ตอนที่แล้วบทที่ 15: สิบสองเซียนผู้ครองโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17: สาเหตุการตายของแม่

บทที่ 16: พี่หญิงสาม


เย่เซิงกลับไปที่กระท่อมไม้หลังเล็ก  หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งวันนี้  ถ้าไม่ใช่เพราะไหสุราในมือนี้ล่ะก็เขาคงคิดว่าเรื่องที่เจอมาทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น

เขาได้ไปเห็นปีศาจจิ้งจอกสาวอาบน้ำ  นายหญิงสามปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากหายตัวไปนานกว่าสิบปี  เขาได้รู้ถึงแผนการที่จุดธูปบูชาเทพที่จะทำให้คนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง  เจอกับนักฆ่าที่อีหูเหมยกับลูกมันส่งมาไล่ฆ่า  เจอเข้ากับหมายเลขเก้าของโลกที่ชื่อว่าจิ้งจอกเซียนไป๋อวี้เถียน

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ที่เขาผ่านมาช่วยให้เย่เซิงเห็นภาพของต้าฉินของโลกนี้ได้ชัดเจนขึ้นว่ามันเป็นอย่างไร

หากระดับวรยุทธ์ไปถึงจุดสูงสุดก็จะถูกยกย่องว่าเป็นเซียน  ตำนานโชคลางภูตผีปีศาจอะไรก็มีหมด  มีขนาดจุดธูปบูชาเทพเจ้าเพื่อฟื้นฟูเศษเสี้ยวของวิญญาณแล้วทำให้ฟื้นคืนชีพ

แปลว่าในโลกใบนี้ทุก ๆ อย่างล้วนเป็นไปได้

“ตัวเราเองก็เข้าสู่โลกบำเพ็ญเพียรแล้วเหมือนกัน  และมีแต่ต้องออกจากหวางฝู่ตระกูลเย่เท่านั้นเราถึงจะสามารถทะยานขึ้นสู่ที่สูงได้” เย่เซิงยังคงมีสติครบถ้วนแม่นยำ

เขาฝึกฝนตราประทับสังสารวัฏที่หายากและได้เข้าสู่ขั้นเสวฮุ่ยแล้ว  เมื่อระดับการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นเขาก็จะค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งไปด้วยเช่นกัน  เหตุผลที่ยังทำให้ใจเขาอยู่ที่หวางฝู่ตระกูลเย่นั้นเหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  นั่นคือเขาต้องการเอาคัมภีร์ที่เหลือของแม่เขาที่นายหญิงใหญ่ยึดไปกลับคืนมา

นายหญิงใหญ่เอาคัมภีร์ฝึกยุทธ์ของแม่เขาไปห้าเล่ม  มีหนึ่งเล่มส่งให้หลิงฮวาไปแล้ว  และนางยังเหลืออยู่อีกสี่เล่ม  ทั้งสี่เล่มนี้ต้องเป็นวิชาหายากที่สืบทอดต่อ ๆ กันมาในนิกายสังสารวัฏอย่างแน่นอน  เย่เซิงจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าจะต้องใช้วิธีแบบไหนก็จะเอามันกลับคืนมาให้ได้

“แม่เราเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏ  เพราะงั้นก็เป็นธรรมดาที่เราจะสืบทอดวิชาของนิกายสังสารวัฏ” นี่คือความคิดของเย่เซิง

เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดมากภายในร่างกายดังนั้นจึงเปิดเหยือกสุรา  กลิ่นหอมของผลไม้ตลบอบอวลไปทั่วทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลายลงมาก

เย่เซิงดื่มลงไปหลายอึก  สุรานั้นหวานปานน้ำผึ้งกระตุ้นให้ในปากเขายิ่งมีน้ำลายออกมาเพียบ

หลังจากดื่มสุราแล้วเขารู้สึกว่าท้องมันอุ่นขึ้น  จากนั้นความอบอุ่นก็เริ่มไหลจากบริเวณท้องไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

เย่เซิงรู้สึกราวกับกำลังแย่ตัวอยู่ที่บ่อน้ำพุร้อน  ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจางหายไปทำให้รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง

ดวงตาของเย่เซิงเบิกกว้าง  เขามองดูสุราในมือด้วยความปิติยินดี  อย่างที่คิดไว้เลย  สมบัติที่เซียนหมายเลขเก้าของโลกให้มานี่สุดยอดโคตร ๆ เลยจริง ๆ

ด้วยความอบอุ่นที่ห่อหุ้มตัวนั้นทำให้ไม่นานอาการบาดเจ็บรวมไปถึงความเจ็บปวดหายไปเป็นปลิดทิ้ง  แถมสุรายังมีฤทธิ์ช่วยในการโคจรพลังปราณให้เร็วขึ้นอีกด้วย

สุรานี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเท่านั้นแต่ยังช่วยเพิ่มศักภาพในการฝึกฝนด้วย

เย่เซิงลุกขึ้นยืนและเริ่มฝึกวิชา  เพลงหมัดกุ่นฉี!  เพลงกระบี่ลั่วเย่!  จี๋เฟิงปู้!  สามวิชาพื้นฐานนี้ถูเย่เซิงใช้ออกและสำแดงอานุภาพอันน่าเหลือเชื่อออกมา

เย่เซิงยังสามารถใช้วิชาสวมคราบได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน  เขาเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายของตนไปเรื่อย ๆ บ้างก็เป็นชาวนา  บ้างก็เป็นปราชญ์บ้างก็คนขายเนื้อ

ในตอนท้ายเย่เซิงได้เปิดใช้งานผนึกสังสารวัฏและซัดฝ่ามือออกไป

ตู้ม!

กระท่อมไม้ทั้งหลังพังทลายลงด้วยเสียงอันดัง  พื้นดินด้านล่างทรุดตัวลงกลายเป็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่  ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว  ผลงานที่ได้ค่อนข้างน่าตกใจ

เย่เซิงมองด้วยความอึ้ง “นี่แค่ขั้นเสวฮุ่ยนาเฮ่ย  แถมผนึกสังสารวัฏอันแรกนี่ก็ยังไม่ควบแน่นสมบูรณ์อีก  แต่ก็ทรงพลังมากขนาดนี้แล้ว...?”

ผนึกสังสารวัฏอันแรกในตันเถียนของเขายังคงเป็นเงาลวงตาดูเหมือนไม่ใช่ของจริงมากนัก  แต่หลังจากที่เปิดใช้งานมันกลับกลายเป็นว่าทรงพลังอย่างน่าสะพรึงกลัว  ถ้ามันควบแน่นสมบูรณ์และเขาสามารถหลอมรวมทั้งเก้าอันล่ะก็  ฝ่ามือเดียวไม่ถล่มทั้งเมืองเลยเหรอ?

ครื่นนนนนน!

หลังจากที่เย่เซิงฝึกฝนเสร็จแล้วตันเถียนของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา  และเขาก็ได้เลื่อนระดับเป็นโฮ่วเทียนสามชั้นฟ้าแล้ว

สุราไม่กี่อึกยังให้ผลขนาดนี้  เย่เซิงเลยหวงแหนมันขึ้นมามาก ๆ แต่เมื่อมองลงไปในให้แล้วก็เห็นว่าเหลืออยู่อีกไม่มาก  คงได้อีกสองสามรอบมั้ง

“ได้เวลากลับละ  กลับไปเป็นลูกที่ดีเหมือนเดิม” เย่เซิงเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้วและกระท่อมไม้ก็เหลือแต่ซากแล้วด้วย

เขาเก็บสุราแล้วไปคุกเข่ากราบศพแม่ตัวเองก่อนจะพูดว่า “ท่านแม่ขอรับ  ลูกต้องกลับไปที่หวางฝูแล้ว  แต่ท่านไม่ต้องห่วงไป  ลูกจะไปเอาเคล็ดวิชาของนิกายสังสารวัฏกลับคืนมาอย่างแน่นอน  ในตอนนี้ลูกได้เรียนรู้ผนึกสังสารวัฏแล้ว  ขอดวงวิญญาณของพวกท่านจงพักผ่อนอย่างสงบในสรวงสวรรค์ด้วยเถิด”

ในตอนเย็นเย่เซิงได้ลงจากภูเขา  เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ในร่างกายอีกต่อไปและยังมีพลังงานเต็มเปี่ยม

หลังจากที่ไปถึงตีนเขาเย่เซิงก็ใช้วิชาสวมคราบเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเย่เซิงคนเดิมเหมือนที่เคยเป็น  ไม่โดดเด่น  ขี้กลัวคนอยู่นิดหน่อย  ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่คนเดียว

นั่นแหล่ะคือเย่เซิงที่ทุก ๆ คนคิดว่าเขาเป็น  ปกติแล้วเขาก็ไม่เคยพูดคุยหรือว่ามีปากเสียงกับใคร  ถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็จะขังตัวเองอยู่แต่ในเรือนเล็ก ๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน

จากเซียนหยางไปซีซานมีถนนดี ๆ ปูไว้ให้เดินทาง  มันกว้างขนาดที่ม้าห้าตัววิ่งเคียงเรียงหน้ากระดานกันได้โดยไม่เบียดเสียดกัน

ต้าฉินมีฐานะร่ำรวยมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา  ดังนั้นหลังจากที่จักรพรรดิฉินองค์ที่สองขึ้นครองราชบัลลังก์  จึงทรงเสด็จออกว่าราชการไปทั่วอาณาจักรเพื่อปูถนน  วางแผนเส้นทางน้ำ  เส้นทางการค้า  เก็บภาษี  พ่อค้าต้าฉินมีชื่อเสียงโด่งดังติดสิบอันดับแรกที่รู้กันไปทั่วทุกที่

เย่เซิงเดินไปตามถนนสายนี้ด้วยความเร่งรีบไปให้ถึงเซียนหยางก่อนพระอาทิตย์ตก

ในขณะนั้นเองได้มีกลุ่มคนบนหลังม้าเดินมาจากด้านหลังเสียงดังเริงร่า  หัวหน้าที่นำมานั้นเป็นหญิงนางหนึ่ง  นางสะบัดแส้ไปมาพลางตะโกนว่า “ออกไปให้พ้นอย่ามาขวางทาง!”

คนเดินถนนหลายคนที่เดินขวักไขว่กันไปมาเหมือนกับเย่เซิงได้รีบออกจากถนนเพื่อหลีกเลี่ยงคนเหล่าน้น

เย่เซิงเองก็ด้วย  เขาถอยฉากออกไปหลายก้าวก่อนที่จะหันไปดูว่าใครกันวะที่มันกร่างขนาดนี้

แล้วเขาก็ได้เห็นคนคุ้นเคย

ผู้หญิงที่เป็นจ่าฝูงของไอ้ฝูงนี้คือพี่หญิงสามของเขาซึ่งเป็นลูกคนที่แปดของเย่หวางเหย่นั่นเอง

เย่หวางเหย่มีลูกเกินโหล  แน่นอนว่าลูกคนโตคือพี่หญิงใหญ่  ซึ่งมี ‘ข่าวลือ’ ว่าเย่หวางเหย่มีนางตั้งแต่ก่อนแต่งงานและยังเชื่อฟังนางมากด้วย  หากพี่หญิงใหญ่ไม่ยอมล่ะก็เย่หวางเหย่ก็ไม่มีทางได้แต่งงาน  ดังนั้นก่อนที่จะแต่งกับนายหญิงใหญ่จึงต้องไปขออนุญาตพี่หญิงใหญ่ก่อน  ถ้าพี่หญิงใหญ่ไม่ชอบนายหญิงใหญ่ก็อดแต่ง  ดังนั้นนายหญิงใหญ่จึงต้องพยายามเป็นอย่างมากเพื่อเอาอกเอาใจพี่หญิงใหญ่จนนางยอมตกลงให้ทั้งคู่แต่งงานกันได้  นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมแม้นายหญิงใหญ่จะกุมอำนาจอันยิ่งใหญ่ในหวางฝูแต่ก็ยังไม่กล้าหือกับพี่หญิงใหญ่

ส่วนพี่หญิงรองเป็นลูกคนที่ห้าของเย่หวางเหย่  แม่ของนางไม่ได้ย้ายเข้าสู่หวางฝูและมีน้อยคนนักที่รู้ว่านางเป็นใคร  ส่วนตัวพี่หญิงรองเคยอาศัยอยู่ในหวางฝูอยู่หนึ่งปี  จากนั้นก็จากไปพร้อมกับนักพรตเต๋าท่านหนึ่งแล้วไม่กลับมาอีกเลย  แต่ก็ยังคงส่งจดหมายกลับมาที่บ้านปีละครั้ง

ส่วนพี่สาวคนสุดท้ายก็คือพี่หญิงสามนี่แหล่ะ  นางเป็นลูกสาวของนายหญิงใหญ่และเป็นลูกคนที่แปดของเย่หวางเหย่  แต่ที่ทุกคนเรียกนางว่าพี่หญิงสามเพราะนางเก่งเรื่องเอาอกเอาใจนายหญิงเฒ่า  บวกกับมีนายหญิงใหญ่แม่ของนางคอยให้ท้ายจึงทำให้นางสามารถทำอะไรตามอำเพอใจได้ทุกเรื่องในหวางฝู  นางชอมดาบและหอก  แต่กลับมีรากฐานการฝึกฝนที่แย่มากเลยมักถูกเย่หวางเหย่ตำหนิเรื่องนี้อยู่เนือง ๆ

เย่เซิงที่ข้ามโลกมาได้หลายวันแล้วยังไม่เคยเห็นพี่หญิงนางนี้ในหวางฝูเลย  ดังนั้นเขาจึงแปลกใจไม่นึกเลยว่าการพบหน้ากันครั้งแรกจะมาเจอกันในสภาพนี้

พี่หญิงขี่ม้าพลางฟาดแส้ของนางไปทั่ว  ข้างหลังมีชายหนุ่มเจ็ดแปดคนในชุดที่ลายปักสง่างามขีม้าตามมาอย่างร่าเริง

พี่หญิงสามไม่ได้สังเกตเห็นเย่เซิงและพึ่งขี่ม้าผ่านเขาไปทำให้มีลมแรงพัดผ่านตัวเขา  นางไม่สนใจพวกสามัญชนอยู่แล้วแค่จะชายตาแลก็ไม่มี

คนอื่น ๆ ที่ตามหลังนางมาก็ขี่ม้าผ่านเย่เซิงไปกันเรื่อย ๆ เหมือน ๆ กันแต่ติดปัญหาที่ไอ้ตัวสุดท้าย  มันแอบยืนเท้าเตะใส่เย่เซิง

สายตาของเย่เซิงกระตุก  เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมัน  เห็นได้ชัดเลยว่าไอ้เวรนี่มันจงใจ  มันคิดจะโชว์พาวโดยการเตะคนธรรมดาให้ล้มกลิ้ง

“วอนซะแล้วไอ้เวร” เย่เซิงเปิดใช้งานพลังของผนึกสังสารวัฏทันที  เขาแสร้งทำเป็นถูกเตะอย่างแรงจนล้มแล้วสะบัดฝ่ามือตบใส่ม้าของมันในจังหวะที่กำลังล้มลงพื้น

เปรี้ยง!

พลังร่างกายบวกกับพลังของผนึกสังสารวัฏทำให้ฝ่ามือที่เขาตบใส่ม้าแรงประมาณสองพันจินได้  แถมเย่เซิงยังเข้าข้างหลังอีกแล้วม้ามันจะไปกันได้ยังไง?

กุบกับ ๆ!  ตุบ!

ม้าที่โดนตบเข้าไปอย่างแรงจนเจ็บปวดมาก  หลังจากที่มันเดินต่อไปได้เพียงสองสามก้าวมันก็ล้มลงจนไอ้คนขี่ร่วงจากหลังม้าลงไปตกใส่กองขี้วัว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด