วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0064
บทที่ 23 เหตุผลที่ข้าอยากเป็นดวงอาทิตย์ (3)
* * *
ชายที่นอนในโลงศพ คือคนรักของดาวดำที่ลอยอยู่
เขาสร้างหอคอยเพื่อตอบแทนการเสียสละของคนรัก
ผู้คนเห็นด้วยกับเจตจำนงของเขา และต้องการตอบแทนวีรชนที่อุทิศชีวิตเพื่อทุกคน
แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หลังจากถูกลงทัณฑ์ หอคอยได้จมลง ทางเลือกเดียวจึงเป็นการตรึงดาวดำไว้เพื่อมิให้ผุกร่อน
จากวันนั้นถึงปัจจุบัน ผ่านมาแค่ไหนไม่มีใครนับวันได้
“…นั่นคือเรื่องราว”
ฉันเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าดารากรคืออะไร เพียงเข้าใจว่าเป็นดวงดาวหลากสีสันที่สุกสว่างบนท้องฟ้า
พิจารณาจากคำพูดลิลี่ ดูเหมือนว่าการเป็นดารากร จะยากพอๆ กับที่มนุษย์โลกต้องการเป็นเซียน
ดวงดาวหลายพันที่จะมองเห็นทุกครั้งเมื่อแหงนมองฟ้า แม้จะไม่เคยนับ แต่คังซอนฮูคิดว่ามีจำนวนค่อนข้างน้อย
และไม่ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน จำนวนดารากรก็แทบไม่เพิ่มขึ้น
แค่นี้ก็สามารถวัดคุณภาพได้แล้วว่า จำเป็นต้องใช้พรสวรรค์ ความมุมานะ และโชคมากเพียงใดในการเป็นดารากร
แหงนมอง ‘ดาวดำ’ ที่ลอยอยู่ตรงหน้า
“ดารากรตนนี้ยอมสละทุกสิ่งที่สั่งสมมาชั่วชีวิต”
ลิลี่ปิดปากเงียบขณะจ้องดาวดำ ร่างของเธอที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีขาว ดูคล้ายกับนักบวช
“นี่มัน… แบบนี้ไม่ถูกต้อง”
ลิลี่พึมพำ
“ดาวดำยอมสละทุกสิ่งเพื่อความเชื่อของตน นั่นคือการกระทำที่มีน่ายกย่อง… ไม่ว่าจะเป็นเพราะชะตากรรมหรือความเชื่อ แต่ผู้ที่รักษามันไว้ได้จนถึงที่สุด ควรได้รับสิ่งตอบแทนที่เหมาะสมไม่ใช่หรือ?”
ในบางกรณี ชาวต่างโลกเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ต้องรักษาหรือปฏิบัติตาม เป็นขนมธรรมเนียมที่แตกต่างจากชาวโลก
“แล้วทำไม… จุดจบของเธอถึงเป็นเพียงดาวดำ?”
