CD บทที่ 237 พลิกล็อคอย่างคาดไม่ถึง
บ่ายวันถัดมา จ้าวหยู่ได้ลงนามในประกาศรางวัล เขาได้รับรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 878, 000 หยวน แม้ว่าจะห่างไกลจากที่เขาคาดไว้ แต่เขาก็ค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ หากเขายอมรับเงินรางวัลเงินมูลค่าสิบล้านเป็นการส่วนตัว มันคงจะมีข้อครหาต่อภาพลักษณ์ของกองกำลังตำรวจ
กองกำลังตำรวจเป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชน การปิดคดีอาชญากรรมเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา การรับรางวัลส่วนตัวนั้นขัดต่อกฎและจรรยาบรรณ ถ้าเหลียงว่านเฉียนและคนอื่น ๆ ไม่ยืนกราน หัวหน้าโจวก็จะไม่ยอมรับเงินเหล่านี้ ดังนั้น จ้าวหยู่จึงถือว่าโชคดีที่สามารถได้รับเงินรางวัลมากขนาดนี้
นอกจากนี้ยังมีกฎที่ชัดเจนว่าทางสถานีมีอำนาจจัดสรรเงินรางวัลตามการมีส่วนร่วมของคดี ไม่ใช่ตามตำแหน่ง หัวหน้าโจวได้จัดสรรเงินรางวัลไว้อย่างเป็นธรรม เขาแจกจ่ายเงินส่วนใหญ่ให้กับจ้าวหยู่ นี่แสดงว่าเขายอมรับในความสามารถของจ้าวหยู่ในการปิดคดี!
นอกจากจ้าวหยู่แล้ว ยังมีเหมี่ยวอิงซึ่งใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกัน เธอได้รับเงินรางวัล 60, 000 หยวน
แล้วยังมีจางจิงเฟิงและเหลียงฮวนที่ได้รับคนละ 40, 000 หยวน เนื่องจากพวกเขาทั้งสองช่วยจ้าวหยู่จับกุมฮ่าวเกิง ส่วนเจ้าหน้าที่เหลือที่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวเมียนหลิงก็ได้รับเงินรางวัลจำนวนมากเช่นกัน
เหล่าตำรวจในสถานีต่างเห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ในการแจกจ่ายเงินรางวัล ยกเว้นเพียงหลิวชางฮูและเหมาเว่ย คนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกและอีกคนเป็นหัวหน้าทีม แต่ทั้งสองคนได้รับเงินรางวัลแค่ประมาณหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นหยวนเท่านั้น เมื่อเห็นจ้าวหยู่ได้รับเงินจำนวนมหาศาล พวกเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
โดยเฉพาะหลิวชางหู แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าแผนกสืบสวนแต่ทุกครั้งที่จ้าวหยู่พบเบาะแสหรือไปทำภารกิจต่าง ๆ เขาจะไม่ได้รับการแจ้งข่าวใด ๆ ทั้งสิ้นและได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนนอก
เหมาเว่ยก็เช่นเดียวกัน จ้าวหยู่อยู่ในทีม A แต่เมื่อใดก็ตามที่เขามีความคืบหน้าเขาจะคุยกับเหมี่ยวอิงจากทีม B โดยไม่สนใจตำแหน่งของเขาเลย
เหมาเว่ยจะไม่โกรธได้อย่างไร แต่ถึงโกรธไปก็ไร้ประโยชน์ แม้ว่าพวกเขาจะอิจฉาแต่จ้าวหยู่ได้ปิดคดีที่ใหญ่ที่สุดในฉินชานและตอนนี้เขามีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ตำรวจฉินชานทั้งหมด พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลืนความไม่พอใจลงไป
แม้ว่าจ้าวหยู่จะยังไม่ได้รับเงินรางวัลแต่เขานึกได้ว่าเงินรางวัลพวกนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคำว่า ‘Dui’ ที่ทำให้เขาได้รับเงินมากมาย เขาไม่แน่ใจว่าอัตราการสำเร็จของการผจญภัย มันจะเกินร้อยเปอร์เซ็นต์อีกหรือไม่?
แต่จ้าวหยู่ไม่พอใจกับผลลัพธ์สำหรับ ‘Zhen’ ในระหว่างพิธีมอบรางวัลก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีม B
จากสิ่งที่เขาเห็น สิ่งที่เกี่ยวข้องกับสถานะของเขาคือตอนที่เขาได้รับการยกย่อง จ้าวหยู่กังวลว่าผลลัพธ์ของเขาสำหรับคำว่า ‘Zhen’ มันยังไม่ดีพอและจะส่งผลต่ออัตราการสำเร็จของเขา
เมื่อได้รับเบาะแสใหม่ จ้าวหยู่ไม่ได้ออกจากสถานีตำรวจในคืนนั้น แต่เริ่มใส่ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมคูปิงลงในกระดานไวท์บอร์ดใหม่ เขาพร้อมที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสองสามคืน
แต่การสอบสวนกลับแตกต่างไปจากเดิม จ้าวหยู่ไม่ได้วางรูปภาพของคูปิงไว้บนไวท์บอร์ด แต่เว้นที่ว่างไว้ หัวหน้าทีมคูปิงถูกแทง 17 ครั้งและร่างกายของเธอก็เต็มไปด้วยเลือด จ้าวหยู่ทนไม่ได้ที่จะเห็นภาพนั้น
การเสียชีวิตของคูปิงส่งผลกระทบต่อจ้าวหยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใกล้ชิดกับคูปิงแต่ความรู้สึกของความยุติธรรมและความรับผิดชอบของเธอก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเขา
‘อย่ากลัวเลย แม้จะยากแค่ไหน หากเราทุ่มเทในการสืบสวน เราจะได้ผลตอบแทนอย่างแน่นอน!’
นี่คือสิ่งที่คูปิงพูดกับเขาเมื่อพวกเขากำลังสืบสวนคดีลักพาตัวเมียนหลิง แต่น่าเสียดายที่คูปิงเสียชีวิตก่อนที่คดีจะถูกปิด
ในขณะนั้น จ้าวหยู่อยากจะบอกเธอว่า ‘หัวหน้าทีมคู เราได้ไขคดีลักพาตัวเมียนหลิงสำเร็จแล้ว! คุณควรพักผ่อนให้สบาย! ต่อไปเราจะตามหาใครก็ตามที่ฆ่าคุณและจับพวกเขามาลงโทษ!’
เมื่อจ้าวหยู่กำลังตรวจสอบข้อมูล ทางด้านเหมี่ยวอิงก็กำลังทำงานล่วงเวลากับเพื่อนร่วมงานในทีม B โดยดูกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสใหม่ ๆ
ขณะที่ท้องฟ้ากำลังมืดลง จ้าวหยู่ได้ใช้เวลาสองสามชั่วโมงที่ผ่านมาในการเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่พร้อมกับคำทำนายต่าง ๆ ของเขาและวางไว้บนไวท์บอร์ด เขาครุ่นคิดอยู่ลึก ๆ ไตร่ตรองว่าพวกเขาหาเบาะแสอะไรได้บ้าง
เมื่อดูข้อมูลบนกระดานไวท์บอร์ด ในตอนแรก จ้าวหยู่รู้สึกว่าคดีนี้แตกต่างจากคดีอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เขาสามารถบอกได้ว่าใครก็ตามที่ฆ่าคูปิงไม่ใช่เป้าหมายที่ง่าย
พวกเขาทำงานกันเป็นทีมและได้รับการสนับสนุนจากองค์กรที่เข้มแข็ง ประการที่สอง พวกเขาวางสายลับสองหน้าไว้ในสถานี
นอกจากนั้น ไม่ว่ารูปแบบการก่อเหตุหรือรายละเอียดต่าง ๆ พวกเขาทำอย่างระมัดระวังมาก นั่นแสดงว่าคนเหล่านี้มีประสบการณ์ ไม่เหมือนอาชญากรทั่วไป! คนประเภทนี้อาจฉลาดกว่าฮ่าวเกิงเป็นร้อยเท่า เขาจะต้องระวังอย่างมากในการจัดการกับพวกเขา!
แต่ถึงแม้มันยากลำบากและอันตรายมากแค่ไหน จ้าวหยู่ก็จะสอบสวนคดีนี้ต่อไป นอกจากนี้ เขายังมีระบบปาฏิหาริย์ เขาต้องไขคดีนี้และทำให้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะต้องเสี่ยงตายก็ตาม
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ระบบจะส่งเสียงสิ้นสุดการผจญภัย คราวนี้ อัตราการสำเร็จของจ้าวหยู่คือ 94% และในที่สุดเขาก็ได้รับเครื่องจับเท็จล่องหนที่อยากได้มากที่สุด!
