เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 274
ตอนที่ 274
ในตอนนี้ หากหลินซวนขาดสติแม้เพียงนิดเดียว เขาจะตกลงสู่ห้วงจิตแห่งการสาปแช่งของฝ่ายตรงข้ามไปชั่วนิรันดร์
ทารกน้อยคำรามเสียงต่ำ ปราณวิญญาณอันหนาแน่นกระจายออกมาจากร่างของเขา บัดนี้ รัศมีกว่าสิบลี้รอบกายของเขาราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหลินซวน ปลายเท้าเขาสะกิดพื้นเพียงเล็กน้อยกลับทำให้เกิดรอยแยกยาวออกไปคล้ายแผ่นดินไหว
“มังกรครามจงฟัง สังหาร!” องค์ชายสามมองไปยังหลินซวนที่ยังไม่ถูกผนึกด้วยพลังของพยัคฆ์ขาวจึงทำมือเป็นสัญลักษณ์ด้วยความหงุดหงิดใจ พลังงานสีเขียวกลายเป็นตราประทับบางอย่างและพุ่งเข้าไปยังร่างของมังกรคราม ทำให้มังกรตนนั้นดุร้ายมากยิ่งขึ้น
ร่างของมันที่ยาวหลายพันฉื่อเริ่มสั่นสะเทือน เกล็ดมังกรลุกเป็นไฟ ความร้อนแผ่ขยายออกมาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ภูเขาที่อยู่ใกล้ถึงขั้นถูกเผาไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน เพียงชั่วพริบตาถัดมา มังกรตนนั้นก็พุ่งเข้าใส่หลินซวนทันที
“เจ้าหนอนน้ำเงิน มาดูกันว่าข้าจะทุบตีเจ้าอย่างไร!”
ทันทีที่การโจมตีของมังกรตัวนั้นบรรลุถึงร่างของหลินซวน เสี่ยวหวงก็มาปรากฏตัวเบื้องหลังเขา พลังที่ควบแน่นอยู่ในมือของหวงหาวนั้นน่าหวั่นเกรงนัก และเด็กน้อยก็ใช้พลังนั้นในการจู่โจมมังกรคราม
ขุมพลังทั้งสองเข้าปะทะกัน ก่อให้เกิดความปั่นป่วนแก่ชั้นบรรยากาศอย่างมหาศาล ผลพวงของมันทำให้ผู้บ่มเพาะบางส่วนของฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดคำโต ร่างของพวกมันคล้ายจะพังทลายและตกตายลงได้ทุกเมื่อ
“เต่าดำจงฟัง สังหาร!”
“ปักษาสีชาดจงฟัง สังหาร!”
เป็นหยิงเจาและองค์ชายสามที่ตะโกนออกมาพร้อมกันและยิงสัญลักษณ์ใส่สัตว์เทพทั้งสอง
หลินซวนและเสี่ยวหวงในตอนนี้มิสามารถจะปลีกตัวออกมารับมือสัตว์เทพที่เหลืออีกสองตัวได้ เต่าดำแห่งตะวันออกและปักษาสีชาดแห่งทิศใต้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังยิ่งกว่าพยัคฆ์ขาวและมังกรคราม ทันใดนั้นเอง หินก้อนยักษ์ในหุบเขาก็พังลงจนส่งเสียงดังลั่น เศษศิลามากมายกระจายทั่วท้องนภา
“พวกเจ้ารออันใดกันอยู่ไม่ทราบ?” หยิงเจามองไปยังผู้บ่มเพาะที่ทำหน้าโง่งมยืนนิ่งอยู่กับที่ทั้งหลายพร้อมตะคอกใส่พวกมัน
“บัดซบ!” หลินซวนและหวงหาวไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้ในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของรุ่นเยาว์ทั้งหลายที่ถาโถมเข้ามาพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะใช้ร่างกายของตนรับกระบวนท่าเหล่านั้น
ไม่ว่าหลินซวนจะทรงอำนาจเพียงใด แต่เขาย่อมไม่สามารถจะเอาชนะการลอบโจมตีที่ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดีเช่นนี้ไว้ได้
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าก้าวขึ้นไปถึงแดนแก่นทองคำ ข้าจะไปเยี่ยมเยือนพวกเจ้าทั้งหมดทีละคน!” หลินซวนโกรธแค้นยิ่งนัก เขามิใช่คนที่เริ่มเรื่องนี้เป็นฝ่ายแรก เป็นราชวงศ์อมตะส่งกองทหารนับล้านมาเพื่อทำลายตระกูลของเขาก่อน เขาจึงต้องป้องกันตนเอง
สำหรับหยิงเจาเขาก็มิได้เกลียดมันมาแต่แรกเริ่ม ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับสร้างปัญหาให้แก่เขาอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วเขาจะอดทนได้อย่างไร?
ส่วนทางด้านตระกูลหวัง เมื่อเขาบรรลุแดนแก่นทองคำเมื่อใด เขาจะฆ่าล้างพวกมันทั้งตระกูล!
“นัยน์ตาผู้ยิ่งใหญ่ จงเปิด!”
ถึงตอนนี้ เขาทำได้เพียงลดความเสียหายที่จะได้รับให้น้อยที่สุด ภายใต้พลังของดัชนีสยบจักรวาล พยัคฆ์ขาวตนนั้นกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า และพลังของดัชนียังไม่จบเพียงเท่านั้น แต่มันยังพุ่งเข้าใส่มังกรครามและต้านทานมันเอาไว้
“กายาเผด็จศึก จงตื่น!”
กล้ามเนื้อในร่างของเสี่ยวหวงเกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างกายของเขากำลังขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง จนคล้ายกับว่าเขาเป็นอสูรยักษ์ที่สามารถเขย่าโลกได้ทั้งใบ อาศัยเพียงหมัดเดียว เขาต่อยเต่าดำตนนั้นจนระเบิดเป็นชิ้นๆ กลางท้องฟ้า ก่อนเขาจะหันไปอีกด้านและคว้าจับปักษาสีชาดเอาไว้ก่อนฟาดร่างของมันลงกับผืนดิน
ภายใต้แรงกดดันอันน่าหวั่นเกรง สีหน้าของเหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่เพิ่งมาถึงยังชั้นที่ห้าจากทางเข้าอื่นของหอสวรรค์จุติแปรเปลี่ยนไป พวกเขาแผ่ปราณวิญญาณของตนออกไปรอบด้านเพื่อสำรวจว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
บ้างมีสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นก็กลายเป็นความตื่นเต้นและสงสัย คนเหล่านั้นจึงได้ใช้วิชาตัวเบาของตนทะยานร่างมายังหุบเขาที่สัมผัสได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของแรงกดดันนี้
รุ่นเยาว์เหล่านั้นต่างถือได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดของตระกูลหรือกองกำลังของตนเองทั้งสิ้น การได้พบการต่อสู้ของผู้อื่นที่ใช้ทักษะปราณอันแปลกประหลาดย่อยดึงดูดพวกเขาได้อย่างดี
หยิงเจามองไปยังร่างของคนทั้งหลายที่มาปรากฏตัวโดยรอบทำให้สีหน้าของมันมืดครึ้มยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ช้าก็เร็ว ข่าวของที่แห่งนี้จะต้องแพร่ออกไปอย่างแน่นอน
คนจำนวนนับพันกลุ้มรุมเด็กน้อยเพียงสองคน ทว่าไม่เพียงไม่อาจจับตัวทั้งคู่ได้ ยังสูญเสียคนฝ่ายตนเองไปมากมาย มิใช่ว่าสิ่งนี้จะกลับกลายเป็นเรื่องขบขันในโลกภายนอกหรอกหรือ?
“บัดซบ อัจฉริยะทั้งสองนั้นมาจากที่ใดกันแน่?”
“สีหน้าของพวกเขาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับอัจฉริยะนับพัน ช่างองอาจจนข้าไม่สามารถบรรยายได้”
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นร่างเงาของมังกรครามและปักษาสีชาด หรือว่านี่จะเป็นค่ายกลสี่สัตว์เทวะในตำนาน?”
เมื่อมองให้ดี สีหน้าของผู้มาใหม่ทั้งหลายก็ซีดเผือด อาศัยเพียงร่างเงาของสัตว์เทพตนเดียวยังมากพอจะสังหารพวกเขา ทว่าเด็กน้อยทั้งสองเบื้องหน้ากลับสามารถรับมือสัตว์เทวะทั้งสี่ได้ นี่ทำให้โลหิตในกายของพวกเขาเดือดพล่านคล้ายคนเองเป็นผู้ลงสนามต่อสู้เสียเอง
ปราณวิญญาณอันทรงพลังบรรลุถึงตัวของพวกเขาทั้งสอง ทางด้านหวงหาวที่เปลี่ยนร่างไปแล้ว แม้ว่าเขาจะดูทุลักทุเลเล็กน้อย แต่ก็มิได้รับบาดแผลอันใด ส่วนหลินซวนที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกราะสีทองจากทักษะมหาวัชระ เขาได้รับความเสียหายไม่มากเท่าใดนัก
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
อัสนีสวรรค์สีม่วงเข้มแลบแปลบปลาบอยู่เหนือศีรษะของหลินซวน พลังปราณวิญญาณอันรุนแรงห้อมล้อมกายเขา และรอบด้าน ลูกไฟอันร้อนแรงปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อเขาขยับตัว มังกรไฟตนหนึ่งก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า
หลินซวนมองไปยังคนทั้งหลายด้วยสายตากราดเกรี้ยว มือของเขาสะบัดเป็นสัญลักษณ์บางอย่างต่อเนื่อง ปราณวิญญาณมากมายถูกดึงดูดเข้ามา พลังทำลายล้างทะลักท่วมท้องนภา
สายฟ้าเส้นหนาที่แฝงการทำลายล้างพุ่งตรงเข้าใส่เหล่าผู้บ่มเพาะเบื้องหน้าหลินซวน
เสียงระเบิดดังสนั่น ฝ่ายตรงข้ามนับร้อยกลายเป็นเพียงหมอกเลือดภายใต้อัสนีสวรรค์ พลังที่น่าหวาดผวานี้แทบจะทำลายทั้งหุบเขาให้ย่อยยับลง
ในตอนนี้ ทั่วทั้งหุบเขากลับกลายเป็นเงียบงัน
ผู้คนทั้งหลายตกตะลึงกับกระบวนท่านั้นของหลินซวน เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นจากรอบด้าน
“พลังทำลายอันใดกัน ทำไมถึงมากมายนัก...”
รุ่นเยาว์ที่เฝ้ามองอยู่รอบนอกของหุบเขาถอนหายใจออกมาและรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วหลัง หากเขาต้องเจอกับการโจมตีเช่นนี้ เขาจะสามารถเอาตัวรอดได้หรือ?
“ตาย!” กลุ่มผู้บ่มเพาะจากราชวงศ์อมตะระเบิดปราณวิญญาณออกมาเพื่อทำลายความเงียบ พวกมันพยายามจะบีบบังคับให้หลินซวนยอมแพ้แต่โดยดี
บทเรียนที่ได้รับมาก่อนหน้านั้นทำให้พวกมันไม่กล้าจะต่อกรกับหลินซวนตามลำพัง พวกมันจึงร่วมมือกันเพื่อปล่อยกระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงอย่างยิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามา ดูเหมือนว่าการรวมพลังของพวกมันจะน่าประทับใจอยู่บ้าง
หลินซวนชูมือขวาของตนอย่างเชื่องช้า เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครา มังกรไฟของเขาที่เกิดจากทักษะจ้าวมังกรไฟพุ่งเข้าปะทะกับกระบวนท่าของศัตรู เปลี่ยนบริเวณหุบเขาให้กลายเป็นทุ่งเปลวเพลิงในทันที
ร่างของหลินซวนลอยไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีของค่ายกลที่เสริมเข้ามา
หลังจากหยิงเจาลอบโจมตีผ่านค่ายกลก่อนหน้านี้ หลินซวนและเสี่ยวหวงที่ได้รับบาดเจ็บและยังไม่ฟื้นฟูสมบูรณ์ นั่นจึงทำให้พละกำลังของทั้งคู่ตกลงอย่างเห็นได้ชัด
ท้ายที่สุด หลินซวนถูกอัจฉริยะตาเดียวผู้หนึ่งหยุดเอาไว้ตรงมุมของค่ายกล เมื่อหวงหาวเห็นเช่นนั้น เขากำลังจะพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถูกขัดขวางด้วยศัตรูนับร้อยและไม่อาจสลัดให้หยุดออกไปได้
“ลองหนีจากข้าให้ได้ดูสิ! ข้าสังหารอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอสัตว์ประหลาดเช่นเจ้า แต่แล้วอย่างไร? สุดท้ายเจ้าก็จะต้องตกตายภายใต้คมดาบของข้าอยู่ดี” ชายตาเดียวผู้นั้นมองไปยังหลินซวนและหัวเราะดังลั่น
“ดูเหมือนว่าสมองของเจ้าจะมีปัญหา ใครบ้างจะยืนเผชิญหน้ากับคนมากมายโดยที่ไม่หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย?” หลินซวนยังตอกกลับ เขาโมโหนักจนเอ่ยปากเช่นนี้
“ปากดี เช่นนั้นก็จงกลายเป็นวิญญาณด้วยดาบของข้าเสียเถอะ!” ชายตาเดียวระแวงว่าหลินซวนจะทำอะไรบางอย่าง มันจึงกระตุ้นปราณวิญญาณทั่วร่างและพุ่งใส่หลินซวนพร้อมดาบในมือที่สั่นไหวอย่างรุนแรงจากพลังปราณที่มันอัดเข้าไป ก่อนที่ปราณดาบจะถูกฟาดฟันเข้าใส่หลินซวนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าโดยไร้ความปรานี