Ep.282 - เขาทมิฬไคโร VS แม่ทัพมังกรพายุ
3/3
Ep.282 - เขาทมิฬไคโร VS แม่ทัพมังกรพายุ
จางเสี่ยวเฉียงกล่าวทันที “เฮ้ ยังต้องเสียเวลาคิดอีกหรอ? ไปหาแม่ทัพมังกรกันเถอะ ดูยังไงเจ้าพวกนี้ก็แข็งแกร่งกว่า!”
ฮังอวี่จ้องมองเขา “นายอย่าโง่ไปหน่อยเลย ก็เพราะพวกมันแข็งแกร่งกว่านี่แหละ ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ผิด!”
เหมือนกับที่เหล่าจ้าวพูดไว้
ภารกิจทดสอบยังไงก็ต้องมีหนทางให้แก้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้มันได้อย่างราบรื่น คนส่วนใหญ่สามารถเห็นว่ามังกรพายุกุมความได้เปรียบ ดังนั้นตัวเลือกเข้าฝ่ายมังกรพายุคือตัวเลือกที่ผิดอย่างแน่นอน
จ้าวหมิงกล่าว “ที่เสี่ยวฮังพูดฟังดูมีเหตุผล ทัพมังกรมาที่นี่เพื่อปราบกบฏ แล้วพวกมันจะยอมให้กองทัพท้องถิ่นที่ไม่ทราบที่มีเข้าร่วมได้ยังไง?”
“ถูกต้อง เมื่อเข้าใกล้ พวกเราจะถูกฆ่าทันทีในฐานะกบฏ!” ฮังอวี่หยุดพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ทุกคนมากับผม พวกเราจะไปหาเขาทมิฬไคโร!”
ฝูงชนไม่ลังเล
เดินตามบอสใหญ่อย่างไม่หวั่นไหว
ฮังอวี่นำกองกำลังของเขาเข้าใกล้กองทัพชนเผ่า
พลรบมนุษย์เหยี่ยวร่อนลงมาจากฟ้า หยุดเบื้องหน้าเขาทันที มันสวมชุดเกราะสีดำ ถือหอกยาวในมือ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “พวกเจ้าเป็นใคร!”
เบื้องบนของพลรบมนุษย์เหยี่ยว
มีพลรบอีกนับสิบนายบินวนอยู่รอบๆ พวกมันตื่นตัวและพร้อมลงมือตลอดเวลา
ทุกคนประหลาดใจมากที่พบเจอกับมนุษย์เหยี่ยวทรงภูมิปัญญา
แต่ที่ประหลาดใจยิ่งกว่าคือภาษาที่มันพูดพวกเขาสามารถเข้าใจได้!
แน่นอน ทุกคนไม่ได้เดินทางข้ามมิติและเวลามาที่นี่ และนี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริงบนทุ่งหญ้ายาโนฟาร์
ภาพที่ทุกคนเห็นเป็นแค่การจำลองเท่านั้น
ฮังอวี่ตอบโดยไม่เสียเวลาคิด “พวกเราคือพลรบจากชนเผ่าใกล้เคียง อยากขอเข้าร่วมกับเจ้านายใหญ่เขาทมิฬเพื่อต่อสู้กับสมุนอันโหดเหี้ยมของเฮสการ์!”
“ที่แท้พวกเจ้าคือพี่น้องจากชนเผ่าใกล้เคียง” มนุษย์เหยี่ยวกวาดสายตามองทุกคน “ดูเหมือนพวกเจ้าจะตกเป็นเหยื่อของการปกครองแบบเผด็จการเช่นกัน โปรดตามข้ามา!”
มนุษย์เหยี่ยวนำฝูงชนเข้ามาในกองทัพ
แล้วพวกฮังอวี่ก็ได้พบกับผู้นำสูงสุดของกองทัพนี้
อีกฝ่ายคือมิโนทอร์ที่มีแววตากระจ่างใสเต็มไปด้วยภูมิปัญญา
เขามีร่างกายที่สูงและกำยำ สวมเกราะรบสีแดงเลือดนก มีค้อนสงครามขนาดใหญ่เป็นอาวุธ
เพียงแค่หยุดยืนเบื้องหน้า
ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันจนยากจะหายใจ
หวังเอ๋อหางจุกตูด กระซิบเสียงเบา “ฮ่ง เจ้านาย คนๆนี้อยู่ในเลเวล 10 เป็นระดับเจ้าถิ่นขั้นโกลด์!”
เจ้าถิ่นขั้นโกลด์เลเวล 10!
นี่มากพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกช็อค!
