Ep.270 - ขุนศึกมังกรปฐพี
2/4
Ep.270 - ขุนศึกมังกรปฐพี
มอนสเตอร์รระดับเจ้าถิ่นนั้นทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คุมกลไกตนนี้ที่รับมือได้ยากเป็นพิเศษ
หลังจากทุกคนเข้าใจสถานการณ์แล้ว พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจที่ฮังอวี่ขุดอุโมงค์ลอบเข้ามาข้างใน เพราะหากตัดสินใจยกทัพบุกทะลวงประตูโดยตรง เกรงว่าภายใต้เงื้อมมือของ BOSS ตัวนี้ คงมีคนตายไม่น้อย
ผู้คุมกลไกคือ BOSS ตัวแรกของป้อมปราการ
ขณะเดียวกัน มันยังทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ประตูหลักของป้อมปราการอีกด้วย สามารถควบคุมกับดักและอาวุธกลไกได้หลากหลาย เพื่อสกัดผู้บุกรุก บวกกับความร่วมมือของมอนสเตอร์กองลาดตระเวนที่อยู่รอบๆ ผู้บุกรุกจะต้องจ่ายราคามหาศาลหากคิดบุกฝ่าเข้ามา
แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอีกแล้ว
มอนสเตอร์ลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียงถูกกำจัดจนสิ้น
ดังนั้นง่ายมากหากคิดต่อกรกับ BOSS ตัวนี้
ภายใต้คำชี้แนะและคำสั่งของฮังอวี่ ทุกคนเริ่มลงมือเคลื่อนไหว
อาวุธของผู้คุมกลไกนั้นทรงพลังมาก
ปืนใหญ่ไฟ ปืนใหญ่น้ำแข็ง , ปืนใหญ่อัดอากาศ ทั้งสามถูกติดตั้งไว้บนแขนซ้าย ทั้งสามธาตุจะโจมตีสลับกัน โดยแต่ละการโจมตีจะเว้นระยะราวๆ 2 วินาที ดาเมจจากธาตุไฟจะสูงมาก ดาเมจจากธาตุน้ำแข็งจะชะลอความเร็ว และดาเมจจากธาตุลมจะสร้างเอฟเฟกต์กระเด็นถอยหลัง
แขนขวาของมันสามารถยิงศรระเบิดได้ ความเร็วในการโจมตีได้ค่อนข้างถี่ นี่คือการโจมตีปกติของผู้คุมกลไก นอกจากนี้ ผู้คุมกลไกยังสามารถสั่งการหุ่นเชิดมนตราจำนวนมาก หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่เพียงมีพลังรบที่ดี แต่ยังสามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมผู้คุมกลไกได้ตลอดเวลาที่เกิดความเสียหายระหว่างการต่อสู้
“เหล่าจ้าวเปิดสกิลเกราะ แล้วใช้สกิลพุ่งเข้าชาร์จใส่มัน”
“เสี่ยวไป๋ฉวยจังหวะที่มันเล็งเหล่าจ้าว โจมตีผู้คุมกลไกให้แรงที่สุด”
“เจียงหนานใส่ใจเติมเลือดให้พวกเรา”
“คนอื่นๆกวาดล้างหุ่นเชิดมนตราให้เกลี้ยง!”
“ไปได้!”
ทุกคนไว้ใจฮังอวี่มาก
คำสั่งและกลยุทธ์ของเขาไม่เคยผิดพลาด ดังนั้นพวกเขากล้าลงมืออย่างไม่ลังเล
ฮังอวี่นำหน้าฉูเทียนหัวและหวังเอ๋อ ใช้ประโยชน์จากความสนใจของผู้คุมกลไกที่หันไปทางจ้าวหมิงกับเสี่ยวไป๋ ไล่เก็บกวาดหุ่นเชิดมนตราและกับดักที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ด้านเฉินหยู จางเสี่ยวเฉียง ทั้งคู่ช่วยกันขว้างปาสกิลอันทรงพลัง
แม้ผู้คุมกลไกจะรับมือยาก แต่เนื่องจากมอนสเตอร์ลาดตระเวนในบริเวณใกล้เคียงถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว ดังนั้นอาศัยเพียงพลังของมอนสเตอร์กลุ่มเล็กๆกลุ่มนี้ ไม่มีทางต้านทานพวกเขาได้
การต่อสู้กินเวลาไม่ถึง 10 นาที
ผู้คุมกลไกก็ถูกกำจัด
จางเสี่ยวเฉียงกล่าวอย่างร่าเริง “ฮ่า ฮ่า นี่มันง่ายเกินไปไหม มอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นที่แท้ก็แค่นี้ ไม่รู้สึกกดดันซักนิด”
เจียงหนานจ้องเขาและกล่าวว่า “ทำเป็นได้ใจ ถ้าไม่มีพี่มหาเทพคอยนำทาง พวกเรามีหรือจะมาถึงจุดนี้ได้?”
คนอื่นๆเองก็ต้องยอมรับเช่นกัน หากปราศจากผู้นำอย่างฮังอวี่ ตราบใดที่ถูกขวางทางด้วยวคุมกลไกตนนี้ มันจะกลายเป็นสิ่งกีดขวางอันทรงพลัง ต่อให้รวมทั้งทีมชนชั้นยอดนับร้อยชีวิตที่ก่อตั้งขึ้น ก็ไม่อาจฝ่าประตูเข้ามาได้
ฮังอวี่เป็นเหมือนนักวางกลยุทธ์ระดับปรมาจารย์
เริ่มจากลอบเข้ามาในป้อมปราการ กวาดล้างมอนสเตอร์ทุกกลุ่ม ทำลายทุกกับดัก และในที่สุดก็เอาชนะ BOSS ทุกขั้นตอนประสานงานกันอย่างแม่นยำ สามารถขจัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อีกทั้งการสูญเสียยังเป็น 0 เข้ายึดป้อมปราการโซนหน้าได้อย่างง่ายดาย
ฮังอวี่เอ่ยถาม “มอนสเตอร์ BOSS ตัวนี้ดรอปอะไรบ้าง?”
“ส่วนใหญ่เป็นวัสดุกับพิมพ์เขียว”
เหล่าจ้าวนำสินสงครามที่ได้มามอบแก่ฮังอวี่
ผู้คุมกลไกดรอปไอเท็มเฉพาะที่เป็นสีเขียวสามชิ้น
[บันทึกของนักเหนี่ยวนำมนตรา] ไอเท็มสีเขียวคุณภาพต่ำ หลังจากใช้าน คุณจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการกลั่นโพชั่นและเล่นแร่แปรธาตุ
[ปืนใหญ่มืออัดอากาศ] อุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราเลเวล 8 , สีเขียวคุณภาพต่ำ , ยิงคลื่นอัดอากาศโจมตีเป้าหมายในระยะ 5 เมตร สร้างดาเมจตายตัว 120 หน่วย และก่อให้เกิดเอฟเฟกต์ถอยหลัง ยิงแต่ละครั้งมีช่วงคูลดาวน์ 3 วินาที และสิ้นเปลืองพลังงาน 1 หน่วย , พลังงาน 30/30 , ค่าความทนทาน 10
[พิมพ์เขียวตีบวก : อาคมระเบิดขั้นต้น] เงื่อนไขการเรียนรู้: เทคนิคตีบวกเลเวล 2
บันทึกอีกเล่ม?
หัวใจของฮังอวี่สั่นไหวเล็กน้อย
ปืนใหญ่มืออัดอากาศก็เป็นของดีเช่นกัน ดาเมจจากอุปกรณ์นี้ไม่ต่ำ ใช้โจมตีได้โดยไม่ต้องอยู่ประชิด และยังมีเอฟเฟกต์กระเด็นถอยหลัง ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือระยะโจมตีค่อนข้างสั้น เหมาะสำหรับให้พวกนักเวทย์หรือผู้ใช้วิญญาณใช้ในตอนมอนสเตอร์บุกเข้ามาประชิด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับอุปกรณ์สำเร็จรูปข้างบนแล้ว
ฮังอวี่สนใจพิมพ์เขียวมากกว่า
อาคมระเบิดสามารถมอบเอฟเฟกต์โจมตีระเบิดให้แก่อุปกรณ์
หากเพิ่มเข้าไปในอาวุธ ยามกวัดแกว่งโจมตี จะสามารถสร้างพลังระเบิดได้ หากติดตั้งมันลงในลูกศร ศรทุกดอกจะยิงออกไปพร้อมแรงระเบิด
นี่มันของดี!
นอกจากนี้ ผู้คุมกลไกก็ดรอปของอย่างอื่นเช่นกัน
แต่ที่เหลือ นอกจากไอเท็มสีเขียวบางชนิดแล้ว ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเป็นพิเศษ
ฮังอวี่เปิดใช้งานเทคนิควิเคราะห์ใส่ผู้คุมกลไก เขาได้รับองค์ความรู้มากมายเกี่ยวกับตัวมันในทันที เมื่อเทียบกับหุ่นรบในที่หลบภัยของโนมส์แล้ว ข้อมูลของเจ้าหมอนี่สูงกว่ามาก สามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลได้หลายเท่า
และยังได้รับรูนเล่นแร่แประธาตุบางส่วนที่เหมาะสมกับสกิลเล่นแร่แปรธาตุของฮังอวี่มาอีกด้วย
เขาสัมผัสได้ว่ารูนไฟในร่างของผู้คุมกลไกสามารถนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ปืนพ่นไฟเสี่ยวไป๋ ซึ่งนี่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น
แน่นอน
ข้อมูลที่ได้มาไม่ธรรมดาก็จริง
แต่มันยังคงต้องได้รับการฝึกฝนและทดลอง
ดังนั้น นอกจากพิมพ์เขียวที่ได้มาแล้ว ผลจากการใช้เทคนิควิเคราะห์ยังไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อฮังอวี่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“หลังจากผู้คุมกลไกถูกฆ่า กับดักทั้งหมดที่อยู่รอบนอกจะถูกปิดทำงานโดยอัตโนมัติ” ฮังอวี่ออกคำสั่ง “แยกย้ายกันหาสวิตช์ที่ใช้เปิดประตูป้อมปราการ เปิดทางให้ทุกคนข้างนอกเข้ามา!”
ไม่นานก็มีคนพบสวิตช์
บังเกิดเสียงครืนนนน ดังขึ้น
ประตูหนาของป้อมปราการถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
ผู้คนมากกว่า 100 คนได้รับคำสั่ง และเข้ามาข้างในป้อมปราการอย่างราบรื่น
ฮังอวี่แบ่งคนมากกว่า 100 ออกเป็นสองหน่วย
“ทุกคนฟังทางนี้!”
“กองลาดตระเวนและมอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่แถวนี้ รวมไปถึง BOSS ด่านหน้าถูกพวกเรากำจัดหมดแล้ว”
“ฉะนั้น ตราบใดที่ผู้ใช้วิญญาณคอยปลดปล่อยสกิลสนามพลังตรวจตราบริเวณรอบๆ พวกนายสามารถเคลื่อนไหวได้ตามอัธยาศัย สัญญาณเตือนภัยจะไม่ทำงาน ไม่มีการดึงดูดมอนสเตอร์ข้างในออกมา”
“ยังไงก็ตาม ยังมีมอนสเตอร์ประจำการอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ถ้าพูดจำนวนก็อาจมากถึงหลายร้อย ดังนั้น หน้าที่ของพวกนายคือเก็บกวาดมอนสเตอร์พวกน้ัน ฉันจะบอกให้หวังเอ๋อส่งร่างแยกออกไป มันจะคอยนำทางให้ทุกคนตลอดเส้นทาง”
หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของฮังอวี่
ต่างคนต่างแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ
การป้องกันของป้อมปราการนั้นแน่นหนามาก
ทว่าทีมของบอสฮังกลับใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมง ก็สามารถยึดกำแพงป้อมปราการรอบนอกได้แล้ว ไม่เพียงกำจัดกองลาดตระเวนจนเหี้ยน แต่ยังกำจัด BOSS ที่เฝ้าประตูได้อีกด้วย
ฐานที่มั่นที่สมควรยากจะครอบครอง
ฮังอวี่กลับบุกยึดได้สำเร็จอย่างง่ายดายตั้งแต่ครั้งแรก!
ฉูเทียนหัวเอ่ยถาม “แล้วพวกเรามีหน้าที่อะไร? บุกเข้าไปให้ลึกกว่านี้ไหม?”
“เวลามีจำกัด เรื่องพื้นที่รอบนอกก็ปล่อยให้คนอื่นที่พอทำได้ทำไป” ฮังอวี่กวาดสายตามองทุกคน “ส่วนพวกเราจะบุกเข้าไปในส่วนกลางของป้อมปราการ!”
อธิบายเสร็จสิ้น
ก็ลงมือทำทันที
ฮังอวี่นำทีมชั้นยอดเริ่มสำรวจพื้นที่แกนกลางของป้อมปราการ
“ฮ่ง เจ้านาย เจอ BOSS อีกตัวแล้ว!” หวังเอ๋อหยุดฝีเท้า สูดกลิ่นแรงๆแล้วเผยท่าทีตื่นตกใจ “BOSS ตัวนี้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็แกร่งกว่าตัวที่พวกเราพึ่งฆ่าไป 2 - 3 เท่า!”
ทุกคนเดินไปยังระเบียงทางเดิน ชะโงกหน้าออกไป
จากตำแหน่งนี้ มองไปทางขวาพวกเขาจะพบกับทางเข้าของหอคอยเขตแดน
และจะพบว่าใต้ทางเข้าหอคอยเขตแดนอันตระหง่าน เป็นประตูโค้งมนที่ระยิบระยับไปด้วยแสงลึกลับ
มีบันไดสูงทอดยาวขึ้นไป และเมื่อขึ้นไปจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ตรงจุดนั้นมีมอนสเตอร์ดุร้ายอยู่อย่างน้อยหลายร้อยตัว และตำแหน่งบนสุดคือตัวตนที่เป็นอะไรที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
มันสูง 4 - 5 เมตร สวมชุดเกราะทองคำแวววาว กุมหอกสีแดงขนาดใหญ่ในมือ มีเกล็ดอยู่ทั่วใบหน้า ดูดุนดันดั่งเทพสงคราม ชวนให้ผู้มองรู้สึกว่า BOSS ตนนี้ทรงพลังและไร้เทียมทาน
ฮังอวี่รู้ว่า BOSS ใหญ่ของป้อมปราการย่อมไม่อ่อนแอ
แต่มอนสเตอร์ BOSS จะปรากฏตัวแบบสุ่ม ดังนั้นไม่ทราบชนิดหรือตัวตนของมันจนกว่าจะพบเห็นเช่นตอนนี้
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นขุนศึกมังกรปฐพี” ฮังอวี่ขมวดคิ้ว “พลังรบของมันต้องทรงพลังกว่าผู้คุมกลไกอยู่แล้ว เพราะเจ้าหมอนี่เป็นระดับเจ้าถิ่นขั้นโกลด์!”