ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 16 กระดูกและเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 18 เลี้ยงผี

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 17 ทักษะควบคุมวิญญาณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 17 ทักษะควบคุมวิญญาณ

แปลโดย iPAT  

เสี่ยวอันทั้งมีความสุขและสับสน

หลี่ฉิงซานค้นบ้านหมอผีอีกครั้ง เสี่ยวอันติดตามอยู่ด้านหลังก่อนที่จะยื่นมือเล็กๆดึงกางเกงของหลี่ฉิงซานและชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

หลี่ฉิงซานพบห้องลับหลังกำแพง มีตั๋วแลกเงินจำนวนมากอยู่ที่นั่น เขาจำได้ว่ามีธนาคารเอกชนอยู่บนโลกใบนี้ด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นตั๋วแลกเงินจริงๆ

หมอผีฝังเศษเงินไว้ใต้ดินตอนที่นางยังแข็งแรง แต่เมื่อนางอายุมากขึ้น นางก็ไม่สามารถขุดดินได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้นางจึงเปลี่ยนวิธีเก็บเงินเป็นตั๋วแลกเงินเพื่อความสะดวก หากนับรวมกัน มันมีมูลค่าหลายร้อยตำลึง นางมั่งคั่งมากแต่นางยังต้องการหัวหมูป่าเพียงหัวเดียว สุดท้ายนางจึงพบจุดจบเช่นนี้

ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็พบสิ่งที่เขากำลังมองหา มันเป็นกระดาษแผ่นเดียวที่ดูเหมือนถูกฉีกออกมาจากตำราเล่มใหญ่ เขากวาดตามองและตระหนักว่ามันคือทักษะการปรับแต่งและควบคุมวิญญาณ

หลี่ฉิงซานฝึกเพียงหมัดปีศาจวัว เขาไม่รู้จักทักษะอื่นๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาไม่เคยคิดว่าทักษะแปลกๆของหมอผีจะมาจากกระดาษแผ่นเดียว หากนางครอบครองตำราทั้งเล่ม คนที่เสียชีวิตในวันนี้อาจไม่ใช่นางแต่เป็นเขา

อย่างไรก็ตามหากหมอผีมีตำราทั้งเล่ม นางคงไม่ใช้เวลาครึ่งชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ หมอผีไม่ได้เป็นคนของหมู่บ้านนี้ตั้งแต่แรก หลายสิบปีก่อนนางย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่อย่างกะทันหัน ไม่มีใครรู้ที่มาของนาง สำหรับวิธีที่นางได้รับกระดาษแผ่นนี้มา หลี่ฉิงซานไม่รู้เช่นกัน

ด้านล่างของกระดาษแผ่นนี้ยังมีตั๋วแลกเงินอีกแผ่นหนึ่ง มันระบุจำนวนเงินหนึ่งพันตำลึง ตั๋วแลกเงินใบนี้กลายเป็นสีเหลืองไปแล้ว มันดูเก่ามาก เห็นได้ชัดว่ามันผ่านวันเวลามาค่อนข้างยาวนาน นางต้องได้รับมันมาก่อนที่นางจะมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ นั่นยิ่งทำให้ต้นกำเนิดของนางดูลึกลับมากขึ้น

หลี่ฉิงซานถามเสี่ยวอัน “เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่?”

เขารู้สึกว่าสิ่งนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของเสี่ยวอัน

เสี่ยวอันเงียบ มันไม่ส่ายศีรษะหรือพยักหน้า

หลี่ฉิงซานรู้ว่าคำถามนี้เกินขอบเขตที่ผีเด็กตนนี้จะตอบได้ สำหรับสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในห้องลับ เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงซานยินดีรับทุกอย่างเอาไว้ เมื่อเขากำลังจะจากไป เขารู้สึกว่าเสี่ยวอันดึงกางเกงของเขาอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานมองย้อนกลับไปและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของเสี่ยวอัน ตอนนี้มันดูเหมือนเด็กหลงทางที่น่าสงสารจนสุดจะพรรณนา หลี่ฉิงซานถอนหายใจก่อนจะนั่งลงและถาม “เจ้าไม่มีที่ไปงั้นหรือ?”