ลิลี่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับอายุ แต่ในบางครั้ง คำพูดของเธอก็ยังดูเด็ก
ยังไม่โต — หมายถึงคนที่เวลาผิดหวังจะออกอาการรุนแรง นั่นคือการแบ่งแยกระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ตามความเห็นของฉัน
“เธอไม่ควรมีจุดจบเช่นนี้…”
“จะรำพันอีกนานไหม”
พูดเสร็จ ฉันลุกขึ้นยืน
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
ฉันไม่ตอบ เพียงไล่ลบอักษรรูนออกจากแผ่นหลังของเหล่าร่างไร้วิญญาณที่กำลังท่องบทสวด
ลิลี่จ้องมาทางฉัน สีหน้าคล้ายกำลังจมอยู่ในความคิด
ศพที่ล้มลง ทยอยถูกวางไว้ข้างหลุมศพอย่างเงียบงัน
เหล่าลูกหลานดวงดาวที่สามารถกลับชาติมาเกิด แต่เลือกที่จะยุติวัฏจักรเพื่อตอบแทนวีรชน
“ถึงเวลาพักผ่อนอย่างสงบแล้ว”
ฉันยังคาใจความหมายของบทสวด แต่ก็ไม่มีวิธีค้นหาความจริงอยู่ดี
ตอนแรกคิดว่าเป็นคำสั่งบางอย่าง แต่แม้จะหยุดสวด ก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น
ถัดมา สิ่งที่ฉันสนใจคือโซ่สี่เส้นที่พันธนาการรอบดารากร
บนโซ่มีอักษรรูนที่ซับซ้อนและยาวเหยียด
เป็นคาถาหลายชั้นสำหรับปิดกั้นห้วงมิติรอบๆ ดาวดำ
ฉันใช้เวลาไม่นานในการปลดออก
โดยไม่พึ่งพาพลังของแหวน
* * *
ลิลี่เกิดมาพร้อมชะตากรรมของผู้นำทาง
เท่าที่ทราบ นั่นเป็นเป้าหมายเดียวของตระกูล
วันที่อาณาจักรล่มสลาย วันที่มารดาเสียชีวิต เธอได้รับสืบทอดโฉมผู้นำทาง
ลิลี่หมกมุ่นอยู่กับการตามหาผู้ปกครองเพื่อเติมเต็มภารกิจที่ได้รับ
นั่นคือชะตากรรม
ลิลี่ไม่คิดหาเหตุผล เพียงมองว่านั่นคือหน้าที่อันสูงส่ง
ด้วยเหตุนี้ ฉากตรงหน้าจึงสร้างแรงสะเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก
จุดจบของผู้ที่รักษาความเชื่อจนถึงที่สุด คือการกลายเป็นดาวดำ
“…มันถูกต้องแล้วหรือ”
ความหวาดกลัวผุดขึ้นท่ามกลางความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอนมาเป็นเวลานาน หัวใจอันอ่อนแอเริ่มมิอาจเมินเฉยข้อเท็จจริงนี้
ลิลี่ส่ายหน้าและพยายามทำใจให้สงบ
อย่าไปคิดถึงมันอีก
นี่คือหลักในการดำเนินชีวิตของคังซอนฮู
เมื่อได้สติกลับมา ลิลี่เพิ่งเห็นว่าคังซอนฮูกำลังทำสิ่งใด
อีกฝ่ายเดินเข้าไปใกล้โซ่และวางมือลง
เปรี้ยะ!
ขณะผนึกอักษรรูนปล่อยกระแสไฟฟ้าสีแดง คังซอนฮูยังคงแหงนหน้ามองดาวดำ
คล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง ลิลี่มองเห็นความแน่วแน่ในดวงตาชายหนุ่ม
เปรี้ยะ!
คังซอนฮูขยับมือเข้าใกล้ห่วงโซ่ยิ่งกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ กระแสไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจึงยิ่งรุนแรง
ในที่สุดชายหนุ่มก็จับโซ่สำเร็จ สีหน้าคล้ายกำลังเจ็บปวด แต่ก็ไม่มาก
คาถารูนอันซับซ้อนบนโซ่ค่อยๆ เลือนหายไป
ลิลี่เข้าใจทันทีว่าคังซอนฮูคิดจะทำอะไร
“เจ้าจะปล่อยดาวดำเป็นอิสระ?”
“ถึงเวลากลายเป็นดารากรแล้ว”
“เดี๋ยว! เจ้ายังไม่รู้จักดาวดำดีพอ! หากหลุดจากผนึก บริเวณโดยรอบจะมีอุณหภูมิสูงมาก!”
แกร่ก!
โซ่ที่อาศัยคาถาเพื่อล่ามดาวดำเริ่มปริแตก
“พวกเรายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปล่อยเธอออกมา! ในกรณีเลวร้าย เราสองคนไม่รอดแน่! เธอไม่ใช่ดารากรอีกแล้ว เป็นแค่ดารากรที่อยู่บนโลกมานานจนร่างกายกำลังเสื่อม…”
ขณะกล่าวอย่างร้อนรน ลิลี่แหงนหน้ามองดวงดาวสีดำ
และเห็นโฉมวิญญาณ
“สล…าย…!”
