ตอนที่แล้วบทที่ 18: พี่หญิงใหญ่กำลังมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20: พระนามของพระมเหสี (ตอนที่ 2)

บทที่ 19: พระนามของพระมเหสี (ตอนที่ 1)


พี่หญิงใหญ่กำลังมา  ดังนั้นเย่เซิงจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  เขากลืนข้าวปลาอาหารทั้งโต๊ะลงกระเพาะจนเกลี้ยง  จากนั้นท้องของเขาก็เริ่มทำงานอย่างรุนแรงราวกับมีม้าเป็นสิบตัวมาช่วยกระชาก  เพราะมันดูดซับพลังงานทั้งหมดจากอาหารที่กินและกระจายพลังงานไปทั่วร่างกายของเขาเพื่อทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

‘ล่าสุดที่ไปอ่านตำราประวัติศาสตร์ที่ห้องสมุดนั้น  จำได้ว่าจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์หลงเริ่มต้นเส้นทางฝึกฝนวรยุทธ์ของพระองค์ด้วยการเสวยวัวกับแกะวันละหลายร้อยตัวทุก ๆ วันเพื่อสะสมพลังงานปริมาณมหาศาล  และนั่นก็เป็นรากฐานให้พระองค์ทรงสามารถเข้าถึงระดับการฝึกยุทธ์อันสูงส่งได้ตั้งแต่ตอนที่มีพระชนมพรรษา (พระ-ชน-มะ-พัน-สา) ได้สามสิบพรรษา’ เย่เซิงคิดกับตัวเองหลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว

เป็นเรื่องปกติที่ต้องกินเนื้อเมื่อฝึกวรยุทธ์ช่วงเบื้องต้น  การกินเจไม่อาจฝึกได้  ในช่วงนี้แม้แต่พระยังต้องกินเนื้อ (พระของทางมหายานเขากินเจ) หลังจากที่เป็นระดับเซียนเทียน (ก่อนฟ้า) แล้วจึงค่อย ๆ พึ่งพาอาหารน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ว่าเรื่องนี้เย่เซิงก็ไม่รู้หรอก  เพราะว่ายังไง ๆ เขาก็ถูกสั่งห้ามเรียนรู้วรยุทธ์นี่นา

เขารู้แค่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือการกินเนื้อให้มาก ๆ และเมื่อรู้แล้วเขาจึงสั่งหลิวม่าจื่อไปว่า “มื้อเย็นก็เอาแบบนี้อีก  แล้วบอกห้องครัวด้วยว่าเอาเนื้อเยอะกว่านี้”

หลิวม่าจื่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า  นางไม่ได้คิดอะไรมากมายแค่คิดว่าคงเพราะตั้งแต่เกิดมาเย่เซิงไม่เคยกินอาหารที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนจึงอยากกินอีกเยอะ ๆ ก็เท่านั้น “เดี๋ยวบ่าวจะแจ้งทางโรงครัวให้เจ้าค่ะ”

หลังจากที่นางไปแล้วเย่เซิงก็ไปเดินเล่นซักประมาณครึ่งธูปเพื่อคลายความรู้สึกอึดอัดแน่นท้อง  เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปที่ศาลาสะสมตำราแล้วเสแสร้งทำเป็นอ่านหนังสือเรียนอย่างขะมักเขม้น

เย่เซิงใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายอ่านหนังสือในห้องสมุดโดยไม่มีใครมารบกวน  ไม่มีหลิงฮวา  ไม่วุ่นวาย  ห้องสมุดในวันนี้เงียบกว่าทุก ๆ วัน

ในตอนเย็นเย่เซิงได้ออกจากห้องสมุดและสังเกตเห็นว่าหวางฝูตระกูลเย่กำลังยุ่งกันมาก  พวกคนใช้กำลังจัดของทุกอย่างในบ้าน  และเครื่องเรือนเก่า ๆ หลายชิ้นถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่  มีกระดิ่งเล็ก ๆ ห้อยตามขอบหน้าต่าง  เมื่อมีลมพัดจะส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ ไพเราะเสนาะหู  ทุก ๆ จุดมีการประดับตกแต่งด้วยสีแดง  ทั้งหวางฝูเต็มไปด้วยบรรยากาศอันรื่นเริง

เย่เซิงรู้เลยว่าการมาของพี่หญิงใหญ่ครั้งนี้สำหรับหวางฝูตระกูลเย่แล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ระหว่างทางกลับเรือนเย่เซิงได้ไปป๊ะเข้ากับหลิงฮวา  นางแต่งตัวเต็มยศแก้มสีอมชมพูให้ความรู้สึกเหมือนสาวน้อยสายน่ารักอ่อนหวานไร้เดียงสา  เมื่อเห็นเย่เซิงนางก็รู้สึกประหลาดใจด้วยเหมือนกัน  แต่นางก็ยังคีปลุคและวิ่งเข้ามาทักทายก่อน “พี่สิบสองสบายดีมั้ยเจ้าคะ?”

