ตอนที่ 128 KFC สาขาที่สอง
ต่อมาแม้ว่าฮัวเซี่ยจะมีโรงงานรับ OEM ให้กับสินค้าต่างๆทั่วโลก แต่ก็ยังมีหลายบริษัทที่ได้ก่อตั้งโรงงานเพื่อที่จะเลียนแบบฮัวเซี่ย
น่าเสียดายที่หลายบริษัทไม่สามารถทำได้แบบครบวงจร
ยกตัวอย่างเช่น โรงงานซื่อเผง
อุตสาหกรรมหลักของโรงงานนี้คือการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แต่ติดตรงที่ต้องนำเข้าชิปเป็นจำนวนมาก
ในยุคปัจจุบันโทรศัพท์มือถือจะมีราคาถึงเครื่องละหลายพันหยวน โดนถ้าแบ่งเป็นค่าชิปที่นำเข้าอย่างเดียวก็อาจจะถึง 200-300 หยวนแล้ว ลองคิดดูยอดขายโทรศัพท์ต่อปีอาจสูงถึง 30-40 ล้านเครื่อง เงินที่พวกเขาต้องจ่ายให้กับค่าชิปจะเป็นเท่าไหร่
หากเกิดสงครามการค้า ประเทศเพื่อนบ้านไม่ยอมขายชิปให้ บางทียักษ์ใหญ่แห่งการผลิตโทรศัพท์มือถืออาจจะต้องเปลี่ยนเป็นประเทศอื่นก็ได้
การทำอุตสากรรมแบบนี้ เหมือนกับยืนอยู่ในที่โล่งบนพื้นน้ำแข็ง เราจะไม่รู้ได้เลยว่าพื้นน้ำแข็งมันจะแตกตอนไหน
ซูข่านสูดหายใจเข้าลึกขณะที่คิดเรื่องพวกนี้ เขาอยากจะเป็นคนที่เข้าไปเปลี่ยนสถานการณ์นี้
เขาจำได้ว่าในชาติก่อนมีบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าแบบนี้ จนพวกเขาต้องประกาศล้มละลาย
ดวงตาของซูข่านกระพริบเร็วขึ้นเล็กน้อย บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้ เรื่องแบบนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ใบไม้ที่พริ้วไหวไปกับสายลมในฤดูใบไม้ร่วง
มองจากตรงนี้คงเห็นได้เพียงแค่ท้องฟ้าในหนานจิง แต่ในใจลึกๆของซูข่านเขาได้มองไปถึงเหล่าขั้วอำนาจของโลกใบนี้ และการแข่งขันในเวทียุโรป
ตอนนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกกำลังแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
"ถ้าถึงตอนนั้น บางทีอาจจะสายไปแล้วก็ได้"
ซูข่านพูดกับตัวเองเบาๆ
ซูข่านมองไปที่ลู่กั๋วเฉียง นี่คือการเคลื่อนไหวแรกของเขาในวงการนี้ ขึ้นอยู่กับลู่กั๋วเฉียงแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะทำพลาด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก
นี่ยังไม่ใช่ยุคที่คนทั่วไปจะมีโทรศัพท์มือถือติดตัวกัน
เพียงแต่ว่า…
หากว่าเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถไปได้ไกลเท่านั้น
ยิ่งในเวลานี้ ความสัมพันธ์ของระหว่างประเทศระหว่างจีนกับอเมริกา ได้บรรลุข้อตกลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สำหรับอเมริกาแล้วนี่คือศัตรูหมายเลข 1 สำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ
ในเวลานี้หลายบริษัทในจีนได้รับเงินทุนสนับสนุนในการวิจัยต่างๆ หลังจากนี้เทคโนโลยีในจีนก็จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว บางเทคโนโลยีก็โดนเขี่ยทิ้ง บางอันก็ถูกนำไปใช้และต่อยอดไปจนถึงยุคปัจจุบัน
ตอนนี้ผู้คนในจีนทำงานกันอย่างหนักเพื่อคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ
ภายหลังในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การพัฒนาของจีนจะเร็วกว่าที่อเมริกาคาดการณ์ไว้
ประเทศจีนจะก้าวเข้าอยู่การเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก เศรษฐกิจของประเทศจีนจะสูงถึงอันดับ 2 เป็นรองเพียงอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้น จากประเทศนอกสายตาสู่ยักษ์ใหญ่ในวงการ
"ยังพอมีเวลา"
ดวงตาของซูข่านหรี่ลงเล็กน้อย เขาใช้เวลาสักพักใหญ่ในการครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ขณะที่คุยกับลู่กั๋วเฉียง
"พี่สาม…"
ลู่กั๋วเฉียงประหลาดใจเล็กน้อย เขามองดูซู่ขานที่กำลังเงียบและขมวดคิ้ว หน้าตาของซูข่านดูจริงจังกว่าปกติมาก
"รีบไปได้แล้ว"
ซูข่านส่ายหัวและพูดขึ้นมา
จางหม่านได้วางแผนที่จะกลับเซียงเจียงด้วยเครื่องบิน ที่หนานจิงมีสนามบินที่สามารถบินตรงไปที่เซียงเจียงได้เลย ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่เที่ยวบินในประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านั่งเครื่องบินในตอนนี้ บนเครื่องสามารถดื่มเหล้าเหมาไถได้จำนวนไม่จำกัด และที่สำคัญฟรี!!
จางหม่านได้มาหาซูข่านเพื่อกล่าวอำลา
"ขอให้เดินทางปลอดภัย ดูแลบริษัทว่านเซี่ยงให้ดีๆด้วย"
ซูข่านและจางหม่านโบกมือให้กัน ก่อนที่จางหม่านจะเดินออกไป
เงินทั้งหมดก็ได้ลงไปกับฟิวเจอร์น้ำมันแล้ว เงินที่อยู่ในบริษัทตอนนี้ก็เอาไว้สำรองจ่ายค่าดอกเบี้ยของ HSBC
สูเจิ้งเหมาก็มาอำลาซูข่านที่บ้าน
"เดี๋ยวผมต้องออกเดินทางแล้ว ไปช้าเดี๋ยวจะตกรถไฟ"
สูเจิ้งเหมามองดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองและพูดกับซูข่าน
เขาจะแวะไปที่มณฑลเจียงซูก่อน ส่วนพวกลู่กั๋วเฉียงพวกเขาอยากจะขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปมาก
แต่มันมีข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับการขึ้นเครื่อง ทำให้พวกเขาต้องไปรถไฟพร้อมกับสูเจิ้งเหมา
"ลาก่อน"
ซูข่านโบกมือให้พวกเขาทั้งหมด
ไม่นานผู้คนที่มาจากเซียงเจียงก็ได้เดินทางออกจากหนานจิงไปจนหมด ตอนนี้เหลือเพียงซงหมิงเจียงที่อยู่ในบ้านกับซูข่าน เขาเดินมาส่งพี่น้องของเขาเดินทางไปเผิงเฉิง
ซูข่านมองไปที่ซงหมิงเจียงและถามว่า
"หมิงเจียง นายคุ้นเคยกับงานที่ต้องทำกับจางเฉียงรึยังล่ะ?"
"พี่สาม ตอนนี้ผมเริ่มที่จะคุ้นเคยแล้ว"
ซงหมิงเจียงตอบด้วยรอยยิ้ม
"ดีมาก"
ซูข่านตบไหล่ให้กำลังใจซงหมิงเจียง เขาคือส่วนสำคัญในแผนการของซูข่าน
ซงหมิงเจียงเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างมาก ซูข่านได้ส่งซงหมิงเจียงไปเรียนรู้งานจากจางเฉียง
เมื่อถึงฤดูร้อนปีหน้า เขาอาจจะกลายเป็นกำลังสำคัญของซูข่านเลยก็ได้
เวลาได้ผ่านไปอย่างช้าๆ
หน้าหนาวกำลังจะมาเยือน หลายคนในหนานจิงยุ่งมากกับงานของพวกเขา
บางวันซูข่านก็ได้ออกไปเที่ยวกับเฒ่าหลี่และเสี่ยวผิงบ้างเป็นครั้งคราว พอมีเวลาเขาก็แวะกลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อและแม่
ซูข่านมีความสุขกับชีวิตของเขามากในตอนนี้ เขารู้สึกสะดวกสบายกับชีวิตในยุคนี้
ในหนานจิงตอนนี้ ท้องฟ้ายังเป็นสีฟ้าอยู่ ไม่มีฝุ่นหรือ PM2.5 มากวนสายตา อากาศก็สดชื่น ผู้คนก็ใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายไม่วุ่นวาย
ในระแวกบ้านของเขาก็มีคุณลุงจำนวนมากรวมตัวกันเล่นหมากรุก
น่าเสียดายที่ในอนาคตซูข่านจะไม่มีเวลาว่างแบบนี้อีกแล้ว หลังจากที่เขาเริ่มมีธุรกิจมากมาย และมีเงินมหาศาล
บางทีการทำงานต่อวันของเขาอาจจะมากกว่า 14 ชั่วโมงก็ได้
แถมยังต้องทำงานมากกว่า 6 วันต่อสัปดาห์อีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
"พี่สาม"
หวางเอ๋อเดินทางมาหาซูข่านที่บ้าน
"หลังจากที่ฟังคำแนะนำของพี่แล้ว ตอนนี้ผมเจอทำเลใหม่ในการตั้งร้าน KFC แล้ว ผมได้ซื้อที่ตรงนั้นและกำลังตกแต่งอยู่ ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วพี่ เรากำลังจะเปิด KFC สาขาที่ 2"
ซูข่านได้ยินเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย การที่ทำงานรวดเร็วแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนของหวางเอ๋อเลย
"เสี่ยวหู่บอกว่าพี่จะต้องดุพวกเราแน่ๆ ผมได้จ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาโปรโมทร้านสาขาที่ 2"
หวางเอ๋อเกาหัวของเขาด้วยความเขินอาย
ซูข่านรู้สึกว่าหวางเอ๋อเข้าใจในเรื่องทำเงินของร้านหลายสาขาแล้ว เขาจึงได้รีบดำเนินการเปิดสาขาที่ 2 อย่างรวดเร็ว
การที่ยอดขายต่อวันได้วันละ 1,000 หยวนการเปิดสาขา 2 อาจจะดูเหมือนจะแบ่งฐานลูกค้าลงบาง แต่ในอนาคตยอดขายของ KFC ในจีนจะสูงแค่ไหนมีเพียงซูข่านเท่านั้นที่รู้
กว่าที่บริษัทแม่ในอเมริกาจะมาเปิดก็ต้องใช้เวลาในการตีตลาดหลายปี แต่ซูข่านตอนนี้ได้เริ่มที่จะขยายสาขาแล้ว
"จะเปิดเมื่อไหร่?"
ซูข่านถามหวางเอ๋อที่กำลังยืนเกาหัว
หวางเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้มแต่น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยมั่นใจว่า
"ผมมาหาพี่เพื่อเลือกวันเปิดร้านนี่แหละ บางทีเฒ่าหลี่อาจจะเลือกวันที่ดีได้"
"เขาดูเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลือกวันเปิดร้านใช่ไหมพี่"