ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 19 พลังของหมัดปีศาจวัว
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 19 พลังของหมัดปีศาจวัว
แปลโดย iPAT
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง ใบไม้บนภูเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง รวงข้าวสีทองพองตัวขึ้นทีละน้อย
เกวียนเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางระหว่างทุ่งนา ไม่มีใครควบคุมวัวดำที่ลากเกวียนไปข้างหน้า บนแผ่นหลังของมันมีเด็กหนุ่มที่คาบฟางไว้ในปากและแสดงออกอย่างผ่อนคลายขณะมองดูท้องฟ้า ที่เอวของเขามีดาบและแผ่นไม้ เขาก็คือหลี่ฉิงซาน
ปัจจุบันเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองธารสนที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าห้ากิโลเมตรพร้อมกับเงินมากกว่าหนึ่งพันตำลึงในกระเป๋า ในหมู่บ้านเล็กเช่นหมู่บ้านกระทิงหมอบ การใช้เงินเป็นเรื่องยากเกินไป
หากเขาต้องการซื้อสินค้าบางอย่าง เขาต้องไปที่เมืองใหญ่เท่านั้น เมืองชิงหยางมีสินค้ามากมาย แต่มันอยู่ไกลเกินไปและแน่นอนว่าสินค้าของที่นั่นไม่ถูก
เขาทำได้เพียงคว้าตัวเลือกที่สอง ในช่วงเวลาหนึ่งของทุกเดือน เมืองธารสนจะจัดงานเทศกาลขนาดใหญ่ ผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงจะไปรวมตัวกันที่นั่นเพื่อจับจ่ายใช้สอยหรือแลกเปลี่ยนสินค้า นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อโสม เขารวบรวมหนังสัตว์จำนวนมากมาด้วยและต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อขายพวกมัน
เดิมทีหลี่ฉิงซานไม่ต้องการให้วัวดำลากเกวียน แต่วัวดำไม่ใส่ใจที่จะทำตัวเป็นวัวธรรมดา
เมื่อเขามาถึงหมู่บ้านธารสน ดวงอาทิตย์พึ่งขึ้นจากขอบฟ้า เมืองเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมา เสียงตะโกนขายสินค้าดังขึ้นตลอดสองข้างทาง มันเป็นภาพที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
หลี่ฉิงซานพบที่ว่างและเริ่มวางหนังสัตว์ไว้บนผ้าที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า เขาไม่ได้ตะโกนเรียกลูกค้าเหมือนพ่อค้าคนอื่นๆ ตรงข้าม เขานั่งสมาธิ! เขาไม่ยอมปล่อยผ่านโอกาสที่จะได้ฝึกฝนแม้แต่น้อย
เศษเสี้ยวพลังปราณในร่างกายของเขาเติบโตขึ้นแล้ว เขาเหมือนเด็กน้อยที่ชอบเล่นไปรอบๆ และควบคุมพลังปราณไปตามความต้องการของเขา
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เขากลับรู้สึกเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่าการทำงานหนักในทุ่งนา หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นเป็นครั้งคราวเพื่อตอบลูกค้าที่เข้ามาถามราคา
เขามีเงินก้อนโตอยู่แล้วและไม่มีแผนการที่จะทำกำไรมหาศาลจากหนังสัตว์เหล่านี้ เขาเพียงต้องการกำจัดพวกมันออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้ไปซื้อโสม ดังนั้นราคาของพวกมันจึงถือว่าถูกมาก
แม้เขาจะไม่ต้องการปั่นราคา แต่ธุรกิจของเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตอนนี้ใกล้ฤดูหนาวแล้วและหลี่ฉิงซานก็มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับความเจ็บปวดของการถูกลมหนาวกัดเซาะ ไม่มีคนปกติคนใดที่ไม่ต้องการรองเท้าหนังสัตว์หรือเสื้อคลุมหนังสัตว์ ดังนั้นผู้คนมากมายจึงมารวมตัวกันที่ร้านของเขา
“หลีกทาง หลีกทาง!” ชายสองสามคนที่พกดาบ คันธนู และลูกธนูไว้บนแผ่นหลังแยกฝูงชนออกด้วยความก้าวร้าว พวกเขาหยุดยืนอยู่หน้าร้านของหลี่ฉิงซานและสร้างเงาดำปกคลุมร่างกายของเขา
หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใด?” เพียงชำเลืองมอง เขาก็เข้าใจทันทีว่าคนเหล่านี้รับมือได้ยาก
แม้พวกเขาจะอายุไม่มากและไม่มีคนใดดูชั่วร้ายเป็นพิเศษ แต่หลี่ฉิงซานสามารถสัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันจากทุกคน หากเจ้าหัวล้านหลิวเป็นสุนัขขี้เรื้อนที่ทำได้แค่เห่า คนกลุ่มนี้ก็เป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดุร้าย หนึ่งในคนกลุ่มนี้สามารถฆ่าเจ้าหัวล้านหลิวได้อย่างง่ายดาย
เด็กหนุ่มร่างเตี้ยที่มีเคราสั้นๆอยู่บนใบหน้าถาม “เจ้านำหนังสัตว์เหล่านี้มาจากที่ใด?”
