บทที่ 18: พี่หญิงใหญ่กำลังมา
เย่เซิงถูกส่งกลับเรือนและมีหมอคนหนึ่งมาตรวจอาการ หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้วและพบว่าเย่เซิงสบายดีก็จากไป
ในตอนกลางคืนเย่เซิงลืมตาขึ้นมา ใช้สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องมองไปยังเรือนของนายหญิงใหญ่
“แม่ไม่ได้ตายจากโรคซึมเศร้า แต่ถูกคนฆ่า?” เย่เซิงกัดฟันด้วยดวงตาที่มีไฟลุกโชน
ตามความทรงจำของเขา แม่ของเขาหดหู่ใจที่สูญเสียความสามารถในการฝึกฝนไปและตายตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบ
แต่เมื่อลองกลับมาวิเคราะห์ดูดี ๆ แล้วกลับมีเรื่องที่น่าสงสัย เพราะแม่เขาเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏ ต่อให้สูญเสียสามารถในการฝึกฝนไป แต่นางก็ไม่ควรเสียชีวิตจากภาวะซึมเศร้า เพราะยังไง ๆ เย่เซิงน้อยก็ได้กลายเป็นแหล่งความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางในตอนนั้น ดังนั้นจึงไม่มีแม่คนใดที่ทนจากโลกนี้ได้ก่อนที่จะเห็นลูกของตนเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่
“ในหวางฝู่เชรี่ยนี่ซ่อนเรื่องสกปรกไว้อีกมากมายขนาดไหนวะเนี่ย?” เย่เซิงรู้สึกขยะแขยงสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
ทุก ๆ คนล้วนมีความลับของตัวเอง และทุกคนต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากัน ภายนอกดูเหมือนว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน แต่ภายในกลับมีการแทงข้างหลังกันเกิดขึ้นมากมาย ถ้าไม่ระวังก็อาจตายได้ทุกเมื่อ
โชคดีที่เย่เซิงใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและมีบุคลิกที่ระมัดระวัง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากนักมิฉะนั้นเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงวันนี้ก็เป็นได้
“ต้องอดทน อดทนกับทุกสิ่ง จะแก้แค้นตอนไหนก็ไม่มีสาย ต่อให้ต้องเป็นอีกสิบปีก็ต้องทน นอกจากนี้ด้วยตันเถียนดาวโลกเราไม่ต้องรอถึงสิบปีหรอก!” เย่เซิงเตือนตัวเอง
ตอนนี้เย่เซิงไม่รู้สึกง่วงเลย เขาปิดประตูหน้าต่างและเริ่มฝึกฝนผนึกสังสารวัฏ
ในขณะที่เย่เซิงยุ่งอยู่กับการฝึกฝน อีกด้านหนึ่งมีใครคนหนึ่งที่นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
...
ไอ้เย่ชิงล้มโต๊ะอย่างโกรธเคืองจนของบนโต๊ะตกกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด “ไหนท่านแม่บอกว่าแผนนั้นสมบูรณ์แบบยังไงเล่า? แล้วไอ้ขยะนั่นมันกลับมาที่นี่อีกได้อย่างไรกัน!?”
สีหน้าของอีแม่มันก็เย็นชาพอ ๆ กัน มันแหกปากตะคอกลูกตัวเองกลับไปว่า “กะอีแค่ฆ่าไอ้เย่เซิงไม่ได้ถึงกับต้องล้มโต๊ะ? เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่เป็นอีก!”
