811 - จักรพรรดิอมตะอีกแล้ว
811 - จักรพรรดิอมตะอีกแล้ว
“จบสิ้นแล้ว ข้าปล่อยให้คนอื่นปล้นสมบัติมากมายไปทั้งหมด ข้าเกลียดมัน ไอ้สาระเลวคนนั้นเป็นใคร!”
ต้วนเต๋อคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ถ้ำถูกกระแทกอย่างรุนแรงหน้าผาทั้งหมดถูกทำลายในฝ่ามือเดียวเท่านั้น
“มันทุบตีข้าด้วยกระบองที่ด้านหลังแล้วทุบข้าด้วยอิฐสีดำจากข้างหน้า นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าชอบทำกับคนอื่นหรืออาจารย์?” ต้วนเต๋อกัดฟัน
“ชามของข้าบรรจุคัมภีร์โบราณและสมบัติระดับเทพเจ้า มันเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสมัยโบราณ ดังนั้นข้าเลยสูญเสียมันไป... ข้าไม่เต็มใจให้มันเป็นเช่นนี้”
เขาพึมพำและพ่นความลับออกมามากมาย
“คัมภีร์โบราณมีชื่อเสียงในการก้าวข้ามภัยพิบัติ และมงกุฏโบราณก็มีอำนาจในการข้ามทะเลดวงดาว...” สิ่งที่เขาพูดถึงนั้นลึกลับและน่าสนใจมาก
“มีคัมภีร์โบราณอยู่ในชามนั้นจริงๆ มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องพูดออกมาให้เราฟัง เขากำลังทำอะไรกันแน่?” ตงฟางเย่มีสีหน้าลังเลและก้าวถอยหลัง
“ไปกันเถอะ คนอ้วนคนนี้กำลังเล่นละครให้ใครบางคนที่อยู่ในเงามืดดู ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่เรา”
เย่ฟานใบหน้าเปลี่ยนสี เขาพอจะอนุมานได้ว่าคนที่จับตาดูเจ้าอ้วนคือใครกันแน่
เขาดึงตงฟางเย่และรีบวิ่งไปที่ส่วนลึกของเทือกเขา อยากจะหนีอย่างเงียบๆ แต่ต้วนเต๋อยังคงไล่ตามพวกเขามาราวกับควันไฟ
“สัมผัสทางจิตวิญญาณของคนคนนี้เฉียบแหลมมาก!” ตงฟางเย่ประหลาดใจ
“ไปกันเถอะ!”
เย่ฟานคว้าตัวคนป่าเถื่อนแล้ววิ่งออกไป เพียงแค่ลมหายใจเดียวพวกเขาก็ออกห่างจากที่นี่หลายสิบลี้
ต้วนเต๋อยังคงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ คู่ต่อสู้ไม่หลงเหลือร่องรอยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงได้แต่ค้นหาในบริเวณภูเขาที่อยู่รอบๆแต่กลับไม่พบอะไรเลย
ในท้ายที่สุดเย่ฟานและตงฟางเย่ก็กลับไปที่ถ้ำโบราณได้สำเร็จ
ในภูเขาที่ห่างไกล ต้วนเต๋อนั่งอยู่บนแท่นบูชา มีเลือดไหลเป็นแนว เสียงสวดมนต์ที่ดังจากปากของเขามันน่ากลัวมาก
เลือดไหลออกมาทีละหยด เมฆสีเทาก็ตกลงสู่พื้น และค่ายกลโบราณอันกว้างใหญ่ก็ถูกเปิดใช้งาน
เปลวไฟโหมกระหน่ำไปในสิบทิศ ราวกับราชาโบราณฟื้นคืนชีพ สายฟ้าสีเลือดเชื่อมโยงกันในโลกที่มืดมิดสั่นสะเทือนจิตใจของผู้คน
“บูม!”
ในระยะไกล ถ้ำโบราณที่เย่ฟานและคนอื่นๆหลบซ่อนตัวอยู่ถูกค้นพบ ถ้ำนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และชามที่แตกหักก็เหมือนจะฟื้นคืนชีวิต
“ไม่ นี่เป็นอาวุธของปราชญ์โบราณหรือ? เหมือนมันจะฟื้นคืนชีพแล้ว!”
“อาวุธของปราชญ์โบราณไม่ทรงพลังขนาดนี้ มันอาจจะเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้!”
พวกเขากำลังจะถอยหนี และชามแตกลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร้อมกับดูดกลืนแสงทุกอย่างราวกับหลุมดำ
มันกลืนกินความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดทันที เหมือนกับมารที่ไม่มีใครเทียบได้และเตรียมที่จะเคลื่อนไหวข้ามความว่างเปล่า
“บูม!”
ชามแตกสะเทือนและทั้งภูเขาก็พังทลายลง จากนั้นมันก็ทะยาน โบยบินสู่ท้องฟ้า
“มันหนีไปแล้ว!”
เย่ฟานและคนอื่นๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โลกภายนอกมีเมฆสีดำปกคลุมทุกหนทุกแห่ง
เมฆสีดำเหล่านั้นกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ศีรษะของต้วนเต๋อซึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชาสีเลือดบนยอดเขา เมฆดำบนท้องฟ้ากำลังกดทับลงมาอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความตื่นเต้น และหลายคนที่อยู่ในคฤหาสน์เซียนพยายามแย่งชิงชามแตกที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
แต่ต้วนเต๋อส่งเสียงคำรามและชามแตกได้ปลดปล่อยหลุมดำกลืนคนมากกว่าหนึ่งโหลเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ!”
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ถอยห่างออกไปอย่างเงียบๆ หากพวกเขาไม่ปล้นเจ้าอ้วนคนนี้ พวกเขาจะไม่มีทางได้เห็นพลังที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดก่อนที่เมฆดำเหนือแท่นบูชาโลหิตจะสลายไป ใบหน้าของด้วนเต๋อซีดเซียว ชามที่แตกใบนั้นก็โบยบินเข้าหามือของเขาอีกครั้ง
“อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร!”
เขาสบถในใจและคนที่แย่งชิงสมบัติของเขานั้นจะต้องเป็นคนที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาอย่างแน่นอน
หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ก็ไม่คิดจะตอแยเจ้าอ้วนบ้าคนนี้อีก หลังจากที่ภารกิจจบลงพวกเขาร่ำลากันเพื่อออกเดินทางตามเส้นทางของตัวเอง
“มียอดฝีมือชั้นยอดคาดเดาว่าราชาสัตว์อสูรโบราณในโลกนี้กำลังรวบรวมกองกำลังหลายแสนตัวเพื่อโจมตีมนุษย์อย่างพวกเรา เราควรออกไปก่อนแล้วค่อยกลับมาหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว” องค์หญิงอวี้เตี่ยเตือน
เย่ฟ่านพยักหน้า ข่าวนี้สำคัญมากสำหรับเขา คฤหาสน์เซียนกำลังจะเข้าสู่พายุลูกใหญ่ และการมาถึงของยอดฝีมือหลายคนได้ทำลายความสงบของสถานที่แห่งนี้ มันกระตุ้นให้ราชาสัตว์อสูรเกิดความไม่พอใจ
องค์หญิงอวี้เตี่ยออกจากคฤหาสน์เซียนและตงฟางเย่ก็เลือกที่จะหลบหนีโดยการโยนตะเกียงของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทิ้ง
เขากลัวว่าต้วนเต๋อจะเรียกมันกลับด้วยวิธีการลับ และเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอ้วนคนนั้นอย่างแน่นอน
เย่ฟ่านพบภูเขาร้างและเริ่มทดสอบพลังของต้นไม้อมตะ กิ่งอ่อนนี้มีความยาวไม่เกินครึ่งฝ่ามือ มีใบหยกเจ็ดใบซึ่งเปล่งประกายและใสดุจผลึก
เขาถือต้นไม้ยืนอยู่หน้าหน้าผาแล้วปัดไปข้างหน้าเบาๆ แต่หลังจากรอเป็นเวลานานก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น
“แล้วข้าต้องทำอย่างไรเพื่อให้มันทำงาน?” เขาพลิกมันไปมาและมองดูอย่างจริงจังอีกครั้ง
เย่ฟ่านไม่ยอมแพ้ เขาโบกต้นไม้ไปมา แสงสีสันสดใสถูกยิงไปที่หน้าผาข้างหน้า แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้ว่ามันจะไม่มีผลใดๆ ก็ตาม ทุกครั้งที่ต้นไม้ดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่าน มันเป็นเหมือนกับหลุมลึกที่ไม่สามารถเติมเต็มได้เลย
“ช่างเป็นการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ!?”
เขาเกือบจะโยนต้นไม้ลงไปที่พื้น ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่สิ้นสุดของเขา หากเป็นคนอื่นได้ครอบครองต้นไม้นี้มันคงดูดพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจนหมดตัวไปแล้ว
เย่ฟ่านโบกต้นไม้อมตะอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องถึงสี่สิบเก้าครั้ง ในที่สุดใบไม้หยกสีแดงก็ส่องประกายแวววาว และแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผา
“บูม!”
มีเสียงกึกก้องดังมาจากข้างหน้า ยอดเขาขนาดใหญ่ถูกเฉือนออกจากกันราวกับคมกระบี่
“โอ้ กวาดภูเขาออกไปได้ทั้งลูก!” เย่ฟ่านประหลาดใจและรีบเก็บต้นไม้ไว้ในทะเลแห่งความทุกข์อย่างรวดเร็ว
ภายในวันเดียวกันนั้น ข่าวที่น่าประหลาดใจก็กระจายไปทั่วโลกโบราณ
ชายที่แข็งแกร่งกว่าสิบคนเข้าสู่ส่วนลึกของโลกโบราณ มีเพียงผู้ยิ่งใหญ่ครึ่งเซียนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีกลับออกไปได้ แต่เขากลายเป็นคนวิกลจริตที่กล่าวเพียงวาจาเดิมๆไปมา
“จักรพรรดิอมตะ”..
ยิ่งกว่านั้นมีคนได้ยินเสียงร้องในส่วนลึกของโลกคฤหาสน์เซียนราวกับว่าทหารหลายแสนคนกำลังรบกัน คลื่นที่น่าสะพรึงกลัวจากภายในส่งแรงกดดันออกมาถึงข้างนอก แม้แต่ประมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่กล้าเข้าไปสำรวจ
“ออกจากที่นี่กันเถอะ ราชาสัตว์อสูรโบราณกำลังจะโจมตี และสัตว์อสูรหลายแสนตัวกำลังจะสังหารมนุษย์ทั้งหมด...”
หลายคนได้รับข่าว แม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยสมบัติมากมายแต่ไม่มีใครกล้าที่จะยืนอยู่ ข่าวที่ได้รับมาล่าสุดนั้นจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของผู้บุกรุกเช่นพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินข่าว เขาไม่ได้ล่าถอยในทันที แต่ต้องการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งที่เรียกว่าราชาสัตว์อสูรนำทัพสัตว์หลายแสนตัวออกล่ามนุษย์
ในวันนี้ เขายังคงควงต้นไม้อมตะเพื่อทดสอบ ตามตำนานเมื่อวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสังเวย มันจะมีพลังอนันต์และสามารถทำลายทุกสิ่งในท้องฟ้าและพื้นพิภพได้
แต่ทว่าหลังจากทดสอบมาเกือบทั้งวัน เขาค่อนข้างผิดหวัง ใบหยกสีแดงยังสามารถทำลายล้างภูเขาขนาดใหญ่ได้ครั้งเดียวเท่านั้น
แม้ว่ายอดภูเขาจะเคลื่อนออกไปกว่าสิบลี้ แต่มันก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างเทียบเท่ากับกำปั้นของเขาแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สูญเสียไปดูเหมือนจะไม่คุ้มค่าอย่างสิ้นเชิง
เขาพูดไม่ออกชั่วขณะและคิดว่าตนเองใช้พลังศักดิ์สิทธิ์สิ้นเปลืองมากเกินไป ในการต่อสู้ที่แท้จริงพลังเช่นนี้ไม่เพียงพอที่จะสังหารยอดฝีมืออาณาจักรสี่สุดขั้วด้วยซ้ำ