สหายของเขาตรวจสอบหนังสัตว์เหล่านั้นและพบว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง หนังสัตว์ไม่มีรูจากลูกธนูหรือร่องรอยความเสียหายใดๆ มันเป็นหนังสัตว์คุณภาพสูงที่หายาก
“หากต้องการก็ซื้อ หากไม่ก็ไปซะ อย่าบังแดด” หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแสก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง
ผู้คนที่อยู่รอบๆถอยห่างออกไปแล้วแต่พวกเขาไม่ได้จากไป ในความเป็นจริงตอนนี้มีผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้นและเริ่มซุบซิบ
“พวกเขาไม่ใช่นักล่าจากหมู่บ้านบังเหียนม้างั้นหรือ?”
“เด็กนั่นกล้าดูแคลนคนจากหมู่บ้านบังเหียนม้า เขาคิดว่าตนเองมีกี่ชีวิต”
หมู่บ้านบังเหียนม้า! หัวใจของหลี่ฉิงซานเต้นผิดจังหวะทันที แม้เขาจะอาศัยอยู่ใต้ก้อนหิน แต่เขายังเคยได้ยินชื่อเสียงของผู้คนจากหมู่บ้านบังเหียนม้า มันเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เมืองธารสน มันตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขา ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนเป็นนายพรานมาหลายชั่วอายุคน หลี่ฉิงซานไม่แปลกใจอีกต่อไปที่คนเหล่านี้จะมีกลิ่นอายดังกล่าว
เปรียบเทียบกับหมู่บ้านที่เน้นด้านเกษตรกรรมเช่นหมู่บ้านกระทิงหมอบ ผู้คนของหมู่บ้านบังเหียนม้าดุร้ายกว่ามาก พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าทุกวัน พวกเขายังฝึกทักษะการต่อสู้ที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ พวกเขาไม่อยู่ในการปกครองของเมืองชิงหยางและไม่เคยจ่ายภาษี
ครั้งหนึ่งคนระดับสูงของเมืองชิงหยางต้องการลงโทษหมู่บ้านบังเหียนม้า แต่ก่อนที่กองทัพของพวกเขาจะไปถึง พวกเขาก็ตกลงสู่หลุมพรางและถูกซุ่มโจมตีเรียบร้อยแล้ว เมื่อพวกเขาไปถึงหมู่บ้านบังเหียนม้าอย่างยากลำบาก พวกเขาก็สูญเสียกำลังคนไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขวัญกำลังใจของพวกเขาตกต่ำลงอย่างมาก สุดท้ายนายพลของเมืองชิงหยางก็ทำได้เพียงดึงบังเหียนม้าหลบหนีกลับเมืองชิงหยางด้วยความสลดใจเท่านั้น
นี่ทำให้ชื่อเดิมของหมู่บ้านแห่งนี้ถูกลืมเลือนขณะที่ผู้คนเรียกมันว่าหมู่บ้านบังเหียนม้า
สมาชิกหมู่บ้านบังเหียนม้าเต็มไปด้วยความภูมิใจที่สามารถขับไล่กองทัพทหารจากเมืองชิงหยาง หากเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่ผู้หนึ่งต้องการต่อต้านพวกเขา ผลลัพธ์ของมันย่อมต้องเป็นเรื่องที่น่าสลดใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายร่างเตี้ยกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าขายพวกมันที่นี่ไม่ได้!”
