ฮังอวี่ “พวกเราจะใช้ข้อมูลภูมิประเทศ และสติปัญญาของมนุษย์ช่วยให้ชาลู่มีข้อได้เปรียบเหนือกว่าผู้เบิกทางคนอื่นๆ คอยสนับสนุนชาลู่ให้ได้รับความไว้วางใจจากชนเผ่าวายุคลั่ง และกลายเป็นโรงงานของเรา ให้เขาเป็นทั้งสายลับและแรงงานในเวลาเดียวกัน”

ซูหยุนปิง “นั่นก็จริง พื้นที่รกร้างรอบๆเจียงเฉิงกว้างใหญ่มาก มีสมบัติล้ำค่าที่ปรากฏขึ้นเองและอาณาเขตวิญญาณมากมาย ถ้าเราอาศัยกองกำลังของชาลู่ พวกเราจะสามารถเข้าครอบครองทรัพยากรที่ไม่มีเจ้าของเหล่านั้นได้”

“...”

ฮังอวี่ชอบคุยกับคนอย่างซูหยุนปิงมาก มีหลายสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องบอก ซูหยุนปิงก็เข้าใจ ไม่ก็ได้ลงมือทำไปแล้ว

ไม่เลว

ฮังอวี่ตั้งใจจะสนับสนุนขุมกำลังจากโลกวิญญาณ

ในตอนนี้ ขุมกำลังที่สามารถคุกคามเจียงเฉิงได้คือชนเผ่าวายุคลั่ง ในวิกฤตมักมีโอกาสอยู่เสมอ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะไขว่คว้ามันได้หรือไม่

ชาลู่ไม่ใช่ผู้เบิกทางเพียงคนเดียวของชนเผ่าก็จริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อชาลู่ได้รับความช่วยเหลือจากฮังอวี่ ก็เท่ากับว่ามันกุมความได้เปรียบผู้เบิกทางคนอื่นๆ

ฮังอวี่ ซูหยุนปิง ทั้งคู่จะกลายเป็นคนในที่คอยสนับสนุนขุมกำลังของชาลู่

ขณะที่งูเจ้าถิ่นอย่างฮังอวี่คอยช่วยพัฒนาและให้ข้อมูลแก่ชาลู่ ทางฝั่งชาลู่ก็จะเป็นสายลับให้พวกเขา มันสามารถรายงานข้อมูลผู้เบิกทางคนอื่นๆแก่ฮังอวี่ได้ และเขาก็จะส่งข้อมูลนั้นให้แก่สกายเน็ต

การทำแบบนี้ จะได้รับประโยชน์หลายทาง

ทางแรก ผู้บุกเบิกคนอื่นๆนอกจากชาลู่จะถูกมนุษย์โจมตีอย่างต่อเนื่อง ระหว่างพวกมันถดถอย ชาลู่จะเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้กระบวนการนี้

ทางสอง เจียงเฉิงมีแหล่งข้อมูลที่มั่นคงและแม่นยำ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่ส่งมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นี่เท่ากับว่าฮังอวี่และซูหยุนปิงสามารถได้รับแต้มบุญจากแบทเทิลเน็ตได้เรื่อยๆ เรียกว่าฝุ่นยังไม่ทันเกาะ แต้มบุญใหม่ก็มาแล้ว

มีประโยชน์อีกมาก

มันยากที่จะให้อธิบายทั้งหมด

ซูหยุนปิงรู้สึกชื่นชมฮังอวี่จริงๆ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กคนนี้ต้องการดึงตัวเองเข้ากลุ่ม

เพราะแนวทางของเขาอุกอาจและแหวกแนวเกินไป ในขณะที่เมืองอื่นๆกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อต่อต้านเผ่าจากโลกวิญญาณ แต่ฮังอวี่กลับทำตรงกันข้าม

ใช้เหล่าผู้รุกรานพิชิตเหล่าผู้รุกรานด้วยกันเอง

ขณะเดียวกันใช้พวกมันเสริมสร้างพลังรบแก่ตน

กลยุทธ์อัจฉริยะ!

ฮังอวี่โยนโทรศัพท์มือถือให้ชาลู่ “นี่คือมือถือที่ตีบวกพลังงานวิญญาณลงไปแล้วหลายครั้ง มันสามารถใช้ได้แม้อยู่นอกเจียงเฉิง ไม่ใช่แค่มีอายุการใช้งานยืนยาว แต่ยังกันน้ำได้ 100% ต่อไปให้ใช้มันติดต่อหาฉัน”

ชาลู่ไม่เคยใช้ของประเภทมือถือมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ในโลกวิญญาณ มีไอเท็มบางชนิดที่สามารถใช้สื่อสารทางไกลได้

และถึงตัวมันจะได้รับผลกระทบจากสถานะหลงเสน่ห์ถาวร แต่ IQ ไม่ได้ลดตาม ตราบใดที่ได้ลองใช้จนคุ้นชิน มันย่อมรู้วิธีโทรออก

“ตั้งแต่วันนี้ไป นายเป็นอิสระแล้ว” ฮังอวี่พูดกับชาลู่ “กลับไปอยู่ในกลุ่ม เพิ่มพูนพลังรบ ตราบใดที่ทำงานอย่างหนัก ต่อไปนายจะยิ่งได้รับมากขึ้น และอาจถึงขั้นได้กลายเป็นราชาของชนเผ่าวายุคลั่ง”

ประกายแสงวาบไหวในดวงตาของชาลู่

แม้ตกอยู่ในสถานะหลงเสน่ห์ถาวร ทำให้ในจิตใต้สำนึกและจากก้นบึ้งในหัวใจของมันเชื่อฟังซูหยุนปิงเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความปรารถนาของชาลู่จะถูกกำจัดออกไป มันยังคงเป็นมนุษย์ปลาที่มีความทะเยอทะยาน

ซูหยุนปิงพยักหน้าให้ชาลู่

ชาลู่จากไปพร้อมกับมนุษย์ปลานับร้อย กระโดดลงแม่น้ำแยงซีอย่างรวดเร็วและหายไปจากสายตา

“ฮ่ง เจ้านายปล่อยเบี้ยที่คาดไม่ถึงให้แก่พวกโลกวิญญาณไปแล้ว นี่ต้องเป็นวันที่น่าจดจำแน่ๆ” หวังเอ๋ออดพูดขึ้นไม่ได้ “แต่จะว่าไป เอาจริงๆเจ้าหมอนั่นเชื่อถือได้จริงๆหรือ? เขาจะไม่หักหลังเรากลางทางใช่ไหม!”

“ฉันว่าคนที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดมันนายต่างหาก!” ฮังอวี่ดึงสองหูสุนัขแล้วขู่ว่า “ที่ฉันกังวลที่สุดก็เรื่องปากของนายนี่แหละ จำเอาไว้ให้ดี ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น!”

“ฮ่ง เข้าใจ เข้าใจแล้ว ถ้าเอ่ยเรื่องนี้แม้เพียงครึ่งคำ เปิ่นหวังยินดีให้จับไปทำหม้อไฟเนื้อสุนัข!”

ซูหยุนปิงกล่าวว่า “ถึงเอฟเฟกต์หลงเสน่ห์ถาวรจะมั่นคงมาก แต่เพื่อความปลอดภัย ฉันจะเรียกชาลู่กลับมาเป็นระยะเพื่อใช้เนตรมนต์เสน่ห์กับเขา”

ฮังอวี่รู้ดีว่าสกิลพรสวรรค์ของซูหยุนปิงน่าสะพรึงเพียงใด

เมื่อสร้างเสน่ห์ถาวรแล้ว ก็ไม่มีทางขจัดมันได้อีก

เว้นแต่จะมีใครใช้สกิลประเภทผนึกขั้น 4 หรือ ขั้น 5 เพื่อผนึกมัน

แต่ผู้ที่สามารถใช้สกิลดังกล่าวนั้นหาได้ยากมากแม้แต่ในโลกวิญญาณ

สถานะหลงเสน่ห์ถาวรนั้นจะไม่ปรากฏให้เห็นทางพฤติกรรมใดๆ มันเกิดจากจิตใต้สำนึก ดังนั้นหลุดรอดจากการตรวจพบด้วยสกิลสายตรวจสอบสภาพจิตใจ หรือต่อให้ถูกค้นพบจริงๆ ก็ยากที่จะชำระล้างมัน

และยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่

สถานะหลงเสน่ห์ก็จะยิ่งฝังรากลึกมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อถึงตอนนั้น การชำระล้างมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูหยุนปิงไม่สบายใจ เธอสามารถเรียกมันกลับมาเป็นระยะๆก็ได้แล้วแต่เธอ แถมระหว่างนั้นยังสามารถรวดขนย้ายวัสดุและทรัพยากรไปได้ในตัว

ซูหยุนปิงเอ่ยถาม “ตอนนี้ชาลู่สามารถรวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชาได้ประมาณกี่ตน?”