โฉมวิญญาณหญิงสาวสวมมงกุฎ ผู้นั่งร่ำไห้มาเป็นเวลานาน
กลับลุกขึ้นยืนกะทันหัน
มือเท้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล และชุดเกราะที่ทรุดโทรม บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าวิญญาณดวงนี้เสียหายเพียงใด
ทว่า สายตากลับไม่เป็นเช่นนั้น
น้ำตาที่เคยคลอเบ้า ปัจจุบันไม่ไหลออกมาอีก
โฉมวิญญาณดาวดำเอาแต่จ้องคังซอนฮูด้วยสายตาอันแน่วแน่
เป็นความตั้งใจที่หนักแน่น แม้ร่างกายจะตกอยู่ในสภาพดาวดำมาเป็นเวลานาน
คังซอนฮูเองก็มิได้ละสายตาออกจากดาวดำ
คล้ายกับคนทั้งสองกำลังประสานสายตา ทั้งที่คังซอนฮูมองไม่เห็นโฉมวิญญาณ
“…”
ลิลี่ทึ่งกับฉากดังกล่าวจนไม่ขยับเขยื้อนเป็นเวลานาน
ระหว่างนั้น โซ่ในจุดที่คังซอนฮูจับ ถึงคราวแหลกละเอียด
กร๊อบ!
เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจาย แสงที่เชื่อมกับต้นเสาดับลง
ขณะเดียวกัน ความร้อนที่ดาวดำแผ่ออกมาเริ่มเพิ่งสูงขึ้น
“อึก…!”
ลิลี่รีบคลุมมือที่เผยออกจากผ้าคลุมเล็กน้อย
คังซอนฮูมิได้แตกตื่น เพียงไล่ทำลายโซ่จนถึงเส้นสุดท้าย
ดวงดาวมีพลังมหาศาลจนน่าเหลือเชื่อ แค่การดำรงอยู่ก็ทำเอาสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
คังซอนฮูกำลังทำในสิ่งที่มิอาจย้อนกลับ
แต่ถึงอย่างนั้น ลิลี่ก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม
เธอมองออกว่า คังซอนฮูกำลังเชื่อมั่นในบางสิ่ง
เขาเป็นเช่นนี้เสมอ
ดาวดำที่หลุดจากพันธนาการเริ่มลอยขึ้น แผ่แสงสีดำที่ดูเหมือนลางร้าย
เหนือดาวดำคือท่อขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวไปถึงด้านบนสุดของหอคอย
คังซอนฮูจ้องฉากดังกล่าวอย่างตั้งใจ พลางกอดลิลี่ไว้แนบแน่น
“จับดีๆ นะ”
ชายหนุ่มคว้าเศษโซ่ยังที่ผูกอยู่กับดาวดำมาพันกับแขนขวา จากนั้นก็จับให้ถนัดมือ
ทันใดนั้น ดาวดำลอยขึ้นด้วยความเร็วสูง คังซอนฮูและลิลี่ถูกโซ่กระชากขึ้นไป
ทั้งสองพุ่งผ่านหอคอยอันสูงลิ่วด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง จนมาถึงอุโมงค์ใหญ่ซึ่งร้อนจัด ชนิดที่ผ้าคลุมไหมสวรรค์ก็ป้องกันได้ไม่ทั้งหมด
แต่ไม่นาน จู่ๆ อากาศเย็นก็ไหลเข้ามาในปอด
เหนือยอดหอคอย ทิวทัศน์ของท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่และผืนดินเดือด ถูกฉายเข้ามาในการมองเห็น
คังซอนฮูปล่อยมือและร่อนลงพื้นได้ทันเวลา
ดวงดาวที่ลอยอยู่เหนือหอคอย กะพริบแสงถี่ไม่เป็นจังหวะ ไม่หลงเหลือแสงสีฟ้าสว่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้
ดาวดำ
ร่างจริงของดาวดำ คือหลุมดำที่ดูดกลืนแสง
ที่ราบอันกว้างใหญ่สั่นสะเทือนหนักหน่วงในทุกหัวระแหง
ผืนดินเดือดพล่าน ของเหลวอุณหภูมิสูงจัดเอ่อล้นขึ้นมาจนดูเหมือนคลื่น
แม้แต่ดารากรที่อยู่บนท้องฟ้า ก็ยังส่งอิทธิพลต่อโลกได้ในระดับหนึ่ง