“เพราะเหตุใด?” หลี่ฉิงซานเปิดเปลือกตาขึ้นและมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
นั่นทำให้ชายร่างเตี้ยนึกถึงสัตว์ร้ายบนภูเขา สายตาที่ส่องประกายอยู่ในความมืดทำให้พวกเขาระวังตัว แต่พวกเขาไม่กลัว พวกเขาเป็นนักล่าที่ต่อสูกับสัตว์ป่ามาแล้วมากมาย ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เห็นหลี่ฉิงซานแต่งตัวเหมือนชาวนาทั่วไป ดังนั้นพวกเขาจึงดูแคลนเขามากขึ้น “เพราะข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำ!”
หลังกล่าวจบคำ เขาก็ยื่นมือออกไปโดยหวังที่จะพลิกแผงขายสินค้าของหลี่ฉิงซาน
มือที่หยาบกระด้างจับข้อมือของชายร่างเตี้ยราวกับกุญแจมือโลหะ นั่นทำให้ฝ่ายหลังรู้สึกเจ็บปวด
ชายร่างเตี้ยประหลาดใจ ‘คนผู้นี้แข็งแกร่ง!’
อย่างไรก็ตามเขายังสามารถตอบสนองด้วยการชกหมัดจากมืออีกข้างไปที่ใบหน้าของหลี่ฉิงซาน
สหายของเขาไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปยุ่ง พวกเขาเพียงเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยความมั่นใจและกระทั่งเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
กล่าวไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานได้ต่อสู้กันบางคนจริงๆ เจ้าหัวล้านหลิวไม่แม้แต่จะสามารถตอบโต้เขาขณะที่หมอผีเสียชีวิตเพราะวิชาของตนเอง
หมัดพุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็วทำให้หลี่ฉิงซานไม่มีเวลาคิด อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ฝึกฝนมาทั้งวันโดยเปล่าประโยชน์ เขาเอียงศีรษะไปด้านข้างตามสัญชาตญาณก่อนจะกระทืบเท้าขวาและบิดตัวไปข้างหน้า
ด้วยการใช้กระดูกสันหลังเป็นแกนกลางและมัดกล้ามเนื้อทั่วร่างที่เต้นเป็นจังหวะ เขาใช้ไหล่กระแทกชายร่างเตี้ยอย่างรุนแรง
การใช้ไหล่กระแทกเป็นการโจมตีที่ธรรมดาที่สุดแต่มันมีความแข็งแกร่งของหมัดปีศาจวัวแฝงอยู่ เขาผสานมันเข้ากับการเคลื่อนไหวนี้
ปีศาจวัวกระทืบอนุญาตให้เขาดึงพละกำลังจากพื้นดิน ปีศาจวัวหวิดทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งและแหลมคม ปีศาจวัวทะยานทำให้เขาสามารถใช้ร่างกายพุ่งปะทะคู่ต่อสู้ เขาใช้ทั้งหมดในการเคลื่อนไหวเดียว
วัวดำที่หมอบอยู่ด้านหลังพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ตรงข้ามกับชายร่างเตี้ยที่หน้าซีดด้วยความตกใจ เขารู้สึกเหมือนถูกวัวกระทิงพุ่งชน หน้าอกของเขาถูกโจมตี เขาถูกส่งลอยกลับหลังและพุ่งเข้าไปในฝูงชน เขารู้สึกราวกับกระดูกทั่วร่างของเขาแตกหักทั้งหมด
เงียบกริบ! เสียงสนทนาของผู้คนหยุดลง สหายของชายร่างเตี้ยตกตะลึงก่อนที่พวกเขาจะเปิดฉากโจมตีหลี่ฉิงซานอย่างดุเดือด
การแสดงออกของหลี่ฉิงซานกลายเป็นเคร่งขรึม การต่อสู้ตัวต่อตัวกับการต่อสู้กับคนหมู่มากเป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เว้นเพียงความแข็งแกร่งของสองฝ่ายจะแตกต่างกันมากเกินไป มิฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องยากที่คนผู้หนึ่งจะล้มคนหลายคนด้วยสองมือของเขา เมื่อกระทิงตัวหนึ่งถูกฝูงหมาป่าที่ดุร้ายรุมล้อม ชะตากรรมเดียวที่รอมันอยู่คือการถูกฉีกเป็นชิ้นๆและตาย
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย เศษเสี้ยวพลังปราณในร่างของหลี่ฉิงซานก็เริ่มทำงาน มันไหลเข้าสู่ดวงตาของเขา นั่นทำให้เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงอย่างกะทันหัน แท้จริงแล้วมันช้ามาก กระทั่งความโกรธที่พวกเขาแสดงออกบนใบหน้าก็ยังชัดเจนมากในสายตาของหลี่ฉิงซาน