MDB ตอนที่ 180 คามเคารพได้หยั่งรากลึก
ในโลกนี้มีสัตว์เลี้ยงมากมายหลายแบบและบางตัวเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การค้นพบ 'ซอมบี้คธูลู' นี้ทำให้หลินจินประหลาดใจ
เช่นเดียวกับแมงมุมหน้าทารกของมาดามผีเด็ก ซอมบี้คธูลูตัวนี้ได้รับบาดเจ็บแบบเดียวกัน แต่ทว่ามันไม่ได้บาดเจ็บหนักเท่าแมงมุมหน้าทารก
อาการของแมงมุมหน้าทารกร้ายแรงมาก ทำให้ระดับของมันจากระดับห้าลดเหลือระดับสี่ ส่วนซอมบี้คธูลูยังเป็นระดับสี่ตามเดิม
มีเหตุผลสองประการที่ซอมบี้คธูลูยังมีชีวิตอยู่ หนึ่งก็คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัน ประการที่สอง มันได้ใช้การร่วมเลือดในการยื้อชีวิต
วิธีการรักษานั้นจึงแตกต่างจากแมงมุมหน้าทารก
อย่างไรก็ตาม การรักษาง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับแมงมุมทารก ด้วยความแตกต่างทางคุณสมบัติและความสามารถ จึงทำให้วิธีการรักษาของพวกมันไม่เหมือนกัน
ยังมีขั้นตอนทั่วไปที่ไม่ควรละเลย นั่นคือการร่วมเลือดต้องถูกทำลายก่อน มิฉะนั้น เจ้าของของมันจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป
หลังจากตัดสินใจเลือกวิธีการได้แล้ว หลินจินก็เหลือบมองมาดามผีเด็ก เมื่อเธอสัมผัสได้ว่าภัณฑารักษ์มองมาที่เธอ เธอจึงโค้งคำนับทันที
“การช่วยชีวิตเขาจะเป็นเรื่องง่ายกว่าของเจ้ามาก!” คำกล่าวของหลินจินแสดงถึงความมั่นใจอันยิ่งใหญ่ของเขาในฐานะภัณฑารักษ์
มาดามผีเด็กรู้สึกตื่นเต้น “ได้โปรดบอกข้าด้วยเถิด ท่านภัณฑารักษ์!”
“ซอมบี้คธูลูมีลักษณะเป็นไม้และดิน หล่อเลี้ยงด้วยรัศมีแห่งความตายและเกิดในดินแดนแห่งความตาย เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่ดูดซับพลังงานหยางมาหลายศตวรรษ
เจ้าจงไปหาต้นไม้เงาแล้วขุดลงไปใต้ต้นไม้นั่น จากนั้นฝังมันลงไปและหลบหน้าดิน แล้วให้ตัดการร่วมเลือดทิ้งซะ
ข้าจะให้ยาสำหรับเพื่อนของเจ้าและซอมบี้คธูลูของเขา ใช้เวลาประมาณห้าวัน พวกเขาควรจะฟื้นตัวและคืนชีพจากผืนดิน”
‘แค่นี้เหรอ’ มาดามผีเด็กตกตะลึง
‘มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?’
ถ้าคนอื่นบอกเธออย่างนี้ มาดามผีเด็กจะไม่มีวันเชื่อพวกเขา แต่เนื่องจากเป็นภัณฑารักษ์ เธอจึงเชื่อในคำพูดของเขา
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เธอก็ตระหนักว่าวิธีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ประการแรก ต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถคิดวิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ได้ ดั่งคำกล่าวที่ว่า 'ถ้ารู้วิธีรับมือ ก็ไม่ยาก' หากภัณฑารักษ์ไม่พูดถึงเรื่องนี้ เธอกับชายโลงศพก็คงคิดวิธีแก้ปัญหานี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ถึงกระนั้น ถ้าภัณฑารักษ์บอกว่ามันจะได้ผล มันก็ต้องใช้ได้
มาดามผีเด็กกล่าวขอบคุณเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
“แต่มีบางอย่างที่ข้าอยากจะพูด” หลินจินกล่าวเสริม น้ำเสียงฟังดูเคร่งขรึม
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ข้าก็ยินดีรับฟังท่าน!” มาดามผีเด็กตอบด้วยความระมัดระวัง เธอรู้ว่าภัณฑารักษ์จะไม่เพียงแค่เสนอวิธีการรักษาโดยเปล่าประโยชน์ อาจมีเงื่อนไขที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม
หลินจินคิดว่าทั้งมาดามผีเด็กและและเจ้าของซอมบี้คธูลูเป็นบุคคลที่ทรงพลังอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะต้องพึ่งพาพวกเขาในอนาคต
เนื่องจากพลังของภัณฑารักษ์ถูกจำกัดอยู่ในห้องโถงเยี่ยมชมและหลินจินก็รู้เรื่องนี้ดี บุคคลที่ทรงพลังทั้งหมดต้องประพฤติตัวอย่างเจียมตัวในห้องโถงเยี่ยมชมที่หลินจินเป็นผู้ปกครองสูงสุด
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ข้างนอกนั้น หลินจินยังอ่อนแอเกินไป เขาจำเป็นต้องวางแผนสำหรับอนาคตสำหรับอุปสรรคที่อาจเข้ามาและผู้เยี่ยมชมอาจมาเป็นทรัพย์สินอันมีค่าเมื่อวันนั้นมาถึง
แต่เพื่อที่จะใช้งานพวกเขา เขาต้องแน่ใจว่าพวเขาเชื่อใจได้ สำหรับคนอย่างมาดามผีเด็กต้องใช้ทั้งพลังและอิทธิพลต่อเธอ เขาต้องสร้างศักดิ์ศรีอย่างแท้จริงให้กับตัวตนภัณฑารักษ์ของเขา
และเขาจะทำอย่างไร?