เสี่ยวอันพยักหน้า

หลี่ฉิงซานกล่าวต่อ “เช่นนั้นเจ้าสามารถเป็นสหายของข้า”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็เปิดฝาโถกระเบื้อง เขารู้ว่าเสี่ยวอันกลัวแสงแดด

เสี่ยวอันยิ้มด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะบินเข้าไปในโถ

หลี่ฉิงซานกลับมาที่บ้านของเขาพร้อมกับโถกระเบื้อง เขาฝังมันไว้หลังบ้านและทำหลุมศพเล็กๆขึ้นมา

วัวดำถาม “เจ้าทำสำเร็จหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานตอบ “รับมือหมอผีมีสิ่งใดยาก?”

เขานำสิ่งที่เขายึดมาหลังการต่อสู้ให้วัวดำดู เขาถือกระดาษไว้ในมือและถามวัวดำ “นี่เป็นทักษะบางอย่างงั้นหรือ? ข้าสามารถฝึกมันหรือไม่?”

“มันไม่สมบูรณ์ มันไร้ค่า อย่างไรก็ตามกระดาษแผ่นนี้มาจากเคล็ดวิชาที่เรียกว่าทักษควบคุมวิญญาณ ใครจะรู้ว่านางได้รับมันมาได้อย่างไร แต่การฝึกทักษะที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้นอกจากจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ มันยังจะทำลายเจ้า หากเจ้าต้องการความสำเร็จบางอย่าง เจ้าควรคว้าความแข็งแกร่งของเก้ากระทิงสองพยัคฆ์มาให้ได้ก่อน!” วัวดำชำเลืองมองเขา

“แล้วสิ่งใดดีกว่า ความแข็งแกร่งของเก้ากระทิงสองพยัคฆ์หรือทักษะควบคุมวิญญาณ?”

“หากเป็นเคล็ดวิชาดั่งเดิมของเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ มันยากที่จะพูด แม้ทักษะควบคุมวิญญาณจะไม่มุ่งเน้นการฝึกร่างกาย แต่มันสามารถควบคุมกองทัพภูตผีและเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยจำนวนตัวเลข หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะผู้ใช้งานได้ในครั้งเดียว เจ้าอาจถูกทะเลวิญญาณกลืนกินอย่างง่ายดาย”

“แล้วความแข็งแกร่งของเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ที่ข้าฝึกล่ะ?”

“แน่นอนว่าเหนือกว่า!”

ด้วยเหตุนี้หลี่ฉิงซานจึงนั่งลงและไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเก็บกระดาษแผ่นนั้นทันที

สิ่งของอื่นๆที่เขายึดมาได้ไม่มีสิ่งใดมากนอกจากเงิน เดิมทีหลี่ฉิงซานคิดว่าวัวดำจะไม่สนใจวัตถุทางโลกเหล่านี้ แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าวัวดำจะกล่าวสิ่งตรงข้ามออกมา “เยี่ยม! เปรียบเทียบกับกระดาษขาดๆแผ่นนั้น นี่คือสิ่งสำคัญ!”

มันดูถูกเคล็ดวิชาแต่ให้ความสำคัญกับเงิน! แม้แต่หลี่ฉิงซานที่เคยได้รับการสั่งสอนเรื่องการกินเนื้อและดื่มสุรามาจากวัวดำยังรู้สึกตกใจในเวลาเช่นนี้ ดูเหมือนวัวดำจะไม่ใช่นักบวชที่ละแล้วซึ่งทางโลกจริงๆ

วัวดำสามารถบอกได้ว่าหลี่ฉิงซานกำลังคิดสิ่งใดอยู่ มันพูด “เจ้าเคยได้ยินสี่คำนี้หรือไม่ ความมั่งคั่ง ความสัมพันธ์ วิธีการ และสิ่งแวดล้อม พวกมันเป็นปัจจัยสำคัญในการบ่มเพาะ ท่ามกลางพวกมัน ความมั่งคั่งสำคัญที่สุด”

หลี่ฉิงซานพยักหน้า “ไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด ข้าก็ต้องใช้เงิน”

หากวัวดำไม่ได้ให้องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดซึ่งก็คืออาหารแก่หลี่ฉิงซาน เขาจะไม่สามารถฝึกฝนทักษะใดๆแม้เขาจะครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ก็ตาม

“แต่ข้าไม่คิดว่าข้าต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้”

เงินมากกว่าหนึ่งพันตำลึงเป็นเงินจำนวนมหาศาล หากเขาใช้มันซื้อเนื้อและสุรา เขาอาจอยู่ได้อีกหลายปี

วัวดำกล่าว “เจ้ามักจะถามข้าเสมอว่าเจ้าต้องใช้เวลาเท่าใดก่อนที่เจ้าจะฝึกหมัดปีศาจวัวได้สำเร็จ”

“ถูกต้อง แต่ท่านไม่ยอมบอกข้า”

“ข้าจะบอกเจ้าเดี๋ยวนี้ ด้วยความเร็วในการฝึกฝนของเจ้า หากไม่มีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น เจ้าอาจต้องใช้เวลาสิบปีก่อนที่เจ้าจะบรรลุขั้นแรกของหมัดปีศาจวัวซึ่งนั่นจะทำให้เจ้าได้รับความแข็งแกร่งของวัวหนึ่งตัว”

“สิบปี!” หลี่ฉิงซานอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

“และนั่นคือกรณีที่ดีที่สุด หากเจ้าพบปัญหาคอขวด มันจะยิ่งยากมากขึ้น ยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากเท่านั้น เจ้าคิดว่าพลังเต๋าเป็นกลอุบายราคาถูกของชาวนางั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถฝึกฝนเพียงเล็กน้อยแล้วจะสามารถยึดครองโลกทั้งใบงั้นหรือ? ตื่นได้แล้ว!”

หลี่ฉิงซานรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นราดลงบนศีรษะ ความสุขทั้งหมดที่เกิดจากการฆ่าหมอผีหายไปอย่างสมบูรณ์ “พูดอีกอย่างก็คือหากข้าต้องการความแข็งแกร่งของเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ ข้าต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยหนึ่งร้อยสิบปีงั้นหรือ?”

เขานึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นอย่างไรหลังจากเวลาผ่านไปนับร้อยปี

“ผิด! ยิ่งระดับสูงขึ้นไป มันก็ยิ่งยาก ข้าจะไม่แปลกใจเลยหากเจ้าไม่ประสบความสำเร็จภายในสองหรือสามร้อยปี อย่างไรก็ตามเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ในแต่ละขั้นที่เจ้าบรรลุ เจ้าจะรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ อายุขัยของเจ้าจะเพิ่มขึ้น”

“แล้วข้าควรทำอย่างไร?” หลี่ฉิงซานเชื่อว่าเขามีความมุ่งมั่นมากพอและสามารถอดทนต่อการฝึกฝนอย่างหนักในทุกๆวัน อย่างไรก็ตามหากเขาต้องทำเช่นนี้ต่อไปอีกสองหรือสามร้อยปี เขาอาจเป็นบ้าไปก่อน

วัวดำกล่าวอย่างไม่พอใจนัก “เด็กน้อย รู้หรือไมว่าตอนนี้เจ้ามีพลังอำนาจอยู่ในมือ?” มันหยุดก่อนกล่าวต่อ “หากเจ้าต้องการลดระยะเวลาดังกล่าว วิธีที่ง่ายที่สุดคือความมั่งคั่ง!”

วัวดำมอบบางสิ่งให้เขา

หลี่ฉิงซานมองรายชื่อมากมายที่อยู่ในมือของเขาและตระหนักว่าพวกมันเป็นชื่อสมุนไพร เขาถาม “พวกมันคือ?”

“ใช้พวกมันทำน้ำแกงหรือใส่ในสุรา นี่เป็นกลอุบายที่แม้แต่มนุษย์ธรรมดายังรู้ มันไม่สำคัญหากเจ้าไม่สามารถหาพวกมันทั้งหมดแต่เจ้าไม่ควรพลาดสิ่งสำคัญที่สุด”

“โสม!” หลี่ฉิงซานเห็นชื่อที่อยู่ด้านบนสุดแล้ว

นี่อาจเป็นตัวยาที่พบเห็นได้ทั่วไปและหาง่ายที่สุดในโลกใบเดิมของเขา มันเป็นที่รู้จักกันในนามของจักรพรรดิแห่งสมุนไพรซึ่งสามารถเติมพลังให้กับผู้ใช้งาน ในวงการแพทย์แผนจีน พวกเขาสามารถใช้มันทำให้คนป่วยใกล้ตายมีพละกำลังมากพอที่จะลุกขึ้นมาถ่ายทอดเจตนารมณ์ครั้งสุดท้ายและทิ้งมรดกของพวกเขาเอาไว้เบื้องหลัง

“ถูกต้อง มันคือโสม!”