‘เยี่ยมไปเลย!’ จ้าวหยู่คิด เขารู้สึกยินดี ตลอดเวลานี้ เขาได้อธิษฐานขอเครื่องจับเท็จล่องหน แม้ว่าจะมีเพียงแห่งเครื่องเดียวแต่อย่างน้อยมันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วยเครื่องมือล่องหนเหล่านี้ มันจะมีระโยชน์ต่อเขามากขึ้นในยามขับคัน
เมื่อเลยเที่ยงคืนไปแล้ว จ้าวหยูจึงทำการเปิดระบบอีกครั้ง คราวนี้เขาได้คำทำนายว่า ‘Zhen-Gen’
แม้ว่า ‘Zhen’ จะเป็นคำทำนายที่ดีแต่จ้าวหยู่มุ่งเน้นไปที่คำว่า ‘Gen’ เท่านั้น
"ถ้าฉันได้คำว่า ‘Gen’ นั่นหมายความว่าจะมีความคืบหน้าครั้งใหญ่ในคดีฆาตกรรมคูปิงหรือไม่?” จ้าวหยู่สงสัย
เขากลับไปคิดเรื่องคดีอย่างมีความหวัง เขาเริ่มพิจารณาว่าเขาควรเริ่มต้นการสอบสวนอย่างไรในวันถัดไป
…
แปดโมงเช้าที่ทุกคนเริ่มทยอยเข้าออฟฟิศ พวกเขาตกใจเมื่อเห็นไวท์บอร์ดของจ้าวหยู่เต็มไปด้วยโน้ต ตำรวจที่มีประสบการณ์ทุกคนสามารถบอกได้ทันทีว่าจ้าวหยู่ได้ตรวจสอบคดีฆาตกรรมคูปิงตลอดทั้งคืนแต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวหยู่ถึงรีบขนาดนี้เพราะทางเบื้องบนยังไม่ได้ออกคำสั่งให้เปิดคดีใหม่อย่างเป็นทางการ สิ่งที่จ้าวหยู่ทำอยู่นั้นมันเกินขอบเขตของเขาและถือว่าละเมิดวินัยในกองกำลังตำรวจ
นอกจากนั้น ยังมีคนเยาะเย้ยเขาว่าเขาเป็นคนบ้างาน บางคนบอกว่าเขาแกล้งทำเป็นโชว์ให้คนอื่น
จ้าวหยู่ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเหล่านั้นและยังคงทำงานบนคอมพิวเตอร์ของเขาต่อไป
ในไม่ช้าหลี่เบ่ยหนีก็เข้ามา เพราะพวกเขาคุยโทรศัพท์กันก่อนหน้านี้ เธอจึงนำแพนเค้กมาให้จ้าวหยู่ จากนั้น เหลียงฮวนก็มาพร้อมกองเอกสารที่จ้าวหยู่ต้องการ
เมื่อเทียบกับคนหลายคนที่เอาแต่เยาะเย้ย การมีเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยเหลือเพียงแค่ไม่กี่คน เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
จากนั้น เหมาเว่ยเข้ามาแต่เขาผิดจากปกติ เขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะเห็นกระดานไวท์บอร์ดของจ้าวหยู่ที่เต็มไปด้วยข้อมูล แต่เขาขี้เกียจเกินกว่าจะถามเรื่องนี้และไปนั่งที่โต๊ะของเขา เขาเกาศีรษะขณะเดิน
“เกิดอะไรขึ้น หัวหน้าทีมเหมา คุณทำกระเป๋าตังค์หายหรือเปล่า?” มีคนเห็นเหมาเว่ยทำตัวแปลก ๆ จึงเอ่ยปากถามขึ้นมา
"เออ..." เหมาเว่ยลูบหลังมือแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินข่าวลือมาว่า...”
ก่อนที่เหมาเหว่ยจะจบประโยค จางจิงเฟิงวิ่งเข้าไปในห้องทำงานอย่างประหม่าและตะโกนว่า "เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!" จางจิงเฟิงตะโกนใส่จ่าวหยู่
“ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้าโจวถูกย้าย!!!”