เพื่อให้เป้าหมายจะต้องฟังคำสั่งของเขา
“ก่อนหน้านี้ข้าสั่งเจ้าไม่ให้ปลิดชีพใคร เจ้าได้ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าหรือไม่?” หลินจินถาม
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอทำหรือไม่ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะทำให้เธอตกใจเล็กน้อย
มาดามผีเด็กตกใจพูดทันทีว่า “ข้าไม่เคยลืมคำสั่งของภัณฑารักษ์เลยเจ้าค่ะ ตั้งแต่กลับไปครั้งสุดท้ายข้าก็ไม่ได้พรากชีวิตมนุษย์อีกเลย ถ้าข้าโกหกข้าขอให้ตัวเองต้องตายโหงไร้ที่ฝัง”
จากการสังเกตของเขา เธอคงพูดความจริง
กฎของหลินจินสำหรับเธอคือเธอไม่สามารถฆ่ามนุษย์ได้ หากมาดามผีเด็กปฏิบัติตาม แสดงว่าเธอกลัวและเคารพภัณฑารักษ์
เช่นเดียวกับที่ผู้ฝึกสัตว์จำกัดสัตว์ด้วยเส้นสีแดง เป้าหมายไม่ใช่เพื่อให้มันอยู่หลังเส้น แต่เพื่อสอนให้มันเกรงกลัวและยอมรับคำสั่ง
"ไม่เป็นอะไร บอกเพื่อนของเจ้าว่าเขาสามารถช่วยชีวิตได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน เขาต้องหยุดฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือใช้ชีวิตตามอำเภอใจ ถ้าพวกเจ้าคนใดฝ่าฝืนกฎและฆ่าแม้แต่คนเดียว จงเตรียมพร้อมรับผลร้ายแรงที่จะตามมา”
มันไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการทำให้ผู้คนหวาดกลัว ดังนั้นหลินจินจึงพูดบางอย่างที่รุนแรง
หัวใจของมาดามผีเด็กกำลังเต้นอย่างรวดเร็ว เธอตกลงทันที
ภัณฑารักษ์มีอำนาจเหนือกว่ามากในวันนี้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญผู้ชั่วร้ายที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งความเป็นจริง คนอื่น ๆ มักจะกลัวมาดามผีเด็กมาโดยตลอด
แม้กระทั่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังมากกว่าตัวเธอ เธอไม่เคยกลัวเลย
แต่ถึงกระนั้น เธอรู้สึกหวาดกลัวต่อภัณฑารักษ์ซึ่งถูกซ่อนอยู่หลังหน้ากากอันน่าสะพรึงกลัวของเขาภายในห้องโถงเยี่ยมชมอันลึกลับนี้
ในขณะเดียวกัน แมงมุมหน้าทารกซึ่งเป็นสัตว์ที่เลี้ยงของเธอได้งีบหลับตลอดเวลา ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ เนื่องจากการข่มขู่ของภัณฑารักษ์ก่อนหน้านี้
นี่จึงทำให้ภัณฑารักษ์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้ได้อย่างไรว่าเลือดในชามนั้นเป็นของ 'ซอมบี้คธูลู' อาจไม่มีใครอื่นนอกจากภัณฑารักษ์ที่สามารถจำแนกสิ่งนี้ได้
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่าภัณฑารักษ์มีพลังกล้าแกร่งเพียงใด
ทำให้เกิดความเคารพที่หยั่งรากลึกในตัวเธอ
มาดามผีเด็กเริ่มเล่าให้เขาฟังถึงอดีตที่สัตว์เลี้ยงของเธอได้รับบาดเจ็บ
ทุกคนที่นี่รู้ถึงตัวตนของเธอจึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง หลังจากที่เธอเล่าเสร็จแล้ว หลินจินก็ไม่ท่าทีสะทกสะท้านใด ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่างอ้าปากค้าง
อีกาทมิฬดูตกใจ ขณะที่เย่หยู่โจวดูเคร่งขรึม
'ใครจะไปคิดว่ามาดามผีเด็กผู้นี้จะเคยเป็นหนึ่งในห้าเทพหลิงหนาน' เย่หยู่โจวอุทานภายใน เป็นการยากที่จะปกปิดความประหลาดใจของเขา
เหตุผลก็คือ เมื่อเทพหลิงหนานมีชื่อเสียง เขาก็ยังเป็นลูกนกที่ยังไม่มีใครรู้จัก ย้อนกลับไปตอนนั้น เย่หยู่โจวยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ทุกคนรู้เกี่ยวกับเทพหลิงหนาน