เช่นนั้นแล้ว นับประสาอะไรกับดารากรที่อยู่บนโลก
ไม่เคยมีเอกสารใด บันทึกเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดจากดาวดำบนพื้นโลกอย่างละเอียด
นั่นเพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สักขีพยานจะรอดชีวิต
ลิลี่ที่ทรงตัวอย่างยากลำบากเพราะแรงสะเทือน แหงนหน้ามองคังซอนฮู
เธอกำลังกระวนกระวาย
ลิลี่เชื่อมวิญญาณกับชายคนนี้เพราะเชื่อใจ และนั่นคือคำสาบานว่าจะไม่ละทิ้งความเชื่อดังกล่าว
แต่พูดตามตรง ตอนนี้เธออดเป็นกังวลไม่ได้ และมิอาจเพิกเฉยต่อความรู้สึกนั้น
“ทำไมถึงต้องทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้?”
คังซอนฮูไตร่ตรองสักพักก่อนจะเปิดปาก
“เมื่อนานมาแล้ว นักสำรวจคนหนึ่งลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์เพื่อรับสมัครลูกมือ ข้อความเขียนไว้ว่า: ‘เป็นการเดินทางที่อันตราย, ค่าแรงน้อย, อากาศเย็นจัด, บรรยากาศค่อนข้างมืด และเสี่ยงเผชิญอันตรายตลอดเวลา’”
“…”
“จากโฆษณาดังกล่าว มีคนเข้ามาสมัครมากกว่าห้าพัน… รู้ไหมเพราะอะไร”
ลิลี่ส่ายหน้า
“เพราะบรรทัดสุดท้ายเขียนไว้ว่า… หากประสบความสำเร็จจะได้รับเกียรติยศและชื่อเสียง”
คังซอนฮูบรรจงแง้มผ้าคลุมของลิลี่อย่างระมัดระวัง พลางเล่าต่อไป
“พวกเราจะเป็นสองคนแรก ที่ได้เห็นดารากรขึ้นสวรรค์”
เธอจ้องเข้าไปในดวงตาคังซอนฮู จากนั้นก็ตระหนัก
ชายคนนี้กำลังคาดหวังฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจ
“…ด้วยวิธีใด”
คังซอนฮูส่ายหน้า
“ไม่รู้”
“แล้วอะไรทำให้เจ้าเชื่อเช่นนั้น”
“เรื่องราวของดารากรดวงนี้”
คังซอนฮูกล่าวต่อไปโดยไม่ละสายตาจากหลุมดำ น้ำเสียงสงบนิ่งแต่มั่นใจ
“เธอเคยบอกใช่ไหมว่า เป็นเรื่องยากมากที่ปุถุชนจะกลายเป็นดารากร”
“…ชนิดที่ต่อให้อุทิศทั้งชีวิตก็อาจจะไม่สำเร็จ”
“ดาวดวงนี้เคยอุทิศชีวิตให้กับบางสิ่ง จนกระทั่งบรรลุและมีโอกาสขึ้นสวรรค์”
คังซอนฮูสรุปความคิดตัวเองสักพัก
“แต่แล้ววันหนึ่ง เธอยอมสละสิ่งที่ทำมาทั้งชีวิตเพียงเพราะผู้อื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งที่รู้ว่าโอกาสดังกล่าวจะไม่หวนกลับมาอีก”
ลิลี่แหงนหน้ามองดาวดำ
โฉมวิญญาณของดาวดำกำลังยืนนิ่ง ใบหน้าแหงนขึ้นท้องฟ้า
ดวงตาและปากปิดสนิท
ไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังคิดสิ่งใด หรืออยู่ในสถานะใด
“บุคคลที่มีเจตจำนงอันแรงกล้าเช่นนั้น คนที่อดทนข้ามผ่านอุปสรรคมากมาย แถมยังมีจิตใจเข้มแข็งถึงขนาดยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อผู้อื่น… มีเพียงคนแบบนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ความเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้”
“…นั่นคือเหตุผลของเจ้า?”