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่รู้ดีว่าสิ่งที่เห็นในการจำลองนี้ทั้งหมดถูกปรับสมดุล ดังนั้นมิโนทอร์ไคโรที่ปรากฏตัวในสนามรบครั้งอดีตย่อมไม่ใช่แค่เจ้าถิ่นขั้นโกลด์เลเวล 10 อย่างแน่นอน
สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือเวอร์ชันที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
แม่ทัพมังกรพายุอีกฝั่งหนึ่งก็น่าจะเหมือนกัน
ฮังอวี่อธิบายอีกครั้ง “แม้ศัตรูจะแก่กล้า และพลังรบของพวกเรามีจำกัด แต่ชนเผ่าเรายินดีเข้าร่วมกองทัพเขาทมิฬ เป็นกำลังส่วนหนึ่งให้เจ้านายต่อกรกับมังกรคลั่งเฮสการ์ผู้โหดร้าย!”
“พูดได้ดี! เจ้าไม่เพียงมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่ยังไม่หวาดกลัวความโหดร้ายของเฮสการ์” ไคโรเอ่ยเสียงทุ้ม “ข้าไคโร เจ้านายใหญ่แห่งชนเผ่าเขาทมิฬยอมรับคำขอของพวกเจ้า ตกลงให้เข้าร่วมกับกองกำลังของพวกเรา”
จ้าวหมิงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาว่างเปล่า
ก็นี่มันจะแปลกเกินไปไหม!
ไคโรไม่คิดจะสงสัยหรืออะไรเลยหรอ!?
อย่างแรกเลย มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่น่าจะปรากฏขึ้นมาก่อน
อืม ที่ง่ายดายแบบนี้คงเพราะมันคือการจำลอง แม้สภาพแวดล้อมจะดึงภาพจริงมาได้ แต่ก็ไม่มีทางดึงเขาทมิฬไคโรตัวจริงเข้ามา ที่เห็นตอนนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนเท่านั้น
หากสติปัญญามีการจัดลำดับ
มอนสเตอร์สายพันธุ์ย่อยจะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตสติปัญญาต่ำ
บางตนแม้มีสติปัญญาดี แต่ก็ใกล้เคียงกับเด็กทารก ขาดความรู้ความเข้าใจ และความสามารถในการเรียนรู้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เป็นทหารตัวเล็กๆในสนามรบเท่านั้น
ขณะที่มนุษย์และเผ่าพันธุ์ชั้นสูงตนอื่นๆล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา
สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาไม่เพียงแต่มีสติปัญญาที่ค่อนข้างสูงเท่านั้น แต่ยังมีเจตจำนงอันแก่กล้า มีความสามารถทางปัญญา รู้จักคิด วิเคราะห์ และเรียนรู้ นี่คือพื้นฐานในการสร้างอารยธรรม
นอกจากมีลำดับสติปัญญาสูงและสติปัญญาต่ำแล้ว
อันที่จริงยังมีสติปัญญาระดับปานกลางและสติปัญญาเป็นเลิศอีกด้วย
ซึ่งสติปัญญาระดับกลางคือภาพสะท้อนของเขตแดนลับแห่งนี้ ส่วนสติปัญญาเป็นเลิศหมายถึงการมีอยู่ในระดับตำนานหรือระดับเทพ เพราะมันอยู่เหนือสามัญสำนึกอย่างสิ้นเชิง เป็นภูมิปัญญาที่ทรงพลังเกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการได้
อย่างไรก็ตาม
ในที่สุดการเข้าร่วมก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
นี่แสดงว่าพวกเขาเดาไม่ผิด
กองทหารของแม่ทัพมังกรพายุได้มาถึงอย่างรวดเร็ว
ฮังอวี่เปิดใช้งานเทคนิคตาเหยี่ยวเลเวล 3 เพื่อเสริมความสามารถในการมองเห็น นี่คล้ายติดตั้งกล้องส่องทางไกลไว้ที่ตา ขยายขอบเขตการมองเห็นได้หลายเท่า และตอนนี้เขาสามารถมองเห็นแม่ทัพศัตรูได้อย่างชัดเจน
แม่ทัพมังกรพายุบารุตขี่สัตว์มังกร มันตัวสูงและผอมเพรียว มีอาวุธคือเคียวสีฟ้า ในขณะนี้มันอ้าปากและตะโกนมาทางพวกเขา “เขาทมิฬไคโร ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ เป็นเรื่องโง่เขลานักที่คิดก่อกบฏต่อเฮสการ์ผู้ยิ่งใหญ่ จงมอบเผ่าและหมู่บ้านของพวกเจ้าให้แก่เรา มิฉะนั้นเจ้าจะถูกเนรเทศไปชายแดน!”
เขาทมิฬไคโรยิ้มเย็นชา “เฮสการ์กดขี่ชนเผ่าเรา ใช้ประโยชน์จากดินแดนและพื้นที่ล่าสัตว์ของเรา เราจะไม่รับใช้สัตว์เลื้อยคลานโสโครกจอมละโมบผู้นี้อีกต่อไป!”