แต่ในวันหนึ่งพวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด หลายคนคาดเดาไปต่าง ๆ นานาแต่ไม่มีใครรู้ความจริง
ใครจะรู้ว่ามาดามผีเด็กจะเป็นสมาชิกของกลุ่มนั้น
หลายปีผ่านไป สมาชิกของเทพหลิงหนาน ทุกคนน่าจะมีอายุเกินร้อยปีแล้ว แต่ทำไมมาดามผีเด็กยังดูสาวอยู่เลย? ดูเหมือนเธอจะอายุแค่สามสิบเท่านั้น
เธอบรรลุความเป็นอมตะอย่างแท้จริงผ่านการฝึกฝนแล้วหรือไม่?
ท้ายที่สุดพวกเขาเรียกตัวเองว่าเทพหลิงหนานแต่ทุกคนรู้ว่ามันเป็นเพียงฉายา ความเป็นอมตะได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้นานแล้ว
การอธิบายเพิ่มเติมในภายหลังของมาดามผีเด็กนั้นน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ในตอนนั้น เราอยู่ยงคงกระพันในภูมิภาคหลิงหนาน เราใช้ชีวิตอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด แต่แล้วในวันหนึ่ง เราบังเอิญได้ยินเกี่ยวกับสถานที่ที่มีซากปรักหักพังของผู้อมตะดังนั้นเราจึงไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเป็นสมบัติ เราเจอกับภัยพิบัติร้ายแรง เราพบกับปีศาจโบราณถูกผนึกไว้ในซากปรักหักพังของผู้อมตะและเราปลดปล่อยมันออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้เกิดเหตุร้ายแรง ถ้าเรารู้เรื่องนี้เราจะไม่ไปที่นั่นเด็ดขาด”
จากนั้นสีหน้าของมาดามผีเด็กจึงเต็มไปด้วยความเสียใจ
เมื่อได้ยินมากเช่นนี้ หลินจินก็ทั้งอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นทันที
“มีซากปรักหักพังของผู้อมตะมากมายในโลกนี้ใช่หรือไม่?” เขาถามคำถามที่ค่อนข้างโง่ ก่อนที่มาดามผีเด็กจะตอบ อีกาทมิฬได้ชิงตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
“ภัณฑารักษ์ มีซากปรักหักพังของผู้อมตะจำนวนหนึ่งในโลกนี้ แต่ซากปรักหักพังที่แท้จริงจะไม่มีวันมีปีศาจถูกผนึกอยู่ในนั้น สิ่งที่มาดามผีเด็กและกลุ่มของเธอพบเจออาจไม่ใช่ถ้ำอมตะแต่เป็นห้องขัง”
มันง่ายที่จะบอกว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างอีกาทมิฬต้องบุกเข้าไปในสุสานไม่กี่แห่ง
มาดามผีเด็กพยักหน้าเห็นด้วยกับคำอธิบายเพิ่มเติมของอีกาทมิฬ "ถูกต้อง มันเป็นห้องขังที่เราปลดล็อคโดยไม่รู้ตัว”
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเรื่องง่าย ปีศาจที่ถูกกักขังอยู่ในห้องขังนั้นทรงพลังเกินไปและทำให้เทพหลิงหนานทั้งห้าต้องตายหนึ่งคนและอีกสี่คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นเลวร้ายมากจนทำให้พวกเขาต้องหลบซ่อนตัวหลังจากนั้น
สัตว์เลี้ยงของมาดามผีเด็กได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลานั้นและเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยชีวิตมันโดยใช้การร่วมเลือด อย่างไรก็ตาม วิธีแก้ปัญหานี้ทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา
เลือดของสัตว์วิเศษของเธอค่อย ๆ กลืนกินชีวิตของเธอ
ปีแห่งความทุกข์ทรมานจากกลืนกิน มันทำให้เธอทรมานอย่างไม่มีสิ้นสุด หากเธอไม่เข้าได้เข้ามาในห้องโถงเยี่ยมชม เธอก็คงตายลงอย่างช้า ๆ
เธอช่างโชคดีเหลือเกินที่เธอได้โอกาสพบกับภัณฑารักษ์
“เพื่อนเก่าของข้าก็เป็นหนึ่งในห้าเทพหลิงหนานด้วย ข้าจะไม่พูดถึงชื่อเดิมของเขา แต่ตอนนี้ทุกคนรู้จักเขาในชื่อชายโลงศพ!”
หลังจากมาดามผีเด็กชื่อของชายโลงศพ ดวงตาของอีกาทมิฬก็เป็นประกาย ในขณะที่เย่หยู่โจวขมวดคิ้วอย่างหนัก
ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของชายโลงศพนี้เทียบเท่ากับมาดามผีเด็ก
ทุกคนรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดของมาดามผีเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของปีศาจที่พวกเขาพบเจอ พวกเขารู้สึกได้ถึงความกลัวจากส่วนลึกสำหรับปีศาจที่เธอพูดถึง ท้ายที่สุด มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถจัดการห้าเทพหลิงหนานผู้อยู่ยงคงกระพันได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม คำถามต่อไปของหลินจินได้ทำลายบรรยากาศที่กดดันและเยือกเย็นนี้
“เจ้ายังจำได้ไหมว่าที่นั่นอยู่ที่ไหน?”
มาดามผีเด็กงงงัน
หลินจินกล่าวเสริมว่า “หากข้าพอมีเวลา ข้าอยากไปที่นั่น”
ทั้งกลุ่มไม่รู้จะพูดอะไร ภัณฑารักษ์ดูเฉยเมยต่อปีศาจและพูดอย่างเป็นกันเองราวกับว่าเขากำลังวางแผนไปพักผ่อนในจุดท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่ง
ตามคาดของภัณฑารักษ์ เขาเป็นคนไม่กลัวสิ่งใด แม้จะรู้ถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้าก็ตาม
มาดามผีเด็กบอกเขาอย่างคร่าว ๆ ว่ามันอยู่ที่ไหนแต่หลินจินไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้ นอกจากนี้ยังอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาของรัฐทั้งเจ็ดของหลิงหนานซึ่งอาจอยู่ห่างจากเมืองเมเปิ้ลที่หลินจินอาศัยอยู่หลายพันไมล์
ความตื่นเต้นอันเร่าร้อนของหลินจินถูกระงับทันทีโดยข้อมูลนี้
ดูเหมือนว่าทริปนี้จะต้องมีการวางแผนระยะยาว
ตอนนี้เขาได้คลี่คลายปัญหาของทุกคนเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมาให้วัสดุที่พวกเขาได้รวบรวมมา ด้วยวัสดุสำหรับวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบของเสี่ยวฮั่วเหล่านี้ หลินจินวางแผนที่จะทำการค้นคว้าพวกมันที่บ้าน มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาสามารถช่วยเสี่ยวฮั่วพัฒนาก่อนการแข่งขันสาวก
เมื่อถึงเวลานั้น การได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ทันใดนั้น เฒ่าเทียนที่เงียบตลอดเวลาก็พูดขึ้น “ภัณฑารักษ์ ข้ามีเรื่องจะถามท่าน”
หลินจินเหลือบมองเขา
ก่อนหน้านี้ ชายชราผู้นี้ทำตัวหยิ่งผยองอย่างเหลือทน นอกจากนี้ หลินจินมาที่นี่เพื่อรวบรวมส่วนผสมยา ดังนั้นเขาควรจะนำของบางอย่างติดไม้ติดมือมาเพื่อแสดงความเคารพ แต่เฒ่าเทียนไม่ได้นำอะไรมาเลยและยังต้องการจะขอความช่วยเหลือจากเขาอีก เห็นได้ชัดว่าหลินจินไม่คิดจะให้อะไรคนอย่างเขา
“เอาไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปโดยไม่ชายตามอง
ท่าทางของเฒ่าเทียนแข็งทื่อ เขาโกรธอย่างเห็นได้ชัดแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่เขารู้ดีว่าภัณฑารักษ์ไม่ควรถูกโกรธเคือง
แม้แต่มาดามผีเด็กก็ยังเคารพและเคารพในตัวเขา หากเฒ่าเทียนที่มีเพียงแค่สัตว์เลี้ยงระดับสาม แล้วยังกล้าลูบคมภัณฑารักษ์ เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งเลวร้ายอะไรหลังจากนั้น