ตอนที่แล้วบทที่ 756 กำลังจะเริ่มต้น 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 758 สร้างยักษ์ใหม่

บทที่ 757 จุดที่ห้ามแตะต้อง!(ตอนฟรี)


บทที่ 757 จุดที่ห้ามแตะต้อง!

“โอเคๆ!” บอสหวงในเวลานี้ก็นั่งอยู่ในห้องนี้เหมือนกับมีไฟมาลนก้นตลอดเวลาอยู่แล้ว พอตอนนี้ได้ยินจี้เฟิงขอให้เขาออกไป แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ หรือต่อให้อยากปฏิเสธก็ทำไม่ได้อยู่ดี เขารีบลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมกับคู่ชายหนุ่มหญิงสาว

“พวกนายก็ออกไปด้วย ฉันจะอยู่ที่นี่เอง!” กัวเถาหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ”

“ครับ!!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบรับเสียงดังและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

นอกจาก รปภ. ไม่กี่คนที่เป็นคนเก่าคนแก่ของโรงงานเซียวแล้ว ที่เหลือก็เป็นทหารผ่านศึกที่ถูกคัดเลือกมา พวกเขามีระเบียบวินัยมากกว่าคนทั่วไป พวกเขาคุ้นชินกับการปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขาไม่พูดจาไร้สาระ และจะไม่ถามในเรื่องที่ไม่จำเป็น

หลังจากที่พวกเขาออกไป กัวเถาก็ปิดประตูทันทีอย่างรู้งานและหันไปพยักหน้าให้จี้เฟิงเล็กน้อย

“เอ่อ... คุณคนนี้...” ด้วยอารมณ์ที่ดูดุดันของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้จ้าวจิงจงรู้สึกว่าเขาต้องพูดอะไรสักคำ ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคนนี้อาจจะพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายเขาและซูอี้กงโดยไม่พูดไม่จาก็ได้ และแน่นอนว่าชะตากรรมของเขาคงจบไม่สวยเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่จ้าวจิงจงเปิดปาก เขาก็พบว่าใบหน้าของจี้เฟิงมืดครึ้มลงและในขณะเดียวกันก็มีเงาสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

“ตู้ม—!”

“โอ๊ย!!”

จ้าวจิงจงกรีดร้องเพียงเพราะรู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาถูกกระแทกอย่างแรงจนเหมือนหัวของเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

“เปรี้ยง—!”

จี้เฟิงเตะออกไปอีกครั้งที่ท้องของจ้าวจิงจง ทำให้จ้าวจิงจงที่เซถลาแต่ยังไม่ได้ล้มลงกับพื้นกระเด็นลอยออกไปทันทีและกระแทกเข้ากับเก้าอี้ข้างหลังพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก่อนจะหมดสติไป

ทันทีหลังจากนั้น จี้เฟิงก็เดินไปคว้าเก้าอี้ขึ้นมาจากพื้นแล้วฟาดไปที่ซูอี้กงที่กำลังยืนตกตะลึงและหน้าซีด

“เฮ้ย!” ซูอี้กงที่เห็นว่าจี้เฟิงกำลังจะตีเขา เขาจึงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและรีบวิ่งหนีไปในสภาพที่มือยังกุมหน้าผากของตัวเองอยู่

“เปรี้ยง—!”

เก้าอี้ที่ทำจากไม้เนื้อแข็งกระแทกเข้ากับร่างกายของซูอี้กงและมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆในทันที ขาของเก้าอี้หักเป็นชิ้นๆและไม้ที่หักก็หล่นลงกับพื้น

ซูอี้กงล้มลงและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตาดำของเขาเหลือกขึ้นข้างบนและสลบเหมือด แต่ร่างกายของเขายังคงสั่นกระตุกอยู่ตลอดเวลา และสิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือแขนของเขามันงอผิดรูป เห็นได้ชัดว่ามันถูกตีจนหัก

“โคร้ม—!”

จี้เฟิงโยนเก้าอี้ที่เหลือเพียงตัวเดียวลงบนพื้น เขาเหลือบมองซูอี้กงและจ้าวจิงจงอย่างเย็นชา ซึ่งฝ่ายหลังได้นอนน้ำลายฟูมปากทั้งๆที่หมดสติไปแล้ว

“จัดการกับพวกเดรัจฉานแบบนี้ จะมาทำใจดีมากไม่ได้หรอก!” จี้เฟิงพูดอย่างเย็นชา “ถึงแม้ว่าโรงงานผลิตยาของเราจะเล็ก แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ! กัวเถา จำไว้นะ ถ้าในอนาคตมีใครแสดงกิริยาชาติชั่วแบบนี้อีก ไม่ต้องมัวคิดเรื่องธุรกิจ จัดการได้เลย ถ้าทำตัวรุ่มร่ามมากนักก็หักแขนหักขามันซะ ไม่ต้องเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงกับคนประเภทนี้ เข้าใจมั้ย?”

“ครับบอส!” กัวเถาพยักหน้าทันที

“นี่เป็นครั้งแรก และทุกคนก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นเราก็ลืมเรื่องในวันนี้ไปซะ!” จี้เฟิงจ้องไปที่กัวเถาและพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะตั้งกฎใหม่สำหรับผู้นำหลักในโรงงานของเรา หากมีการพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าจะที่โรงงานหรือข้างนอก จะต้องมี รปภ.ไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน เลือกคนที่ต่อสู้เก่ง มีความน่าเชื่อถือ และหัวไวหน่อยก็ดี!”

กัวเถาพยักหน้าทันทีและพูดว่า “ครับบอส ผมจะจำไว้ให้แม่น!”

มาถึงจุดนี้ ท่าทีของจี้เฟิงก็อ่อนลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงโกรธอยู่ “ไอ้สองคนนี้มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไง ถึงได้ใจกล้าหน้าด้านทำเรื่องระยำแบบนี้ หรือว่าไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมาหลายปีจนหน้ามืด!”

“อันที่จริง ในตอนแรกที่สองคนนี้มาถึง พวกเขาก็ค่อนข้างจะทำตัวรุ่มร่ามใส่ผู้จัดการซู แต่มันก็เป็นแค่สายตาและท่าทางเท่านั้น ยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น และเพื่อที่จะทำให้การโปรโมตคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในจังหวัดจงหยวนผ่านไปได้อย่างราบรื่น ผู้จัดการซูเลยต้องอดทน!” หยางเต๋อจ้าวพูดอย่างโกรธเคือง “แต่สองคนนี้อาศัยว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่ของเป่ยฟางฟามาซูติคอล ไม่เพียงแต่เสนอเงื่อนไขที่เราไม่อาจรับได้ แต่พวกเขายังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วย ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด ผู้จัดการซูได้ให้คนมาแจ้งฉันแล้ว แต่เพราะงานตรงหน้ายุ่งมากจริงๆ เลยยังมาดูแลด้วยตัวเองไม่ได้ เลยทำให้ไอ้เลวสองคนนั้นเล็ดลอดเข้ามาแสดงพฤติกรรมต่ำช้าในโรงงานของเราได้!”

“พวกเขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ใบหน้าของจี้เฟิงมืดมนลงอีกครั้ง “แล้วลุงหยางมาที่นี่ตอนไหน?”

“พวกเขามาเมื่อเช้านี้ มาขอสิทธิ์ตัวแทนของคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์ในจังหวัดจงหยวน แต่พวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมตัวแทนแถมยังพูดจาเย่อหยิ่งมาก ฉันเห็นว่าพวกเขาไม่มีความจริงใจ ก็เลยปฏิเสธไปอย่างสุภาพ!” ซูหยวนกล่าว

“ไอ้สองคนนี้นี่มันสารเลวจริงๆ ให้ตายเถอะ!” จี้เฟิงก่นด่าและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จากนั้นก็จ้องไปที่ซูหยวนและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “คุณก็เหมือนกัน เรื่องมันเกิดตั้งแต่ตอนเช้า ทำไมถึงไม่ใส่ใจ ทำไมถึงไม่รีบบอกผม?”

ปากของซูหยวนขยับ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย แต่เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ที่จริงเธอกังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างโรงงานเซียวและเป่ยฟางฟามาซูติคอลกรุ๊ปจะแตกหักกันอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเธอเอง และถ้าเป็นอย่างนั้น เธอเชื่อว่าต่อให้ประสิทธิภาพของผงลดน้ำหนักคังหยวนจะดีแค่ไหน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบุกตลาดไปโปรโมตในจังหวัดจงหยวนอย่างแน่นอน

คุณต้องรู้ว่าอิทธิพลของเป่ยฟางฟามาซูติคอลในจังหวัดจงหยวนไม่ใช่สิ่งที่โรงงานขนาดเล็กอย่างโรงงานเซียวฟามาซูติคอลสามารถทำได้ เมื่อเทียบกันแล้ว ช่องทางการขายของเป่ยฟางฟามาซูติคอลกรุ๊ปนั้นกว้างไกลและมีส่วนสำคัญอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทส่วนใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมยาต่างก็มีความเข้าใจกันเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับอิทธิพลของเป่ยฟางฟามาซูติคอลกรุ๊ป!

แม้ว่าพวกเขาจะแข่งขันกันเอง แต่ก็จะไม่เสนอราคาอย่างสิ้นคิด มันเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองและเป็นผลดีให้กับโรงงานผลิตยาเท่านั้น

นี่เป็นกฎที่ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นแต่ก็เป็นที่รู้กันในอุตสาหกรรมยา ถ้าโรงงานผลิตยาเหล่านั้นผลิตยาที่ได้ผลดี ก็ต้องหาตัวแทนที่เหมาะสมด้วยเพื่อการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายจะได้ราบรื่นและไม่มีปัญหาในการขาย

ในความเป็นจริง แม้ว่าโรงงานผลิตยาจะทำกำไรได้มากในระดับหนึ่ง แต่ในอุตสาหกรรมยาของประเทศจีน โรงงานที่ทำกำไรได้มากที่สุดคือโรงงานที่มีช่องทางการขายในการผ่านตัวแทนและร้านค้าปลีกเป็นของตัวเอง แต่ในแง่ของช่องทาง สิ่งที่ทำกำไรได้มากที่สุดคือตัวแทนจำหน่ายยา และแน่นอนว่าจะตกเป็นของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีโรงงานผลิตเป็นคู่สัญญาและมีสิทธิ์ตัวแทนยาหลายชนิดอยู่ในมือ กลุ่มบริษัทยายักษ์ใหญ่เหล่านี้จะรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆไปโดยปริยาย และอีกทางหนึ่งพวกเขาสามารถกำหนดราคาซื้อขายปลีกและส่งได้ในเวลาเดียวกัน

ความแตกต่างของกำไรและต้นทุนที่รับมาเป็นตัวเลขที่มากมายมหาศาล

สมมติว่าเป็นยาที่ใช้ง่ายและใช้บ่อยที่สุดบางชนิดอย่างยาแคปซูลเซฟราดีน (Cefradine Capsule) ราคาซื้อเพียงสี่ถึงห้าหยวน แต่ราคาที่ขายในตลาดสามารถขายได้มากกว่ายี่สิบหยวน!

นี่ยังนับว่าดีที่เป็นวัตถุดิบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นแล้ว หากเป็นยาสมัยก่อน ความแตกต่างระหว่างต้นทุนและราคาขายปลีกนั้นต่างกันเป็นสิบเท่า!

นี่คือผลกำไรที่น่าสะพรึงกลัวของเหล่าพ่อค้าคนกลางหรือตัวแทนขาย และยังเป็นกฎที่รู้กันดีแต่ไม่ได้พูดในวงการอุตสาหกรรมยาอีกด้วย

ลองนึกภาพว่า แม้แต่ร้านขายยาเล็กๆบางแห่งก็สามารถทำได้ ไม่ต้องพูดถึงเป่ยฟางฟามาซูติคอลกรุ๊ปซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมในจังหวัดจงหยวน!

ดังนั้นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับเป่ยฟางฟามาซูติคอลกรุ๊ปนับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของโรงงานเซียวอย่างแน่นอน!

และนี่คือสิ่งที่ซูหยวนเป็นกังวลมากที่สุด จี้เฟิงเชื่อใจเธอ ยอมรับเงื่อนไขเธอและปล่อยให้เธอทำงานในฐานะผู้จัดการทั่วไปของโรงงานเซียวอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่อยากนำความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้มาสู่โรงงานผลิตยาด้วยเหตุผลเพียงเพราะความไม่ชอบส่วนตัวของเธอ

แต่ซูหยวนก็ไม่คาดคิดว่าจี้เฟิงจะโทษเธอแบบนี้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าจี้เฟิงพูดเพราะห่วงใยเธอ แต่น้ำเสียงของเขาก็ยังทำให้เธอรู้สึกผิดและลำบากใจมากอยู่ดี

ซึ่งมันก็ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไปอย่างไร

“ประธานจี้ ผู้จัดการซูทำไปเพราะคิดถึงโรงงานยาของเรา ดังนั้นอย่าต่อว่าเธอเลย!” หยางเต๋อจ้าวเห็นว่าจี้เฟิงโกรธมาก เขาจึงพยายามพูดให้จี้เฟิงคิดในแง่ดี

ในความเป็นจริง หยางเต๋อจ้าวได้ยินเรื่องนี้จากพนักงานที่ติดตามซูหยวนและเป็นคนรับซูอี้กงและจ้าวจิงจงมาในตอนแรก นอกจากนี้เขายังถามซูหยวนในตอนเช้าด้วยว่าเธอต้องการบอกจี้เฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองถึงภาพรวมและเพื่อการเติบโตของโรงงานเซียวในจังหวัดจงหยวนแล้ว ซูหยวนตัดสินใจที่จะไม่บอกจี้เฟิง

“ซูหยวนเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงงานเซียวฟามาซูติคอล ตราบใดที่เธออยู่ในโรงงานผลิตยา เธอก็เหมือนกับเป็นคนในครอบครัวของเรา แล้วผู้หญิงในครอบครัวของเราถูกคนอื่นลวนลามและฝืนใจเธอ นี่เป็นเรื่องน่าละอายสำหรับผู้ชายทุกคนในครอบครัว!”

จี้เฟิงกัดฟันและพูดอย่างเคร่งขรึม “ธุรกิจของบริษัทเป็นเรื่องเหลวไหล! ถ้าเรายืนดูสมาชิกในครอบครัวของเราถูกลวนลามเพื่อแลกมาซึ่งผลกำไร แล้วศักดิ์ศรีของเราจะอยู่ตรงไหน? เราจะทำงานกันอย่างสบายใจและไร้มโนธรรมแบบนั้นต่อไปได้จริงๆหรือ? คนที่ทำแบบนั้นได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรจะเรียกว่ามนุษย์ได้อยู่อีกหรือเปล่า? เพราะแม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันยังสู้กับสัตว์ตัวอื่นจนตัวตายเพื่อปกป้องลูกและคู่ของมัน นับประสาอะไรกับมนุษย์?!”

ทุกประโยคที่จี้เฟิงพูด หยางเต๋อจ้าว ซูหยวนและกัวเถาได้ยินมันอย่างชัดเจน และฝังลึกไปจนถึงจิตใจจนทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหว พวกเขาพากันพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่จริงจัง โดยเฉพาะหยางเต๋อจ้าวและกัวเถา คำพูดที่จี้เฟิงเพิ่งพูดออกมามันทำให้พวกเขาฉุกคิดขึ้นมาได้และเห็นด้วยอย่างยิ่ง

หยางเต๋อจ้าวอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมจี้เฟิงอยู่ในใจ เดิมทีเขาคิดว่าจี้เฟิงเป็นเด็กหนุ่มที่สงบและฉลาด แต่เขาไม่เคยคิดว่าจี้เฟิงก็มีด้านที่แข็งแกร่งขนาดนี้

ดูเหมือนว่าในเรื่องของผู้ชายและผู้หญิงจะเป็นจุดที่จี้เฟิงให้ความสำคัญมาก

ตราบใดที่ไม่มีใครมาทำผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จี้เฟิงก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างใจเย็น ไม่ว่าคุณจะใช้กลอุบายใดๆ เพียงแค่ใช้มันมาให้เต็มที่ แล้วจี้เฟิงจะเอาคืนให้ทั้งหมด!

คุณรู้ไหม ก่อนหน้านี้ที่จางฉงจินเข้ามาสร้างปัญหาถึงสองครั้งติดต่อกัน จี้เฟิงไม่เคยแสดงทีท่าโกรธเคืองมากขนาดนี้ อันที่จริงเขาแทบไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยในตอนนั้น แต่ในตอนนี้ หยางเต๋อจ้าวใช้ที่เขี่ยบุหรี่ฟาดไปที่หัวของซูอี้กง แต่จี้เฟิงกลับบอกว่าเขาทำน้อยไป ซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะเห็นได้ว่าจี้เฟิงเป็นคนแบบไหน!

หยางเต๋อจ้าวต้องยอมรับเลยว่า แม้จี้เฟิงจะยังเด็กมาก แต่เขาเป็นลูกผู้ชายตัวจริง!

เวลาจะทำสิ่งต่างๆ เขาจะสงบและมั่นคง บรรยากาศรอบตัวเหมือนกับนายพลใหญ่ที่คอยสั่งการอย่างสุขุม แต่เมื่อพูดถึงผู้หญิง เขาจะไม่ยอมนิ่งเฉยแม้แต่นิดเดียว เหมือนสิงโตจ่าฝูงที่ปกป้องอาณาเขตของตนเองและไม่ยอมให้ผู้หญิงในอาณาเขตของเขาถูกรังควานจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงของเขาเองหรือไม่ก็ตาม เขาใช้สิทธิ์ของลูกผู้ชายในการปกป้องศักดิ์ศรีของทุกคน!

....จบบทที่ 757 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด