ตอนที่แล้วตอนที่ 19 เข้าเสินลู่อีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 ขึ้นเป็นเลเวล10และอนุสรณ์ประวัติศาสตร์เสินลู่

ตอนที่ 20 ในเสินลู่ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ


เหตุการณ์นี้ทำให้หลิงประหลาดใจมาก

การใช้แต้มคุณสมบัติอิสระทั้งหมดที่ได้มาลงในพลังเวททำให้เขาใช้สกิลฆ่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเขาสองสามเลเวลได้อย่างไม่มีปัญหา

และดาวตกนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิมถึง10เท่า

นี่มันไม่ปกติแล้ว!

“นอกจากว่ามอนสเตอร์ตัวนี้จะมีสกิลช่วยชีวิต”

นี่คือคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดในตอนนี้

โดยทั่วไปแล้วสกิลช่วยชีวิตสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในช่วงเวลาสั้นๆ

ดังนั้นหลิงอี้เลยใช้[ดาวตก]อีกครั้ง

แต่ถึงอย่างนั้น

มันเกินกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้มาก หลังจากคลื่นกระแทกของดาวตกสลายไป ในบริเวณนั้นยังมีผีเสื้อไฟจำนวนมาก!

เหนือหลุมใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสี่สิบเมตร ผีเสื้อไฟยังบินไปมาอย่างไม่รีบร้อน

มันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นี่”

ใบหน้าของเขาสตั้นไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

[คุณฆ่าธาตุไฟ(เลเวล12), ค่าประสบการณ์ +4]

[คุณฆ่า...]

[สกิล3ดาว[อัญเชิญธาตุไฟ]ถูกเก็บโดยอัตโนมัติ]

[สกิล3ดาว[ร่างกายธาตุไฟ]ถูกเก็บโดยอัตโนมัติ]

[สกิล....]

“ช่างมัน มาดูสกิลที่ดรอปก่อน”

หลิงอี้ไม่ใช่คนดันทุรัง

ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ช่างมัน เดี๋ยวไปดูในฟอรัมก็รู้เองว่าสกิลของผีเสื้อไฟคืออะไร

ตอนนี้มาดูสกิลที่ดรอปก่อน

[อัญเชิญธาตุไฟ(3ดาว)]: เรียกธาตุไฟเป็นเวลา1นาที

[ร่างไฟ(3ดาว)]: เปลี่ยนร่างกายเป็นเปลวไฟ ใช้แรงกายเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากสกิลสองอย่างนี้ ยังมีสกิลบอลไฟที่ดรอปมาด้วย

เขารู้เอฟเฟกต์ของสกิลนี้อยู่แล้วเลยไม่ตรวจสอบ

“สกิลสองอันนี้ไม่เลวเลย ศักยภาพในการกลายพันธุ์คือระดับสูงด้วย ฉันคงเรียนรู้สองสกิลนี้แล้วถ้าไม่ติดเรื่องตำแหน่งดาว”

หลิงอี้รู้สึกลังเล

ในอนาคตเขาจะได้เจอสกิลยอดเยี่ยมทุกประเภท

แต่ด้วยข้อจำกัดตำแหน่งดาวที่เหมือนกับคนอื่นๆ สกิลที่เขามีได้จึงถูกจำกัด

เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสกิลไหนมีประโยชน์กับเขามากกว่าในอนาคต

“อืม...ต้องเก็บสกิลไว้ส่วนหนึ่งก่อน อันที่เหลือก็เอาไปรีไซเคิลให้หมด”

เสินลู่มีเวลาให้จำกัด

เรื่องนี้ค่อยเก็บไว้คิดตอนกลับไปก็ได้

ตอนนี้สกิล[ดาวตก]ยังใช้ได้อยู่

หลังจากรีไซเคิลสกิลเสร็จ หลิงอี้มองผีเสื้อไฟที่อยู่ห่างออกไปอีกครั้ง

เขาตัดสินใจเปิดฟอรัมหาข้อมูลของผีเสื้อไฟ

จากนั้นไม่นาน

เมื่อค้นหาด้วยคำว่า’ผีเสื้อไฟ’ โพสต์ต่างๆก็ปรากฏขค้น

[ผีเสื้อไฟ สัตว์เลี้ยงมอนสเตอร์ธาตุไฟ! ] (โพสต์โดย: ป่าแห่งไฟ)

[วิเคราะห์สกิลผีเสื้อไฟอย่างละเอียด! ] (โพสต์โดย: หลินจงอี้หยิน)

[…]

โพสต์ยอดนิยมเหล่านี้มียอดไลค์นับพันล้านและมียอดดูหลายหมื่นล้าน (กดเข้ามาหนึ่งครั้งนับเป็นอ่านหนึ่งครั้ง)

ความร้อนแรงไม่ได้ลดลงเลย

หลิงอี้แค่อยากรู้ว่าผีเสื้อไฟมีสกิลอะไร เขาจึงกดดูโพสต์ที่สอง

หลังจากข้ามเนื้อหาไม่มีประโยชน์ไปสองย่อหน้า เขาก็อ่านช่วงวิเคราะห์สกิล

[ผีเสื้อไฟมีทั้งหมด4สกิล สกิลที่มีค่าที่สุดคือ‘อาบไฟคืนชีพ’ ความสามารถเป็นไปตามชื่อของมัน หลังจากตายจะฟื้นชีพได้เมื่อสัมผัสไฟ นอกจากนี้ยังมีสกิลไฟลุกโชน การรวมกันของสองสกิลนี้แทบทำให้ฆ่ามันไม่ได้...]

“เป็นแบบนี้นี่เอง”

หลิงอี้เลิกคิ้วขึ้น

ไม่ใช่ว่าเขาโจมตีไม่โดนหรือพวกมันหลบได้

แต่พวกมันฟื้นคืนชีพได้

“อาบไฟคืนชีพ!? เป็นสกิลที่ดีจริงๆ”

สามารถฟื้นคืนชีพได้เมื่อสัมผัสกับไฟ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สกิลอะไรที่ทำให้เกิดไฟจะไม่สามารถฆ่ามันได้

ไม่ใช่แค่สกิลที่มีไฟ การระเบิดส่วนใหญ่ล้วนมีไฟเหมือนกัน  ดังนั้นการระเบิดจึงฆ่ามันไม่ได้

รวมถึงดาวตกของหลิงอี้ด้วย

“ปล่อยพวกมันไปก่อนแล้วกัน”

หลิงอี้ปล่อย[ดาวตก]ไปยังพื้นที่อื่นในขอบเขตการมองเห็นของเขา

และทำเหมือนว่าผีเสื้อไฟไม่มีตัวตน

เพราะธาตุไฟตรงนี้มีมากพอที่จะทำให้เขาเลื่อนขึ้นเป็นเลเวล10!

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

เปลวไฟสีทองกำลังลุกโชนอยู่ด้านบน ดาวเพลิงสีแดงปรากฏบนความสูง400เมตรและตกลงมาด้วยความเร็วสูง

พวกมันตกลงมาพร้อมกับหางไฟสีทองยาวหลายสิบเมตร! เสียงเสียดสีของลมดังไปหลายร้อยเมตร!

เมื่อมันกระทบพื้นดินสีแดงก็เกิดเสียง‘ตู้ม’เหมือนเสียงฟ้าผ่าที่ดังมาจากพื้นดิน

[คุณฆ่าธาตุไฟ(เลเวล13), ค่าประสบการณ์ +5]

[คุณฆ่าธาตุไฟ(เลเวล11), ค่าประสบการณ์ +3]

[...]

......

ในเวลาเดียวกัน.

ใต้ต้นหญ้าเขียวชอุ่มของสวนผลไม้สีคริมสัน ผู้เล่นหลายร้อยคนกำลังเตรียมจากไป

พวกเขาต่างได้รับงานจากตระกูลหรือองค์กรที่อยู่เบื้องหลัง

งานของพวกเขาคือตามหาคนที่เรียกดาวเพลิงในตอนนั้น

แต่ตอนนี้

หลายคนเห็นดาวเพลิงปรากฏขึ้นอีกครั้งในส่วนลึกของสวนผลไม้คริมสัน

เพราะรู้ว่าเป็ยเรื่องยากที่จะผ่านตรงนี้ด้วยตัวคนเดียว พวกเขาจึงรวมตัวกันและวางแผนไปหาคำตอบด้วยกัน

“ถึงพวกเราไม่รู้จักกันแต่พวกเรามีจุดประสงค์เดียวกัน”

ชายอ้วนวัยกลางคนสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวและแว่นตาสี่เหลี่ยมสีดำพูดเสียงดังต่อหน้าฝูงชน

ชื่อของเขาคือจางกั้ง

เขาเป็นประธานบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางในโลกปัจจุบัน

เขาคุ้นเคยดีกับการใช้คนอื่นขับรถและรู้ว่ากลุ่มที่รวมตัวกันชั่วคราวนี้ต้องการผู้นำ

“อีกด้านของเนินหญ้าเป็นสวนผลไม้คริมสัน ฉันเพิ่งเห็นว่า...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาเห็นคนมากมายไม่สนใจเขาและเดินตรงไปยังเนินหญ้า

“เห้ย! พวกนายทำอะไรกันวะ!?”

จางกั้งตะโกนใส่พวกเขา “พอพวกนายออกไปมอนสเตอร์ก็จะเห็นทันที พวกนั้นจะไล่ตามพวกนายไปเรื่อยๆ!”

หลายคนหันมามองเขาแต่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดอยู่ดี

มีคนเดินผ่านมาแล้วมองเขาด้วยความดูถูก “หึ แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”

เมื่อได้ยินแบบนั้นจางกั้งจึงหน้าชายิ่งกว่าเดิม

เขาอยากด่ามันแต่รู้สึกว่าตัวเองสู้มันไม่ได้แน่นอน เขาจึงทำได้แค่สงบใจลงเท่านั้น

แต่จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นได้

ในโลกเสินลู่ไม่มีกฎหรือศีลธรรมอะไรทั้งนั้น ผู้เล่นแต่ละคนล้วนมีพลังพิเศษ ถ้าไม่มีพลังมากพอสั่งให้คนอื่นหุบปาก ทุกคนก็ไม่ยินดีรับคำสั่งใครทั้งนั้น

สรุปง่ายๆคือ

ในเสินลู่ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ!

จางกั้งที่เข้าใจสิ่งนี้แล้วจึงปิดปากและเดินตามคนอื่นขึ้นไปบนหญ้าอย่างเงียบๆ

เมื่อยืนอยู่บนเนินหญ้าสูง ทุกคนเห็นมอนสเตอร์ผลไม้คริมสันที่ปกคลุมทุ่งหญ้า

เบื้องหน้านั้นไกลสุดลูกหูลูกตา

“เฮ้อ”

ทุกคนพากันอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งนี้

พวกเขามองหน้ากันและเห็นแววตาที่สั่นเทาของกันและกัน

“มีมอนสเตอร์เยอะเกินไป!”

“คนคนนั้นอยู่ที่นั่นจริงเหรอ? เขาไปที่นั่นได้ยังไง?”

“ลืมไปเถอะ เอาไว้คราวหน้าดีกว่า”

“ที่นี่มันนรกชัดๆ คงไปได้ไม่ไกลแน่ถ้าไม่มีคนสักสองพันคน”

“…”

เพิ่งมีคนหลุดปากพูดออกมา

บางคนหัวเราะเยาะเขาแล้วลงจากเนินหญ้า

ผู้เล่นจำนวนมากยังแสดงท่าทางแข็งทื่อ หดหู่ หรือทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้นโดย