผ้าที่เยอะและดูสะอาด และ ยังมี…”
อดัมเริ่มเขียนสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นรายการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาต้องการแต่ไม่เคยได้รับมันมาก่อน
อัลดิช ได้ตั้งข้อสังเกตุการสนทนานี้อย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกเคารพทั้ง 2 คนนี้ เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ทั้งสองมีวัยเด็กที่ยากลำบากมากกว่า เพราะในตอนเด็กเขาเคยอาศัยอยู่ใน นีโอ-ยอร์ก ซึ่งเป็น เมืองนีโอซิตี้ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะพ่อแม่ของเขามีเงินเหลือเพียงพอจากการทำงานเป็นฮีโร่
ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ของเขาไม่ได้เลือกที่จะทอดทิ้งเขาเหมือนกับ พ่อแม่ของอดัม และ เอเลเน่
“แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ฉันต้องการก็คือเพื่อน”อดัมกล่าวออกมาและยิ้มกว้างให้กับเอเลเน่และอัลดิช“พวกนายรู้อะไรไหม! ตอนนี้ฉันมีเพื่อนสองคนแล้ว เป็นอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีกับฝีปากที่เราะร้าย ฉันรู้สึกรักพวกนายอย่างแท้จริง”
“ฉันเองก็ยินดีนะที่นายรู้สึกแบบนั้น”อัลดิช ได้เผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
“ใช่แล้ว เพื่อนคือสิ่งสำคัญ”อดัม ได้ทุบกำปั้นไปที่หน้าอกของเขา“โดยเฉพาะคนไร้พลังอย่างพวกเรา ฉันมีความรู้สึกว่า ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน พวกเราจะสามารถก้าวผ่านปัญหาทั้งหมดไปได้”
“หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”เอเลเน่พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา
“อืม”อัลดิช ก็ตอบกลับอย่างง่าย ๆ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีสิ่งร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นหรือไม่