ตอนที่แล้วตอนที่ 132 หมดเวลาสนุกแล้วสิ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 134 การเข้าซื้อกิจการสำเร็จ

ตอนที่ 133 หน้าตาแบบนี้ไม่ได้แต่งงานแน่นอน


รถค่อยๆขับเข้าไปในทะเลซีหูช้าๆ ซูข่านมองออกไปข้างนอกรถก็เห็นสายลมที่กำลังพัดจนผิวน้ำสั่นไหว ทิวทัศน์ของทะเลสาปแห่งนี้ก็สวยงาม

มีดอกบัวที่บานขึ้นเป็นย่อมๆ นอกจากนั้นก็ยังมีนกน้ำที่ใช้ชิวีตกันอยู่ในทะเลสาปแห่งนี้ด้วย บรรยากาศของที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความร่มรื่น

ดวงตาของซูข่านไม่ได้มองไปยังทิวทัศน์ของที่นี่มากนัก เขากำลังมองไปที่ผู้คนรอบๆ สายตาของเขาพยายามมองอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่

ถ้าเป็นไปได้ วันนี้เขาก็อยากจะเจอกับร่างเล็กๆคนนั้นในทะเลสาปแห่งนี้ เขารู้สึกคาดหวังในใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นซูข่านมองไปที่ด้านนอกตลอดทาง สูเจิ้งเหมาก็สงสัย

เขาเห็นว่าซูข่านไม่ได้พยายามที่จะชื่นชมทิวทัศน์

เขากำลังมองหาอะไรอยู่

สูเจิ้งเหมารู้สึกประหลาดใจ เขาเลยถามกับซูข่านว่า

"คุณซูต้องการจะชมวิวตรงนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจอดสักพักก็ได้"

"เดี๋ยวค่อยมาหลังธุระของเราเสร็จดีกว่า เหลาสู"

ซูข่านตอบโดยไม่ได้หันหน้าไปมองสูเจิ้งเหมา เขามองไปยังภายนอกรถตลอดเวลา

ซูข่านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ร่างที่โดดเด่นอย่างเขาสามารถหาได้ไม่ยาก

แต่ก็ยังมีโอกาสอยู่ ในอนาคตอีกไม่นานซูข่านคิดว่ายังไงจะต้องไปพบกับคนๆนั้นอย่างแน่นอน

ถ้าผ่านไปสักสิบกว่าปี บางทีเขาก็อาจเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงแล้วก็ได้ เขาจะต้องพยายามที่จะโน้มน้าวให้ฉันไปร่วมลงทุนด้วยแน่ๆ

ซูข่านเต็มใจที่จะร่วมทุนกับชายคนนั้นอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่มีคารมคมคาย และเป็นคนที่มีความสามารถรอบตัว

พอถึงเวลานั้นคงจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าหาด้วยคำโกหก แต่สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ก็จะแบ่งให้แต่ละฝ่ายอย่างเท่าเทียม

สูเจิ้งเหมาพยักหน้า เขาและซูข่านไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้น สูเจิ้งเหมาไม่รู้ว่าซูข่านกำลังคิดอะไรอยู่ เขาตามความคิดไม่ทันแล้ว

ประมาณ 2-3 นาที รถก็ได้ขับไปรอบทะเลสาปซีหูจนมาจอดที่สถานที่แห่งหนึ่ง

ซูข่านลงจากรถก็ได้มองไปที่หน้าอาคารโบราณด้านหน้าเขา มันดูเป็นศาลาที่มีความละเอียดละอ่อนมาก แถมยังสวยงามอีกด้วย

รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในเจียงหนาน มีภาพยนตร์หลายเรื่องมาถ่ายทำที่นี่ แทบจะเป็นแลนด์มาร์คของเจียงหนานไปแล้ว

"สวยงามมาก"

ซูข่านกระซิบกับตัวเองเบาๆ

สูเจิ้งเหมาก็ได้อธิบายว่า

"อาคารที่อยู่ตรงหน้าคุณซูตอนนี้ เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในซูโจวและหางโจว มันเป็นของร้านอาหารที่อายุนับร้อยปี รสชาติของพวกเขาอยู่ในระดับ 5 ดาว"

สถานที่แห่งนี้มีการตกแต่งที่สวยงามมาก สามารถเดินไปชมทิวทัศน์ของทะเลสาปซีหูได้ นี้เป็นครั้งที่สองที่ซูข่านได้มาที่นี่อีกครั้ง

ซูข่านรู้สึกว่าการได้มาอยู่ที่ทะเลสาปซูหูเหมือนกับเขาได้หลุดเข้าไปอีกโลกใบหนึ่ง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความผ่อนคลาย

ระหว่างซูข่านได้เดินเข้าไปในอาคาร ซู่ข่านก็ได้เห็นชาวต่างชาติสองคน พวกเขาแขวนกล้อง และกำลังเดินออกมาจากอาคาร

"ท่านครับ เป็นยังไงบ้างครับ"