“ตัวเลขไม่ตายตัว นี่เกี่ยวข้องกับพลังรบของมนุษย์ปลาที่รวบรวมมา” ฮังอวี่อธิบาย “ตามปกติแล้ว ยิ่งพลังรบของเจ้านายแข็งแกร่งเท่าไหร่ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”

ซูหยุนปิงเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฝึกกองกำลังจนสามารถออกสู้ได้?”

เธอพึ่งสังเกตเห็น

ว่าแม้ชาลู่จะสามารถควบคุมมนุษย์ปลาระดับต่ำนับร้อยได้

แต่มนุษย์ปลาเหล่านั้นดูไม่ค่อยเชื่อฟังมากนัก หากซูหยุนปิงและฮังอวี่เข้าใกล้เกินไป พวกมันจะทำการโจมตีทันที ต่อให้ชาลู่เอ่ยสั่งก็คงไม่ยอมอ่อนข้อ

เนื่องจากค่อนข้างกะทันหัน

หลังจากรวบรวมสมาชิกระดับล่างมา เจ้านายอย่างมันจำเป็นต้องใช้เวลาในการขัดเกลา ค่อยๆสร้างความจงรักภักดี

หากความจงรักภักดีไม่เพียงพอ

กลุ่มก็จะไม่มั่นคง

แล้วเมื่อไหร่ที่เจอเจ้านายที่แข็งแกร่งปรากฏตัว ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นอาจแปรพักตร์ได้

ในทางตรงกันข้าม หากพวกมันภักดีมากพอ ต่อให้เจอเจ้านายที่มีพลังรบเหนือกว่า พวกมันก็ยังเลือกติดตามเจ้านายของตัวเองอยู่ดี

“คิดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวัน”

“ไม่ต้องรีบร้อน กระบวนการนี้ค่อยเป็นค่อยไป”

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฮังอวี่พาหวังเอ๋อ ซูหยุนปิงกลับบ้าน

ฮังอวี่มาถึงหน้าประตูใหญ่ แต่จู่ๆเขาก็นึกบางเรื่องขึ้นได้ เหลียวกลับไปมองหญิงงามที่อยู่ข้างหลัง “ชาลู่ก็ฝึกสำเร็จแล้ว อาจารย์จะอยู่ที่บ้านของผมต่อไหม?”

ซูหยุนปิงกะพริบตา “ทำไม? อยู่ต่อไม่ได้หรอ?”

ฮังอวี่ยิ้ม “แน่นอน อาจารย์สามารถอยู่ได้นานเท่าที่ต้องการ!”

ว่าจบเขาก็ผลักเปิดประตู เดินเข้าไปในลานบ้าน

ซูหยุนปิงจะยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป

อันที่จริงแล้วเธอมีหลายอย่างที่เธอคิดไว้ในหัวว่าถ้าอยู่ที่นี่จะเหมาะสมกว่า

อย่างแรกงที่นี่ใกล้กับสำนักงานใหญ่และถนนมังกรฟ้า

อย่างสองนี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากๆที่จะช่วยให้ฮังอวี่ขจัดความสงสัยในตัวเธอ

ความไว้ใจไม่อาจสร้างในชั่วข้ามคืน

ซูหยุนปิงรู้ดีว่าฮังอวี่เป็นคนภายนอกหยาบคาย แต่ภายในเขาระมัดระวังตัวมาก ซึ่งสไตล์ชอบทำตัวติดดินไม่ยอมให้แสงไฟฉายมาที่ตนเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี

เขาไม่สามารถเชื่อในตัวเธอได้ 100%

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มนุษย์ปลาชาลู่ถูกปล่อยตัว

ดังนั้นเธอต้องอยู่ต่อ

อยู่ในสายตาของฮังอวี่

เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความคิดเป็นอื่น

ซูหยุนปิงไม่มีหัวใจเป็นอื่นจริงๆ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันทำให้เธอเชื่อว่าตัวเองกับเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นหวังจะช่วยแบ่งเบาภาระ ทำงานให้เขา!

นอกจากนี้ ซูหยุนปิงยังรู้สึกว่าการได้รับความช่วยเหลือจากฮังอวี่เป็นประโยชน์มากต่อการพัฒนาของเธอ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจอยู่บ้านของฮังอวี่ต่อไป