“บังอาจ!”
แม่ทัพมังกรพายุตวาดลั่น
ในพริบตา ในอากาศคล้ายเกิดการระเบิด แรงลมกวาดฮือเข้ามาทางฝั่งกองทัพผสม
เขาทมิฬไคโรหัวเราะอย่างกล้าหาญ “หากเจ้าอยากสู้ก็สู้เสีย หยุดพล่ามไร้สาระ ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่าหนึ่งในสามแม่ทัพมังกร มังกรพายุจะเก่งกาจสักแค่ไหน!”
“ฆ่า!”
“กำจัดพวกมัน!”
กองทหารของทั้งสองฝ่ายปะทุไปด้วยเจตนาฆ่า
จิตสังหารปั่นป่วนน่าสะพรึงสั่นสะเทือนไปทั้งสนามรบ
นี่น่ะหรือความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าโลกวิญญาณ นี่น่ะหรือคือการต่อสู้ระหว่างสองขุมกำลังในโลกวิญญาณ?
ฉากปัจจุบันนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่พวกเขาเจอในป่าแห่งการเริ่มต้นแล้ว ที่ผ่านมาเหมือนพวกเขาเป็นแค่เด็กกำลังเล่นอยู่ในบ้าน
ใบหน้าของจางเสี่ยวเฉียงซีดเผือด “เจ้า ... เจ้านาย นี่พวกเราต้องสู้จริงๆหรอ? พวกเรามีกันแค่ 100 คน ถ้าลงสนามรบคงไม่ต่างจากน้ำหยดเดียวสาดลงกองไฟ!”
คนอื่นๆก็ตื่นตกใจกับฉากสงครามนี้เช่นกัน
จ้าวหมิง เฉินหยู ฉูเทียนหัวพบว่าการสร้างทีมของตัวเองช่างเป็นเรื่องไร้สาระ
ต่อให้พวกเขาจะพยายามสร้างทีมให้ดีแค่ไหน
แต่ก็มีเวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น
แล้วทีมที่สร้างในเวลาอันน้อยนิด จะสามารถเทียบเคียงขุมกำลังจากโลกวิญญาณได้อย่างไร?
แทนที่จะนำกองกำลังอันเงอะงะของพวกเขาไปอย่างงุ่มง่าม บางทีมันอาจดีกว่าที่จะทำเหมือนฮังอวี่ เป็นหมาป่าเดียวดายสบายๆ จะรุกหรือหนีก็สามารถทำได้อย่างอิสระไม่ต้องสนคนอื่น
บางที
กลยุทธ์ที่พวกเขาวางไว้อาจไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก
ในโลกวิญญาณ ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเริ่มเคลื่อนทัพ ในไม่ช้าก็ปะทะกันกลางทุ่งหญ้า กลายเป็นการต่อสู้อันดุเดือด
ฮังอวี่ตะโกนเสียงดัง
“ทุกคนตามผมมา!”
“พยายามอย่าหลุดจากกลุ่ม!”
“ห้ามต่อสู้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำทุกอย่างตามคำสั่งของผม!”
ในที่สุดกองทัพพันธมิตรของเผ่าเขาทมิฬและกองทัพปราบกบฏของมังกรก็ปะทะกัน
นี่อาจไม่เหมือนกับเหตุการณ์ต่อสู้ที่เกิดขึ้นจริงในทุ่งหญ้า แต่ในแง่ของความวิตกกังวลในสนามรบ ความดุเดือด หรือแม้แต่ฉากโต้เถียง ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าของจริงเลย
เขาทมิฬไคโรกับมังกรพายุต่อสู้กัน
ทางหนึ่งถือค้อนยักษ์ ทางหนึ่งถือเคียว ทั้งสองกระโดดจากสัตว์ขี่พร้อมกัน หวดสกิลใส่กันกลางอากาศ สั่นสะเทือนบริเวณโดยรอบ ทหารหลายตนโดนลูกหลง
การต่อสู้ประมือระหว่างทั้งสองดูเหมือนว่าจะเท่าเทียม
แม่ทัพมังกรบารุตกระเด็นออกไป ระหว่างนั้นเหวี่ยงใบมีดสายลมออกจากเคียวยาว กระแทกเข้าใส่สีข้างไคโร ทำลายเกราะชิ้นหนึ่งแตกทันที
แม่ทัพมังกรผู้นี้แก่กล้ามาก!
สมควรเป็นกุญแจสำคัญของศึกนี้!
ฮังอวี่ออกคำสั่งทันที “ไปกันเถอะ ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อฆ่าเจ้าแม่ทัพมังกรโอหังตัวนี้!”