ทันใดนั้นเอง เสียงเด็กก็ได้ดังขึ้นมา ซูข่านรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้อย่างมาก

หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย พอมองไปตามเสียงเขาก็เห็นเด็กผู้ชายใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดง อายุราวๆ 14 ไม่ก็ 15 ตัวผอมแห้ง แต่ก็ดูโดดเด่นกว่าเด็กตัวไปมาก หน้าตาเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ภาพในชาติก่อนของซูข่านก็ได้เข้ามาในหัวของเขา หน้าของชายคนนี้เขาไม่สามารถลืมได้ลงจริงๆ เด็กคนนี้ต้องเป็นชายคนนั้นแน่นอน

ซูข่านเห็นเด็กชายคนนี้ เขาก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ซูข่านดูตื่นเต้นมากที่ได้เจอกับเขา

นี้คงเป็นโชคดีของซูข่านจริงๆ ที่ได้มาพบการเด็กคนนี้ที่ทะเลสาปซีหู

"คุณซูรู้จักเด็กคนนั้นเหรอครับ?"

สูเจิ้งเหมาถามซูข่านด้วยความสงสัย จากสีหน้าของซูข่าน ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจในตัวเด็กคนนั้นไม่น้อย

อาจจะเป็นคนรู้จักของคุณซูก็ได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คุณซูจะมารู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้

เป็นไปได้ไหมว่าคุณซูกำลังทดสอบอะไรกับเราอยู่

สูเจิ้งเหมาพยายามคิดตามซูข่าน มีคำถามมากมายเกิดขึ้นภายในหัวของเขา

"พี่สามจะไปรู้จักเด็กคนนั้นได้ยังไง"

ลู่กั๋วเฉียงพยายามกลั้นขำของตัวเอง

"เด็กผู้ชายคนนั้นเหรอ"

"เขาดูมีหน้าตาที่โดดเด่นกว่าเด็กทั่วไปนิดหน่อยนะ"

เมื่อได้ยินลู่กั๋วเฉียงพูด ซงหมิงเจียงกับซู่เฟิงก็มองไปที่เด็กคนนั้นแล้วก็หันหน้ามามองกัน พวกเขาดูเหมือนอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ดูเหมือนพยายามกลั้นไว้อยู่

หน้าตาของเด็กคนนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ถ้าเด็กคนนี้อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับพวกเขา คงจะไม่มีบ้านไหนให้ลูกสาวมาแต่งงานกับเด็กคนนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พวกลู่กั๋วเฉียงกับคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมา พวกเขาเห็นซูข่านดูเหมือนจะรู้จักกับเด็กคนนี้

บางทีถ้าไปดูถูกเด็กคนนั้น อาจจะโดนพี่สามดุก็ได้

ถ้าโดนพี่สามโกรธละก็….บางทีอาจไม่ได้กลับหนานจิงเลยก็ได้

"ไม่"

ซูข่านส่ายหัว

"ฉันไม่รู้จักเขา"

"ให้ผมไปเรียกเขาไหมครับ"

แม้ว่าซูข่านจะบอกว่าไม่รู้จักเด็กคนนั้น แต่สูเจิ้งเหมารู้สึกว่าซูข่านได้สนใจในตัวเด็กคนนี้มาก

เขาต้องการที่จะเอาใจซูข่านทุกอย่างเท่าที่จะทำได้

ซูข่านส่ายหัว

"ไม่ต้องหรอกเหลาสู"

ซูข่านรู้สึกว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่ไปรบกวนการเติบโตของเด็กคนนี้ ในอนาคตยังไงก็ยังมีโอกาสได้เห็นเด็กคนนี้อีก

ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจอีคอมเมิร์ซยังจำเป็นต่อธุรกิจของเราด้วย

แค่คิดว่าจะได้ทำงานด้วยกันก็น่าจะสนุกไม่ใช่น้อย

"เข้าข้างในกันเถอะ"

หลังจากพูดจบซูข่านก็ได้เดินนำสูเจิ้งเหมาและคนอื่นๆเข้าไปในอาคาร

คนอื่นๆก็มองหน้ากันด้วยความงุนงงและก็เดินตามซูข่านโดยไม่ได้ถามอะไรต่อ

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในอาคาร เด็กชายคนนั้นก็ได้หันหน้ามามองตรงที่ซูข่านยืนเมื่อสักครู่

"เอ๊ะ"

เด็กชายพึมพำกับตัวเอง

"ตะกี้เหมือนว่ามีคนกำลังมองมาที่เราอยู่เลย ตอนนี้หายไปไหนแล้ว"

"ฉันตาฟาดงั้นเหรอ?"

"ช่างเถอะ เราฝึกภาษาอังกฤษของเราต่อดีกว่า"

จากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้หันไปคุยกับฝรั่งผมบลอนด์ที่สะพายกล้อง หน้าตาของเด็กหนุ่มคนนี้ดูมีความกระหายในการเรียนรู้อย่างมาก เขายิ้มและหัวเราะระหว่างที่พูดคุยกับฝรั่ง

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด