ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 18 เลี้ยงผี
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 18 เลี้ยงผี
แปลโดย iPAT
“เช่นนั้นข้าก็ไม่แตกต่างจากผู้ฝึกตนทั่วไป”
“แน่นอนว่าแตกต่าง คนทั่วไปไม่สามารถกินยาที่มีฤทธิ์แรงหรือมีสารอาหารมากเกินไป ไม่เพียงมันจะไม่เกิดประโยชน์ มันยังจะส่งผลเสียต่อพวกเขา แต่ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมาก เจ้าสามารถดูดซับสารอาหารได้มากกว่าคนปกติ ข้าไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรกเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป มันไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะบอกขั้นตอนต่อไปกับเจ้า”
“แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างช้าๆ เจ้าสามารถควบคุมพลังปราณได้เล็กน้อย ตอนนี้เจ้าบรรลุข้อกำหนดพื้นฐานแล้ว ข้าคิดวิธีใช้เงินให้เจ้าแล้ว แต่ตอนนี้ข้าจะยังไม่บอกเจ้า อย่างไรก็ตามเงินก้อนนี้อาจอยู่กับเจ้าไม่นานนัก”
หลี่ฉิงซานเข้าใจสิ่งที่วัวดำกล่าว เขาสามารถกินโสมได้มากกว่าคนทั่วไปโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดแผลพุพองหรือเลือดกำเดาไหล ร่างกายของเขาเหมือนบ่อน้ำ เขาสามารถดูดซับทุกสิ่งเข้าสู่ร่างกายได้อย่างหมดจด
นี่ยังหมายความว่าหลี่ฉิงซานต้องซื้อโสมจำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นโลกใบใด โสมก็ยังเป็นสินค้าราคาแพงเสมอ
เขาต้องกินโสมเหมือนแครอท ไม่ว่าเขาจะมีเงินมากมายเพียงใด มันก็สามารถหมดลงอย่างง่ายดาย
หลังจากทั้งหมดเขาสามารถซื้อโสมด้วยเงินไม่ถึงหนึ่งพันตำลึงงั้นหรือ? เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงปัญหานี้!
หลังจากโอดครวญเล็กน้อย หลี่ฉิงซานก็ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ข่าวร้าย ท้ายที่สุดมันก็จะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับใหม่
คนทั่วไปอาจต้องค้นหายาวิเศษไปจนสุดขอบฟ้าและอาจใช้ไม่ได้ผลกับพวกเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่หลี่ฉิงซานต้องกินหาได้ง่ายและสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาได้อย่างต่อเนื่อง หากคนอื่นรู้ พวกเขาคงอิจฉาเขามาก แล้วเขาจะไม่พอใจกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
สำหรับเงินทอง มันย่อมมีทางออกเสมอ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เงินยังจะเป็นปัญหาอีกหรือไม่?
“ผีน้อยตนนั้นน่าสนใจทีเดียว” วัวดำมองเสี่ยวอันที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังหลี่ฉิงซาน มันโผล่มาแค่ส่วนหัวและลอบสังเกตวัวดำด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่อย่างเงียบๆ
เสี่ยวอันรู้สึกกลัววัวดำ แม้วัวดำจะดูธรรมดาและไม่ได้ปลดปล่อยจิตสังหารหรือกลิ่นอายที่ชั่วร้ายใดๆออกมา แต่ผีน้อยยังหลีกเลี่ยงมันด้วยสัญชาตญาณ
“ท่านกำลังพูดถึงเสี่ยวอันงั้นหรือ? ตอนนี้เขาไม่มีที่ไปแล้ว ดังนั้นข้าคงต้องดูแลเขา ท่านมีปัญหาหรือไม่?” หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่เป็นการทางนัก
“นางพึ่งพาเพียงเศษกระดาษเดียวแต่นางยังสามารถสร้างทาสผี ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นทาสผีที่สามารถสัมผัสวัตถุ ช่างน่าเหลือเชื่อนัก ดูเหมือนหญิงชราผู้นี้จะเป็นอัจฉริยะด้านนี้หรือบางทีร่างวิญญาณของผีน้อยตนนี้อาจค่อนข้างพิเศษ อย่างไรก็ตามเนื่องจากนางไม่ได้สร้างทาสผีเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและสูญเสียร่างทดลองจำนวนมาก บางทีนางอาจประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียว มันอาจเป็นความโชคดี”
หลี่ฉิงซานมองเสี่ยวอัน แม้ผีน้อยตนนี้จะดูแปลกประหลาดในตอนแรกที่เขาพบ แต่มันมีสิ่งใดพิเศษงั้นหรือ?
วัวดำกล่าว “นี่อาจเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เจ้าได้รับจากการต่อสู้ครั้งนี้ เหตุใดไม่รับมันเป็นทาสผี? เด็กนี่อาจเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในอนาคต”
“ทาสผี? เขาเป็นแค่เด็ก ข้าสัญญากับเขาแล้วว่าจะคืนอิสรภาพให้เขา” แม้แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่สุด หลี่ฉิงซานก็ไม่เคยทรยศต่อศีลธรรมของเขา ตัวอย่างเช่นเขาปฏิเสธที่จะขายวัวดำเพื่อหาค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มันยิ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาในเวลานี้
วัวดำรู้สึกว่ามันพูดมากเกินไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเปิดปากหาวก่อนจะกล่าวต่อ “ทำสิ่งที่เจ้าต้องการ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันสูญเสียเจ้านายไปแล้วและไม่มีใครให้อาหารมัน พลังวิญญาณของมันจะหมดลงในไม่ช้า จากนั้นดวงวิญญาณของมันก็จะแตกสลายและแยกย้ายกันไป”
วิญญาณสลาย!
เสี่ยวอันกระพริบตาด้วยความสับสน
“ผีไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่พวกมันยังต้องกินอาหารงั้นหรือ?”
“คนตายไม่สามารถอยู่บนโลกของคนเป็น แม้แต่ผีที่มีพลังมหาศาลก็ไม่สามารถอดทนต่อแสงแดด กระทั่งพายุที่รุนแรงก็สามารถทำลายพวกมันได้ หากคนตายสามารถอยู่ในโลกของสิ่งมีชีวิต ใครจะรู้ว่าโลกนี้จะมีผีมากมายเท่าใด”
“แล้วต้องทำอย่างไร?”
เมื่อท้องฟ้ามืดลง หลี่ฉิงซานเดินเข้าไปในป่าพร้อมกับขวานที่แขวนไว้บนไหล่ ผีน้อยที่มีร่างกายโปร่งใสเดินเตร็ดแตร่อยู่รอบๆตัวเขา
มันจะวิ่งไปที่ลำธารและเฝ้ามองปลาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นบางครั้ง บางทีมันก็บินขึ้นไปบนกิ่งไม้และมองนกที่อยู่ในรัง อย่างไรก็ตามก่อนที่หลี่ฉิงซานจะอ้าปากเรียกหามัน มันก็จะรีบบินกลับมาอยู่ข้างๆเขาราวกับสายลมกรรโชกแรงและจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโตเรียบร้อยแล้ว
หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มให้มัน ตอนนี้เขาเริ่มพัฒนาความรู้สึกรับผิดชอบต่อผีเด็กตนนี้มากขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามลับหลังเขา นกจะถูกจับโยนขึ้นลง ปลาจะลอยขึ้นสู่อากาศในสภาพที่หงายท้องขึ้น ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าผี้น้อยตนนี้ไม่ธรรมดา มันเป็นเด็กผีที่อันตราย!
หลี่ฉิงซานแหวกพุ่มไม้เดินเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง สุดท้ายเขาก็หยุดยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้มนุษย์มากกว่าสิบคนจึงจะสามารถโอบกอดได้รอบ เขานำหวานออกมาและเริ่มสับ
เขาไม่รู้วิธีใช้ขวานหรือดาบที่ถูกต้อง แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่ได้รับจากหมัดปีศาจวัว มันทำให้เขาสามารถใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เขาเหวี่ยงหวานไปที่ตำแหน่งเดิมซ้ำๆ
เศษไม้บินไปรอบๆ ต้นไม้ใหญ่ล้มลงในที่สุด
หลี่ฉิงซานไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขาตัดแกนกลางของต้นไม้ออกมาและมอบให้เสี่ยวอัน
เสี่ยวอันยื่นมือออกไปสัมผัสแกนกลางของต้นไม้บรรพกาลก่อนที่ความสุขจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน จากนั้นมันก็กลายเป็นสายลมพุ่งเข้าไปในเศษไม้ดังกล่าว
หลี่ฉิงซานยิ้ม นี่คือสิ่งที่วัวดำสอนเขา เขาต้องหาต้นไม้โบราณที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ต้นไม้โบราณจะดึงดูดภูตผีวิญญาณโดยธรรมชาติ มันมีประโยชน์อย่างมากต่อวิญญาณเหล่านั้น เมื่อเขาทดลองด้วยตนเอง เขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริง
หลังจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าวิญญาณของเสี่ยวอันจะแตกสลายอีกต่อไป
เมื่อกลับถึงบ้าน เขานั่งลงบนหินก้อนใหญ่และเริ่มแกะสลักแกนกลางของต้นไม้โบราณให้เป็นแผ่นป้ายเล็กๆ เขายังสลักคำว่า อัน ลงบนป้ายไม้แผ่นนี้ก่อนจะแขวนมันไว้ที่เอวของเขา ปราณหยางของมนุษย์มีชีวิตสามารถหล่อเลี้ยงวิญญาณของเสี่ยวอัน
นอกจากนี้เขายังสามารถยืมปราณหยินของเสี่ยวอันเพื่อควบคุมพลังปราณของเขา
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในลานบ้านเล็กๆ หลี่ฉิงซานนั่งอยู่บนพื้นและตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง “เสี่ยวอัน คอ!”
เสี่ยวอันกอดคอเขา ภายใต้กชแรงกระตุ้นจากปราณหยิน เศษเสี้ยวพลังปราณในร่างของหลี่ฉิงซานเริ่มเคลื่อนไหว มันไหลไปที่ลำคอของเขา
“แขนขวา!”
เสี่ยงอันรีบกอดแขนขวาของหลี่ฉิงซาน แม้ใบหน้าของมันจะยังซีดขาว แต่รอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กน้อยไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป ดูเหมือนมันจะสนุกกับเกมส์นี้
เพียงเมื่อดวงจันทร์ปรากฏขึ้นเหนือยอดไม้ หลี่ฉิงซานจึงลุกขึ้นยืน เสี่ยวอันต้องถอยห่างออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ภายใต้ความช่วยเหลือจากเสี่ยวอัน หลี่ฉิงซานสามารถควบคุมเศษเสี้ยวพลังปราณในร่างกายของเขาได้มากขึ้น ในทางกลับกัน ดวงตาของเสี่ยวอันก็ส่องประกายสว่างไสวและไม่ดูหม่นหมองเมื่อก่อนหน้าอีกต่อไป
หลี่ฉิงซานคิดว่ามันอาจไม่ได้เป็นเพราะเสี่ยวอันได้รับการหล่อเลี้ยงจากปราณหยาง ท้ายที่สุดเสี่ยวอันก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อย ไม่ว่าเด็กจะฉลาดเฉลียวเพียงใด เมื่อพวกเขาถูกพรากไปจากพ่อแม่ ถูกทารุณกรรมและจำกัดอิสรภาพ พวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่ไร้ชีวิตชีวา
ตอนนี้เสี่ยวอันได้รับอิสรภาพแล้ว เขาค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ ความมีชีวิตชีวาในหัวใจของเด็กน้อยจึงถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
เสี่ยวอันมองหลี่ฉิงซานอย่างกระตือรือร้น เด็กน้อยยังไม่สามารถพูดคุยแต่ดวงตาของมันสามารถบอกทุกสิ่ง มันต้องการกล่าวว่า “อีกครั้ง!”
“พอแล้ว นี่ไม่ใช่เกมส์ วันนี้พอแค่นี้ พรุ่งนี้ตอนเย็นค่อยเริ่มใหม่”
เสี่ยวอันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เด็กน้อยไม่ได้ดื้อรั้นแต่ก็ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังบนใบหน้า
หลี่ฉิงานรู้สึกหมดหนทาง เขากล่าว “เอาล่ะ งั้นมาทำอีกครั้ง!”
เสี่ยวอันเผยรอยยิ้มเขินอายแต่หูของเขาตั้งขึ้นทันที!
“ขาซ้าย! หลัง!”