“สบายดี  ว่าแต่น้องหลิงฮวาล่ะตอนนี้ทำอะไรอยู่?” เย่เซิงสังเกตเห็นว่าหลิงฮวาถือเสื้อผ้าเก่า ๆ มากมายไว้ในมือเลยถามขึ้น

“พี่สิบสองยังไม่ทราบอีกหรือเจ้าคะ?” หลิงฮวาถามอย่างงุนงง

เย่เซิงส่ายหัว

“พระมเหสีเย่กำลังจะกลับมาเยี่ยมเราในวันพรุ่งนี้  ดังนั้นนายหญิงใหญ่จึงออกคำสั่งว่าทายาทสายตรงของครอบครัวทุกคนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่  และควรทิ้งเสื้อผ้าเก่าเสีย  หลิงฮวาเองก็โชคดีได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเก่า ๆ พวกนี้ด้วย” หลิงฮวาตอบเบา ๆ

“อ้อ~  เข้าใจแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ” เย่เซิงรีบก้าวจากไป

หลิงฮวาจ้องมองเย่เซิงอย่างแปลกใจ  และการจ้องมองของนางทำให้เย่เซิงรู้สึกขนลุกซู่  แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วเดินจากไปบ้าง

“หืม?  หรือนางจะแปลกใจที่เราไม่โกรธ?” หลังจากที่หลิงฮวาจากไปแล้วเย่เซิงถึงพึ่งจะคิดออกเลยอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้

เขาไม่เคยหวังว่าตัวเองจะได้เสื้อผ้าใหม่เหมือนคนอื่น ๆ อยู่แล้ว  ดังนั้นพอได้ยินสิ่งที่นางพูดมันเลยทำให้เขาไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ เสมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี้ยวข้องกับตัวเองแม้แต่นิดเดียว  และที่สำคัญเลยคือไม่ว่าจะนายหญิงเฒ่า  นายหญิงใหญ่หรือว่านายหญิงสองต่างก็รังเกียจเขาเข้ากระดูกดำกันทั้งนั้น  มีหรือที่จะยอมปล่อยให้เขาได้มีเสื้อผ้าใหม่ ๆ ดี ๆ ใส่เหมือนคนอื่น ๆ ได้?

เขามองลงมาดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่มาตลอดสามปี  มันได้รับการซักล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดีจนไม่มีคราบเปื้อนสกปรกใด ๆ เลยทำให้เขาไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นของเก่าหรือของใหม่  จากนั้นก็กลับเข้าเรือนตัวเอง

หลังจากอาบน้ำและล้างตัวหลิวม่าจื่อก็เอาอาหารกองโตหรูหราอีกมื้อมาเสิร์ฟ  เมื่อเทียบกับมื้อเที่ยงแล้วผักและผลไม้น้อยลงแต่เนื้อสัตว์มากขึ้น  เย่เซิงฟาดจนเรียบแล้วขังตัวเองในห้องก่อนจะแอบฝึกฝน

หวางฝูตระกูลเย่ทั้งตระกูลใช้เวลาทั้งคืนกับการเตรียมงานรับเสด็จพระมเหสีเย่ที่จะมาเยือนในวันรุ่งขึ้น  พวกคนใช้มือเป็นระวิง  แม้แต่นายหญิงใหญ่  นายหญิงสอง  นายหญิงเฒ่าก็ยังต้องยุ่งกับการเตรียมการเนื่องจากสถานะของพระมเหสีเย่สูงส่งจนพวกนางไม่อาจละเลยได้

บางทีคนที่ผ่อนคลายมากที่สุดในหวางฝูตอนนี้คงเป็นเย่เซิงนี่แหล่ะ  เขาแอบฝึกฝนตนเองไปเงียบ ๆ โดยพยายามทำความเข้าใจกับผนึกสังสารวัฏในขณะที่จับตาดูตันเถียนดาวโลกไปด้วย

ชาวโลกเริ่มฝึกฝนมากขึ้นเรื่อย ๆ และจำนวนคนที่ฝึกฝนสามวิชาแรกตอนนี้มีเป็นหมื่นแล้ว  แม้ว่าจะยังไม่ถึงโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าก็ตาม  แต่ก็ถือว่าได้เดินเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรกันแล้ว  ส่วนหนึ่งร้อยเจ็ดคนแรกที่ไปถึงโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าตอนนี้มีประมาณสามสิบสี่สิบคนที่เลื่อนเป็นสองชั้นฟ้าได้แล้ว

ด้วยความเร็วในระดับนี้  อนาคตของดาวดวงนี้ในด้านการบำเพ็ญเพียรช่างสดใสจริง ๆ และหลังจากที่เย่เซิงเห็นแบบนี้แล้วเขาก็คิดกับตัวเองว่า ‘ต้องหาวิชาฝึกฝนร่างกายมาเสริมแกร่งแล้วจริง ๆ’

เพราะเมื่อจำนวนผู้ฝึกตนบนโลกเพิ่มขึ้น  จำนวนจอมยุทธ์ระดับสูงก็จะเพิ่มขึ้นด้วย  ปริมาณความแข็งแกร่งที่เขาสามารถเพิ่มให้กับตัวเองได้นั้นก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวเข้าไปใหญ่  และเมื่อถึงขั้นนั้นอุปสรรค์อย่างเดียวในการใช้พลังก็คือขีดจำกัดของร่างกายนี่แหล่ะที่มันไม่สามารถรองรับการใช้พลังอันยิ่งใหญ่ได้

ถ้าหากเย่เซิงสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายได้เพียงพอและควบคู่ไปกับอัตราความก้าวหน้านี้ได้ล่ะก็  เขาจะสามารถสู้กับศัตรูที่อยู่ระดับสูงกว่าตัวเองได้  และถึงขนาดที่เอาชนะพวกมันได้ด้วย

ในคืนนี้เย่เซิงไม่นอนและใช้เวลาทั้งคืนฝึกฝนโดยไม่มีใครจับสังเกตได้

วันรุ่งขึ้นเย่เซิงได้เปิดประตูและสิ่งแรกที่เขาเห็นคือหวางฝูทั้งหมดอย่างกับถูกปรับโฉมใหม่  มีโคมสีแดงขนาดใหญ่แขวนอยู่ทุกหนทุกแห่ง  มีริบบิ้นผ้าไหมและป้ายแขวนอยู่ตามคานตามเสา  แม้จะยังเช้าตรู่แต่ทุก ๆ คนที่มีสถานะสำคัญในหวางฝู่ตระกูลเย่ต่างไปยืนรออยู่ที่ซุ้มประตูหวางฝูเพื่อรอรับเสด็จพระมเหสี

คนรับใช้ทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตนเลยพากันรออยู่เงียบ ๆ อยู่ข้างหลังเจ้านายตนโดยไม่กล้าแม้แต่จะตดออกมา

ไม่มีใครแจ้งเย่เซิงให้รู้เลย  ทำอย่างกับว่าเขาไม่ได้อาศัยร่วมชายคาเดียวกัน

เย่เซิงเองก็ไม่ได้โกรธ  ทำเพียงแค่ยืนมองเงียบ ๆ เนื่องจากสามปีผ่านไปแล้วมันทำให้เขาไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่ที่เอ็นดูเขามากในตอนนั้น  ในตอนนี้จะยังเอ็นดูเขาอยู่หรือเปล่า  นางยังจะปฏิบัติกับเขาเหมือนเมื่อก่อนอยู่หรือไม่?

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เย่เซิงกังวล  หากพี่หญิงใหญ่ยังคงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิมทุกประการล่ะก็ความกดดันที่เขาแบกรับอยู่มันจะลดลงอย่างมาก

แต่ถ้าพี่หญิงใหญ่ที่ไปเสวยสุขในวังอยู่สามปีได้ลืมน้องชายของตนไปแล้วล่ะก็  แผนที่เย่เซิงวางไว้จะกลายเป็นหมันและเขาต้องคิดแผนใหม่ทั้งหมด

แต่โอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นมีน้อยมาก  เพราะเท่าที่เย่เซิงจำได้คือพี่หญิงใหญ่ที่แสนอ่อนโยนไม่ได้เป็นคนแบบนั้น

ขันทีได้มาถึงแต่เช้าเพื่อแจ้งให้ทางหวางฝูทราบล่วงหน้า  เขาประกาศเสียงแหลมว่า “พระมเหสีเย่เสด็จออกจากวังแล้ว  และพระนางจะมาถึงหวางฝูในอีกประมาณครึ่งชั่วยาม  ขอนายหญิงเฒ่าและนายหญิงทั้งหลายเตรียมการรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติด้วย”

นายหญิงเฒ่านั้นมีผมเงินทั้งหัวลักษณะดูสุขุมสมเป็นผู้อาวุโส  ในมือถือไม้เท้าหัวมังกรใบหน้าแสดงออกว่าตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่  ใครหน้าไหนก็อย่าได้กล้ามาแหยมให้ต้องขุ่นเคือง  นางได้ถามขันทีว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงเสด็จพร้อมกับพระมเหสีเย่หรือไม่?”

ขันทีที่เยาว์วัยกว่าก็ประสานมือตอบอย่างสุภาพว่า “วันนี้ฝ่าบาททรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญบางประการซึ่งมิอาจปลีกตัวได้  ดังนั้นพระองค์จึงไม่อาจเสด็จมาพร้อมกับพระมเหสีเย่  แต่ว่าฝ่าบาททรงตรัสกับพระมเหสีเย่ว่าจะทรงเสด็จมาในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน  ดังนั้นจึงขอนายหญิงเฒ่าช่วยเตรียมรับเสด็จอย่างสมพระเกียรติด้วย”

“เข้าใจแล้ว” นายหญิงเฒ่าพยักหน้าตอบ  นางอายุมากแล้วแต่กระดูกก็ยังแข็งแรงมาก  แต่บุคลิกท่าทางของนางกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระดูกของนางซะอีก  นางหันไปหานายหญิงใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ไปเถอะ  เตรียมฆ้องเตรียมกลองและรอคำสั่ง  แล้วก็ไปจัดการถนนทั้งสายให้เรียบร้อยอย่างให้มีใครมารบกวนการเสด็จของพระมเหสีได้”

นายหญิงใหญ่ตอบเบา ๆ ว่า “พ่อบ้านฝูไปจัดการแล้วเจ้าค่ะ”

“แล้วลูกข้าล่ะอยู่ไหน?” นายหญิงเฒ่ามองไปรอบ ๆ สองสามครั้งแต่ไม่เห็นลูกชายเลยถามอย่างสงสัย

“นายท่านออกจากหวางฝูเมื่อวานนี้  ดูเหมือนว่าจะมีจอมยุทธ์ที่อันตรายมาก ๆ มาที่เซียนหยางดังนั้นจึงต้องออกไปดูด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” นายหญิงใหญ่ตอบ

“ฮึ!  จอมยุทธ์พวกนั้นไม่เคารพราชสำนักไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งขององค์จักรพรรดิ  วัน ๆ เอาแต่ทำอะไรตามอำเพอใจไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสมควรถูกกวาดล้างไปให้สิ้น  พวกที่เอาแต่เตร็ดเตร่อยู่ตามป่าเขาไม่มีหน้าไหนดี ๆ ซักตัว  ควรให้สถานะพลเมืองชั้นต่ำกับพวกมันทั้งหมดจริง ๆ” นายหญิงเฒ่าเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อนางโกรธ  ทั้งนายหญิงใหญ่ทั้งหูเหมยที่ยืนอยู่ข้างหลังนางเลยไม่กล้าพูดอะไร  บรรยากาศทั่วทั้งสถานที่หยุดนิ่งไปในทันใด

“ท่านย่า  ท่านจะไปยุ่งกับจอมยุทธ์พวกนั้นไปเท่าไมเจ้าคะ?  วันนี้พี่หญิงใหญ่กลับมาเยี่ยมเยียน  หวางฝูตระกูลเย่เราก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ๆ และเนื่องจากพี่หญิงใหญ่ได้เป็นพระมเหสีขององค์จักรพรรดิ  นางจึงช่วยเพิ่มเกียรติและศักดิ์ศรีของหวางฝู่ตระกูลเย่เราด้วยนะเจ้าคะ” เย่หลินเอ๋อกอดแขนนายหญิงเฒ่าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้

“จริงด้วย  เราไปฉลองกันดีกว่า  ดีกว่ามาพูดถึงเรื่องของไอ้พวกโง่นั่น” นายหญิงเฒ่ายิ้มอย่างอบอุ่นและเปลี่ยนจากโกรธเป็นอ่อนโยนทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด