ตอนที่ 77 (ตอนฟรี) การบันทึกเพลงเริ่มต้นขึ้น!
ตอนที่ 77 (ตอนฟรี) การบันทึกเพลงเริ่มต้นขึ้น!
หลังจากที่รับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กงหมิงเฟยก็สั่งสเต็กปลาสำหรับเจ้าแมวน้อยแบล็คเพิร์ล
เมื่อเขากลับมาที่ห้องเจ้าแบล็คเพิร์ลก็หิวและร้อง เหมียว~ เหมียว~ ไม่หยุด เมื่อมันได้กลิ่นสเต็กปลามาแต่ไกล มันก็รีบวิ่งและเดินวนไปรอบๆ เท้าของกงหมิงเฟย
กงหมิงเฟย วางกล่องบรรจุภัณฑ์พลาสติกลงบนพื้นและเจ้าแบล็คเพิร์ลก็กระโจนเข้าไปกินสเต็กปลาชิ้นใหญ่ในทันที
กงหมิงเฟย หันหลังกลับและนั่งลงบนโซฟา เปิดทีวีและค้นหารายการตลกแบบสุ่มๆ
กิน ดื่มเสร็จ อาบน้ำ นอนบนโซฟา ดูรายการวาไรตี้ทางทีวี เฮ้อ~ สบายใจจัง~
หลังจากที่เจ้าแบล็คเพิร์ลกินอิ่มแล้ว มันก็มานั่งข้างโซฟาและเริ่มเลียขนเพื่อทำความสะอาดตัวเอง หลังจากนั้นมันก็ค่อยๆมุดตัวเข้าไปนอนบนตักของกงหมิงเฟย
กงหมิงเฟยลูบหัวเล็กๆ ของมัน และเจ้าแมวดำตัวน้อยก็ส่งเสียงคราง ครึกครากๆ~ ในลำคออย่างสบายใจ
ในห้องถ่ายทอดสด ผู้คนมากกว่า 300,000 คนกำลังดูกงหมิงเฟยเล่นอยู่กับลูกแมวน้อยตัวดำ ท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆมืดลง กงหมิงเฟยหาว และเดินไปดึงผ้าม่าน
หลังจากนั้นเขาก็กลับมานั่งบนโซฟาเพื่อดูทีวีต่อ มีรายการอะไรทางทีวีที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับรายการ 'แฟมิลี่เอ้าท์ติ้ง' ของเกาหลี และรายการ 'โหยหาชีวิต' ของจีน
ดาราที่เป็นพิธีกรทั้งสองคนนั้นคนหนึ่งตัวใหญ่คนหนึ่งตัวเล็ก แต่รายการในครั้งนี้ไม่ใช่การเชิญดาราที่เป็นแขกรับเชิญมาทำภารกิจ แต่พวกเขาไปบ้านของแขกรับเชิญแทนเพื่อทานอาหารและอยู่อาศัยชั่วคราว
ในรายการพวกเขาจะทำภารกิจตามที่ผู้กำกับได้มอบหมายงานให้ รายการในลักษณะนี้นั้นเป็นรายการที่ผ่อนคลายอารมณ์และสนุกสนานมาก
กงหมิงเฟยหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราว เจ้าแบล็คเพิร์ลง่วงเล็กน้อย มันจึงนอนเบียดตัวอยู่ข้างๆ กงหมิงเฟยและหลับตาลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง กงหมิงเฟยก็ง่วงนอน เขาหาวขณะที่นำโทรศัพท์ไปชาร์จแบตไว้ ก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนบนที่นอน
ในช่วงนี้แฟนๆ ไม่ค่อยกระตุ้นให้เขาร้องเพลงมากนัก ทุกคนต้องการให้เขาพักผ่อนเพื่อจะได้ออกจากความโศกเศร้าโดยเร็วที่สุด
เช้าวันรุ่งขึ้น กงหมิงเฟยลุกขึ้นจากเตียงด้วยความงุนงง เมื่อคืนนี้เขาฝันอีกครั้งและมันก็ยังคงเป็นเศษความทรงจำบางส่วนที่ค่อนข้างจะคลุมเครือ
หลังจากเข้าห้องน้ำและทำธุระส่วนตัวต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกไปเขาก็เห็นหวังเหยาเจียวยืนอยู่ อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องของเขา มีรอยคล้ำอยู่ใต้ตาและดูอิดโรยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะนอนไม่ค่อยหลับ
ลองคิดดู ชายอ้วนดำตัวเล็กที่สามารถมองเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้! ใต้ตาของเขาจะดำมากขนาดไหน?
"ทำไมนายดูง่วงๆ นายไม่ได้นอนเหรอ?"
"ฉันเป็นคนนอนติดที่ และจะนอนไม่ค่อยหลับหากเปลี่ยนหรือแปลกที่ เอาล่ะ! ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ หลังจากนั้นฉันจะพานายไปห้องอัดเสียง!"
กงหมิงเฟยตาเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำว่าอาหารเช้า เขาหันหลังไปหยิบโทรศัพท์และนำเจ้าแบล็คเพิร์ลใส่ไว้ในกระเป๋าแมวทางด้านหลังก่อนจะพูดว่า "เรียบร้อยแล้วรีบไปกันเถอะ!"
เมื่อมองดูดวงตาที่เปล่งประกายของ กงหมิงเฟย หวังเหยาเจียวก็จำได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นจอมเขมือบ เขาทานอาหารไป 14 จานพร้อมกับซุปถ้วยใหญ่ปิดท้ายเมื่อคืนนี้!
เขากระแอมเบาๆ "นายมักจะกินมากเกินไปเช่นนี้ ในอนาคตมันจะไม่ดีต่อสุขภาพของนาย และเรากำลังจะบันทึกเพลงกัน ฉะนั้นอย่ากินมากเกินไป มันจะส่งผลต่อเสียงของนาย!"
กงหมิงเฟยพยักหน้า แต่ยังรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อยที่ไม่สามารถกินได้มาก
และภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของหวังเหยาเจียว กงหมิงเฟยทานขนมปังแซนวิชไปเพียงห้าชิ้นพร้อมไข่ดาวสองฟองและนมอีกหนึ่งแก้วเพียงเท่านั้น
เมื่อมองไปยังสีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดของกงหมิงเฟย หวังเหยาเจียวก็รู้สึกพูดไม่ออก! นี่ขนาดเขานั่งอยู่ด้วยยังกินอาหารเช้าเท่ากับในส่วนของคนปกติสองถึงสามคน! แล้วสีหน้าท่าทางของนายตอนนี้คืออะไร? ยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะของนายเลยใช่มั้ย?
มีสตูดิโอบันทึกเสียงอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน เมื่อตอนที่หวังเหยาเจียวทานอาหารเช้า เขาก็ติดต่ออีกฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากจำนวนเพลงของกงหมิงเฟยมีค่อนข้างมาก หากต้องการบันทึกเพลงทั้งหมด เขารู้สึกว่าเวลาทั้งวันก็คงจะไม่พอ ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงรีบเร่งบันทึกเสียงกันตั้งแต่เช้า
ขนาดของสตูดิโอบันทึกเสียงไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงสองสตูดิโอบันทึกเสียง แต่ถึงแม้พื้นที่จะมีขนาดเล็ก แต่อุปกรณ์สำหรับการบันทึกเสียงทั้งหมดก็ครบถ้วนและอยู่ในสภาพที่ดี
เนื่องจากเจ้าของสตูดิโอเป็นเพื่อนกับหวังเหยาเจียว ราคาการบันทึกเสียงจึงไม่สูงมากนัก
ราคามิตรภาพนี้ถือได้ว่าถูกมาก นั่นก็คือ 100 หยวนต่อชั่วโมง หากเป็นสตูดิโอในที่อื่น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300 หยวนต่อชั่วโมง
มีคนเพียงสามคนในสตูดิโอบันทึกเสียง เจ้าของสตูดิโอเป็นวิศวกรบันทึกเสียง ภรรยาของเขาเป็นผู้ช่วยและเป็นจูนเนอร์ และอีกคนหนึ่งเป็นเด็กฝึกงานของเจ้าของสตูดิโอ
เจ้าของสตูดิโอเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 30 ปีสูงประมาณ 1.8 เมตร เขาไว้ทรงผมเดทร็อคและมีโซ่ทองเส้นหนา ใส่เสื้อผ้าในสไตล์ชาวฮิปฮอป ทางด้านภรรยาของเขานั้นสูงประมาณ 1.6 เมตร เธอสวมรองเท้าส้นสูงที่สูงมาก สีผมถูกฟอกจนเป็นสีขาวและถักเปียเป็นเส้นเล็กๆ จำนวนมาก ส่วนการแต่งตัวเธอแต่งตัวสไตล์เดียวกันกับสามีของเธอ!