หลังจากโดนตะคอกใส่ไอ้เย่ชิงมันก็หน้างอ “ก็ข้าเกลียดมันนี่ ข้าเกลียดไอ้เย่เซิงจนถึงแก่นกระดูก เกลียด ๆ ๆ ๆ เกลียดจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย”
“ข้าได้ให้คนหาคนอันธพาลชั้นต่ำไปฆ่าไอ้เย่เซิงเพื่อที่ตัวตนของเราจะไม่ถูกเปิดเผยและไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใดการลอบสังหารนี่ถึงล้มเหลวก็ตาม แต่เจ้านั่นแหล่ะห้ามปริปากพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด” ใบหน้าที่สวยงามของอีหูเหมยดูจริงจังขณะที่กำชับลูกมันอย่างเข้มงวด
“ทำไมเล่า? ถ้าครั้งแรกไม่สำเร็จก็ลองครั้งที่สองได้นี่ ข้าไม่สนใจหรอกว่าต้องใช้วิธีไหน จะวางยาพิษ! หลอกล่อ! คำสาป! คาถา! มีเป็นล้าน ๆ วิธีที่จำทำให้มันตายโดยที่เราไม่ถูกเปิดโปง แค่เอามาใช้ซักวิธีหนึ่งมันจะเป็นไรไป?” ไอ้เย่ชิงถามอย่างขุ่นเคืองพลางนั่งลงแล้วจ้องหน้าแม่มันเขม็ง
“เจ้าเกลียดเย่เซิงมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” คิ้วของหูเหมยเลิกขึ้น
“ขอรับ! อาการบาดเจ็บของข้ายังไม่หายดีและทุกคนก็รู้ว่าข้ารับไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้ พวกมันต่างนิทาว่าฆ่าถูกโบนจนตัวแตก เอาแต่หัวเราะเยาะเย้ยข้าอยู่ได้ ไอ้เย่เซิงที่เป็นสาเหตุของความอัปยศที่ข้าต้องทนรับนี่ยังคงอยู่ หากข้าไม่ฆ่ามันล่ะก็ข้าจะต้องอยู่อย่างรู้สึกว่ามีก้างติดคอที่ล้วงยังไงก็ไม่ออกต่อไปเรื่อย ๆ น่ะสิขอรับ” ไอ้เย่ชิงมันตอบแม่มันอย่างโกรธเคือง
“งั้นเจ้าก็ต้องรออีกเดือนหนึ่ง” หูเหมยพูด ซึ่งที่พูดนี้ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นคำสั่ง
“ทำไม?” ไอ้เย่ชิงสงสัย
“ทำไม? ก็เพราะพี่หญิงใหญ่ของเจ้ากำลังจะกลับมาเยี่ยมที่นี่ยังไงเล่า! หากเจ้าฆ่ามันตอนนี้ก็ต้องถูกนางเพ่งเล็งเอาน่ะสิ!” อีแม่ที่ทนลูกโง่ ๆ ไม่ไหวเลยต้องตะคอกมันอีกรอบ
ไอ้เย่ชิงที่ได้ยินก็ประหลาดใจ “พี่หญิงใหญ่กำลังกลับมาเยี่ยมเยียน? นางน่าจะอยู่ในวังอย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
“พี่หญิงใหญ่ของเจ้าเข้าวังไปได้สามปีแล้ว นางอยากจะกลับมาเยี่ยมตั้งแต่เมื่อปีกลาย แต่กลับตั้งครรถ์และให้กำเนิดองค์หญิงน้อยซะก่อนจึงต้องใช้เวลาพังฟื้นหนึ่งปี และตอนนี้องค์หญิงน้อยก็เป็นที่รักใคร่ขององค์จักรพรรดิยิ่ง ดังนั้นนางจึงใช้โอกาสนี้เพื่อขออนุญาตกลับมาเยี่ยมบ้าน ฝ่าบาทเองก็ทรงอนุญาตแถมยังตรัสว่าจะเสด็จมาร่วมงานเลี้ยงที่หวางฝู่ตระกูลเย่เราด้วย” หูเหมยตอบ
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าพี่หญิงใหญ่มาล่ะก็เราก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะนางรักไอ้เศษขยะสารเลวนั่นจะตายชัก ข้าเองก็ไม่อาจทำอะไรให้นางโกรธได้” ไอ้เย่ชิงกล่าวอย่างขุ่นเคือง
ต่อให้มันจะละเมิดกฎเกณฑ์อย่างไร้ยางอายและหน้าด้านได้ขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็ยังคงไม่กล้าหือกับพี่หญิงใหญ่ และมันก็รู้ดีด้วยว่าพี่หญิงใหญ่รักและเอ็นดูเย่เซิงมากขนาดไหน ถ้าพูดให้ถูกก็คือทุก ๆ คนในหวางฝูล้วนรู้ดีว่าพี่หญิงใหญ่ให้ความสำคัญกับเย่เซิงมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของนางทั้งหมด ถึงขนาดทุบตีคนรับใช้จนตายต่อหน้าคนทั้งบ้านเพื่อแก้แค้นให้เขา ซึ่งคนรับใช้พวกนั้นล้วนเป็นคนของนายหญิงเฒ่ากับนายหญิงใหญ่ แม้ทังสองจะโกรธมากขนาดไหนก็ไม่กล้าปริปากหือกับพี่หญิงใหญ่แม้แต่ผายลมเดียว
และพี่หญิงใหญ่ผู้โหดเหี้ยมในตอนนั้น ตอนนี้กลายเป็นพระมเหสีขององค์จักรพรรดิไปแล้วแถมยังให้กำเนิดองค์หญิงน้อยซึ่งถูกตาต้องใจองค์จักรพรรดิเป็นอย่างยิ่งอีก เรื่องนี้จึงทำให้ฐานะของนางยิ่งมาก็ยิ่งสูง สูงยิ่งกว่าสมัยยังอยู่ในหวางฝูเยอะเลยทีเดียว สูงจนไม่มีใครกล้าทำให้นางขุ่นเคืองอีกต่อไป
“ดี! ข้าดีใจที่ในที่สุดเจ้าก็รู้ตัวซักที เจ้าควรใช้เวลาทั้งเดือนนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกวรยุทธ์และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง และที่สำคัญคือห้ามไปใกล้ไอ้เย่เซิงนั่นเด็ดขาด” หูเหมยกำชับย้ำอีกรอบ
ไอ้เย่ชิงมันก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม “ก็ได้ ๆ ข้าจะยอมอดทนอีกหนึ่งเดือน”
ในที่สุดหูเหมยก็มั่นใจเมื่อได้เห็นว่าไอ้เย่ชิงมันจริงจัง จากนั้นอีนี่ก็เปลี่ยนสายตาเป็นเย็นเยียบ “รอให้พี่หญิงใหญ่ของเจ้ากลับวังเมื่อไหร่ ข้าจะทำให้แน่ใจว่าไอ้เย่เซิงมันตายสนิทเมื่อนั้น”
...
วันรุ่งขึ้น เย่เซิงพึ่งตื่นและลุกจากเตียงตอนเที่ยงเพราะเขาแสร้งทำเป็นหมดสติเมื่อคืนนี้ เขาเดินออกไปและเห็นว่าหลิวม่าจื่อกำลังทำความสะอาดลานบ้านของเขาอยู่
“ทำไมเจ้าถึงยังอยู่อีก” เย่เซิงถามด้วยความสงสัย
โดยปกติแล้วเสี่ยวม่าจื่อมีหน้าที่แค่ส่งอาหารให้เขา และเมื่อเย่เซิงกินเสร็จก็เอาจานไปเก็บเท่านั้น ไม่มีการอยู่ต่อแม้แต่ลมหายใจเดียว แถมเรือนของเย่เซิงก็เล็กอย่างกับรูหนูมีอะไรให้ต้องทำความสะอาดมากมายกัน
“บ่าวกำลังช่วยคุณชายทำความสะอาดลานบ้านอยู่ ไม่บาดเจ็บต่อแล้วเหรอเหรอเจ้าคะ?” หลิวม่าจื่อถามประชดประชัน
เย่เซิงมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ จากนั้นเอามือทาบอกตัวเองแล้วตอบว่า “ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่มีแรง มีอะไรให้กินไหม?”
“งั้นเดี๋ยวบ่าวไปเอาอาหารมาให้” ว่าแล้วมันก็วิ่งออกไปทันทีจากนั้นก็กลับมาพร้อมกับอาหารมื้อใหญ่
มีเนื้อวัว เนื้อแกะ ปลา และแม้แต่เนื้อลาก็ยังมี ทั้งหมดนี้มาจากห้องครัวหลักจึงไม่ใช่แค่อร่อยเท่านั้นแต่การจัดจานยังงามตาหน้ากินอีกต่างหาก เมื่อทุกอย่างถูกจัดวางลงบนโต๊ะในลานบ้านของเย่เซิง กลิ่นหอมของอาหารก็อบอวลไปทั่วขัดกับบรรยากาศของเรื่อนเล็ก ๆ โกโรโกโสหน้าเศร้าของเขาเป็นที่สุด
ปกติแล้วอาหารบนโต๊ะนี้จะเสิร์ฟในห้องโถงใหญ่ให้พวกเย่หวางเหย่กับคนอื่น ๆ ได้กินดื่ม แต่บัดนี้มันกลับถูกเสิร์ฟให้เย่เซิงด้วยซึ่งมันทำให้เขากังวลมาก ๆ
“วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมดนี่มันหมายความว่าไง?” เย่เซิงถามทันทีโดยยังไม่แตะต้องอะไร
เพราะมื้อนี้มันรวยยิ่งกว่าอาหารตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้เยอะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เย่เซิงจะไม่ไว้ใจ
ครั้งล่าสุดที่เขากินเนื้อมากมายขนาดนี้ มันจบด้วยมีมือสังหารตามมาฆ่า แล้วมื้อนี้ดูแพงกว่าครั้งก่อนอีก ไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ได้กะสับเขาเป็นชิ้น ๆ ทั้งเป็นเลยหรอกนะ?
“มื้อนี้ตาคำสั่งของนายหญิงสองเจ้าค่ะ” หลิวม่าจื่อพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“แล้วทำไมนายหญิงสองถึงต้องทำขนาดนี้ล่ะ?” เย่เซิงถามอีกครั้ง
หลิวม่าจื่อทำลับ ๆ ล่อ ๆ มองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบว่า “บ่าวได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่กำลังจะกลับมาเจ้าค่ะ”
“คุณหนูใหญ่?” เย่เซิงใช้เวลาคิดสักพักกว่าจะนึกออกว่าหมายถึงใคร
“เจ้าหมายถึงพี่หญิงใหญ่เหรอ?” ดวงตาของเย่เซิงสว่างขึ้นทันทีเมื่อนึกออกว่าคุณหนูใหญ่ของ หวางฝูตระกูลเย่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่หญิงใหญ่ของตน
หลิวม่าจื่อผู้นี้มาจากบ้านนอกและเคยเรียกลูกสาวคนโตของบ้านนี้ว่าคุณหนูใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วในหวางฝู่ตระกูลเย่ นางน่าจะถูกเรียกว่าเย่กุ้ยเฟย (พระมเหสีเย่) ซึ่งเป็นชื่อตำแหน่งมากกว่า
พี่หญิงใหญ่เป็นมเหสีขององค์จักรพรรดิแห่งต้าฉิน และเป็นที่ชื่นชอบของพระองค์ในขณะนี้ หากพระมเหสีเสด็จมาที่หวางฝูนี่ล่ะก็ ทั้งนายหญิงเฒ่าและนายหญิงใหญ่จะต้องออกไปรับเสร็จด้วยตัวพวกนางเอง นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งขนาดนั้น
“บ่าวได้ยินเรื่องนี้จากข้ารับใช้อื่น จะจริงหรือไม่จริงบ่าวไม่แน่ใจเจ้าค่ะ” หลิวม่าจื่อส่ายหัวปฏิเสธไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง
เย่เซิงจึงมองไปที่อาหารที่มีหรูหราเกินกว่าที่หมาจะเห่าบนโต๊ะอย่างเย้ยหยันและดูถูก ‘อีหูเหมยนี่มันเก่งจริงโว้ย! พอรู้ว่าพี่หญิงใหญ่จะมาก็รีบให้คนใช้เอากับข้าวดี ๆ มาเซ่นไหว้ตูเพื่อเป็นค่าปิดปากทันทีเลย!’
‘มันคงไม่ได้กลัวหรอกว่าตูจะพูดจาเปิดโปงอะไร แต่ที่เอาของมาเซ่นขนาดนี้คงกะว่าอย่างน้อยตอนเจอหน้ากันจะไม่ต้องรู้สึกอึดอัดงั้นซิ?’
‘แหม ๆ ช่างวางแผนเก่ง~’
ดวงตาของเย่งเซิงเป็นประกายแวววับ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มากเกิดใหม่ที่รู้สึกได้ว่าแรงกดดันในตัวเองหายไปเป็นปลิดทิ้ง และเขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก พี่หญิงใหญ่กำลังมาดังนั้นเขาจึงสามารถขอให้พี่หญิงใหญ่ช่วยเขาออกจากหวางฝู่ตระกูลเย่แห่งนี้ได้!