คังซอนฮูพยักหน้า
“มั่นใจได้ยังไง?”
“ฉันรู้”
ฉันรู้
คำดังกล่าวแฝงไว้หลายความหมาย
อดีตของคังซอนฮูเป็นเช่นไรกันแน่ ลิลี่อดไม่ได้ที่จะถามตัวเองหลังจากได้ฟังเรื่องราว
เหตุผลที่คังซอนฮูเชื่อใจดาวดำ คงเกี่ยวข้องกับอดีตที่เจ้าตัวเคยประสบพบเจอ
“เธอก็อยากให้เรื่องราวจบลงแบบนั้นไม่ใช่หรือ”
“…ข้าเชื่อใจเจ้า”
“อย่าเชื่อคนง่ายนักสิ ไม่อย่างนั้นจะโดนหลอกเอานะ”
“แวมไพร์เชื่อใจคู่เชื่อมวิญญาณเสมอ”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกอีกหนึ่งเรื่องเป็นของแถม”
ยิ่งแรงสะเทือนเพิ่มขึ้น ลิลี่ก็ยิ่งเกาะชายเสื้อคังซอนฮูแน่น
“ภาษารูนที่เขียนไว้บนโซ่ ถ้าฉันใช้แหวน มันก็จะกลายเป็นของฉัน เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องไล่ลบด้วยมือ”
“ไม่รู้”
“เพราะนั่นคือภาษารูนที่ผิด แหวนจึงดูดซับไม่ได้… มีบางสิ่งผิดปรกติอยู่ในนั้น ถ้าจะให้เปรียบก็คงเหมือนบั๊ก”
“…?”
ขณะลิลี่ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำพูดดังกล่าว สายตาเธอหันไปมองดาวดำ
“โซ่พวกนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อตรึงดาวดำสินะ… อ๊ะ!”
เมื่อแรงสะเทือนทวีความหนักหน่วง คลื่นความร้อนสูงจำนวนมากทยอยพวยพุ่งมาจากทุกทิศ
คังซอนฮูที่สูญเสียการทรงตัวเล็กน้อย รีบคว้าไหล่ลิลี่ซึ่งเกือบจะล้ม
ดาวดำกำลังฝืนเอาชนะการผุกร่อนของตน
แต่ก็เท่านั้น
ทั้งลิลี่และคังซอนฮูสัมผัสได้
ขาดอีกแค่ก้าวเดียว — ก้าวเดียวที่ยังไม่เพียงพอ
คังซอนฮูยกแขนขึ้น
แขนข้างที่ไม่ได้สวมแหวน
* * *
คังซอนฮูยังไม่ลืม
ในคืนที่ชายผมสีม่วงแวะมาหา นักแปรธาตุมิได้ยอมถอดใจ
คนผู้นั้นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยวีรชนที่กำลังผุกร่อน
นักแปรธาตุอุทิศตัวเองเพื่อวิจัยหามรุ่งหามค่ำ โดยหวังจะสร้างปาฏิหาริย์ในการนำพาดาวดำขึ้นสวรรค์
อักษรรูนชนิดพิเศษถูกสร้างขึ้นจากการรวมตัวและบิดเบือน เพื่อให้ก้าวข้ามไปเหยียบขอบเขตของทวยเทพแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
อันที่จริง นักแปรธาตุทำสำเร็จครึ่งหนึ่ง
สามารถสร้างประโยคที่นำพาดาวดำขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์
แต่สุดท้ายกลับยอมถอดใจ