เด็กฝึกงานที่อยู่ทางด้านข้างมีอายุประมาณ 18-19 ปี รูปร่างค่อนข้างผอม ผมสั้นของเขาถูกย้อมเป็นสีเขียว ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงขาสั้นห้าส่วน แขนและขาของเขานั้นปกคลุมไปด้วยรอยสักที่มีสีสัน
เมื่อกงหมิงเฟยเห็นทั้งสามคนครั้งแรก เขาคิดว่าเขา เข้ามาร่วมในรายการเดอะแร็ปเปอร์
ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะแต่งตัวในสไตล์แบบนี้ แต่พวกเขาก็ดูดีและสุภาพเรียบร้อยมาก
หลังจากที่แนะนำตัวกันแล้วเจ้าของสตูดิโอมีชื่อว่า คังฉี ภรรยาของเขาชื่อว่า โจวจิง และเด็กฝึกงานชื่อว่า กู่ตง
ก่อนการบันทึกเสียงกงหมิงเฟยได้มอบโทรศัพท์มือถือให้กับหวังเหยาเจียว และขอให้เขาช่วยในการถ่ายทอดสด ส่วนทางด้านเจ้าเหมียวแบล็คเพิร์ล เขาก็ปล่อยให้มันวิ่งเล่นด้วยตัวของมันเอง แต่ก็แอบกระซิบสั่งมันด้วยทักษะของผู้ฝึกสัตว์ไม่ให้มันซนมากเกินไป
โทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งมอบให้กับคังฉี ซึ่งในโทรศัพท์เครื่องนี้นั้นเขาได้ทำเพลงและดนตรีประกอบเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เมื่อเริ่มแรกคังฉี ไม่ได้จริงจังมากนัก โดยคิดว่ากงหมิงเฟย เป็นเพียงเน็ตไอดอลหน้าขาวที่เพิ่งจะเดบิวต์ใหม่ภายใต้สังกัดของหวังเหยาเจียว
แต่เมื่อเขาเปิดโฟลเดอร์และได้ยินเสียงเพลงเป็นครั้งแรก เขาก็ตกตะลึงในทันที
จากนั้นเขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะคลิกเปิดเพลงที่สอง สามและสี่
แค่ฟังดนตรีประกอบก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแล้ว! ในช่วงเวลานี้ โจวจิงและกู่ตง ได้สอนกงหมิงเฟยถึงวิธีการบันทึกเพลงในห้องอัด
ในขณะที่คังฉีกำลังฟังเพลง หวังเหยาเจียวก็นั่งอยู่กับเขาด้วย
หลังจากที่คังฉีฟังเสร็จแล้ว เขาก็วางหูฟังลงเงียบๆ และจุดบุหรี่
“คุณภาพของเพลงเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง?” หวังเหยาเจียวถามอย่างเป็นกันเอง
คังฉีพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นธรรมชาติ "ไม่ว่าจะเพลงใดในเพลงเหล่านี้ก็สามารถกลายเป็นเพลงหลักในอัลบั้มได้ในทันที เพลงเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมมาก! บริษัทเฟิงเทียนมีเดียสมกับที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จริงๆ แม้แต่ศิลปินฝึกหัดที่พึ่งจะเดบิวต์ใหม่ ก็ยังยินดีจะมอบเพลงคุณภาพยอดเยี่ยมเหล่านี้ให้กับเขา!"
หวังเหยาเจียวยิ้มและหยิบบุหรี่ในมือออกจุดไฟแล้วพ่นควันบางๆ ออกมา
"เพลงทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพลงของเขา! เขาแต่งเองทั้งหมด!"
"ฮ่าฮ่า! เหยาเจียว! ไม่เอาน่าเพื่อนฝูงอย่ามาอำกันเล่นแบบนี้!"
"ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดเรื่องจริง!"
"บ้าไปแล้ว! นายหมายถึงเพลงทั้งหมดในนี้ ถูกแต่งโดยเขาอย่างงั้นเหรอ?"
"ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าบทเพลงคุณภาพดีๆ เหล่านี้บริษัทเฟิงเทียนมีเดียจะยอมส่งมอบมันให้กับคนๆ เดียวจริงๆอย่างงั้นเหรอ!"
คังฉีเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของหวังเหยาเจียว หลังจากนั้นเขาก็จ้องมองผ่านกระจกในห้องอัดเสียงไปยังชายหนุ่มที่ตาหล่อเหลาที่อยู่ข้างในด้วยสีหน้าที่จริงจัง!
เพลงเหล่านี้ถูกเขียนและเรียบเรียงโดยชายหนุ่มที่อ่อนวัยและหล่อเหลาคนนี้จริงๆอย่างนั้นเหรอ?
คังฉีรู้สึกตัวเป็นครั้งแรกว่าตัวเขานั้นอาจจะเริ่มแก่มากแล้วจริงๆ
……….
จบบท