เพราะนักแปรธาตุไม่อยากถ่ายทอดประโยคดังกล่าวให้ชายผมสีม่วง
“…มันเป็นประโยคต้องห้าม”
นักแปรธาตุถอนหายใจยาว
ประโยคดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณของนักแปรธาตุ
“หากจะใช้งานประโยครูนนี้ ใครบางคนต้องสละชีวิต”
“จำเป็นต้องสังเวยดวงวิญญาณอันสูงส่ง”
หลังจากนึกทบทวนฉากในอดีต คังซอนฮูลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ประโยคที่นักแปรธาตุสร้างขึ้นในเวลาดังกล่าว ผุดขึ้นในความคิดชายหนุ่มอย่างรวดเร็วราวกับสลักไว้บนกระจกตา
โครงสร้างภาพรวมเริ่มคมชัด แต่เหลือเวลาอีกไม่มาก ไม่สามารถควักปากกาหมึกซึมออกมาวาดได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
บางที โอกาสอาจมีเพียงครั้งเดียว
ชายหนุ่มตัดสินใจเพิ่มความจริงจัง
「ประโยครูนที่ต้องสังเวยด้วยวิญญาณอันสูงส่ง」
คังซอนฮูไม่เคยกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้
เหล่าผู้คนนับสิบ รวมถึงชายผู้เป็นคนรักของดารากร ยอมสละชีวิตเพื่อต่อต้านทวยเทพและตอบแทนวีรชน
จะมีดวงวิญญาณใดสูงส่งไปกว่าพวกเขา?
จะมีการสังเวยใดยิ่งใหญ่ไปกว่านี้?
เงื่อนไขดังกล่าวถูกบรรลุมาตั้งแต่หลายพันหรือหลายหมื่นปีก่อนแล้ว
หลังจากเตรียมตัวเสร็จ คังซอนฮูสูดลมหายใจยาว
ตามด้วยเปล่งเสียง
“โมห์สmohs”
ลิลี่จ้องปลายนิ้วชายหนุ่ม
ทำไมจู่ๆ ถึงท่องรูนเสกไฟ?
พรึบ!
เปลวไฟอันร้อนแรงสว่างวาบเป็นวงกว้างก่อนจะเลือนหายไป
เหลือไว้เพียงเขม่าดำ
“รูน…!”
เขม่าจากการเผาไหม้กลายเป็นประโยครูนที่ซับซ้อน
คังซอนฮูก้มหยิบหินหนึ่งก้อนและป้ายเลือดของตัวเองลงไป
จากนั้นก็โยนก้อนหินไปยังใจกลางเขม่าภาษารูน ซึ่งลอยอยู่กลางอากาศใต้ดาวดำ
ตามด้วยเปล่งคำหนึ่งที่ตนทราบความหมาย
“—”
ภาษาแห่งราชันประโยคเดียวที่คังซอนฮูเข้าใจ
ความหมายของมันก็คือ
จงเบิกทาง
“…อึก!”
ท้องฟ้าอันมืดมิดกลายเป็นสีขาวโพลนในพริบตา สว่างเจิดจ้าเสียจนลืมตาไม่ขึ้น
ลิลี่และคังซอนฮูฝืนหรี่ตามองขึ้นไป
และได้พบตัวตนที่แท้จริงของแสงสว่าง
หมู่ดวงดาราซึ่งกำลังลอยอยู่บนฟ้า
แสงสลัวจากหมู่ดาวเหล่านั้น กำลังส่องมายังยอดหอคอยโดยพร้อมเพียง
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel