ตอนที่ 122 Maserati ในปี 1979
"เอ๊ะ พี่สาม"
ซูข่านที่กำลังยกแจกันได้ยินเสียงของหวงเสี่ยวเว่ย เขาหันไปมองก็เห็นหวงเสี่ยวเว่ยกับคนอีก 2-3 คน
"ผมเรียกให้พวกเขามาช่วยขนของครับพี่"
"ของมันมีเยอะเกินไป ตอนแรกผมคิดว่าผมกับเฒ่าจางน่าจะยกไปไม่ไหว"
"อื้ม"
ซูข่านพยักหน้าเล็กน้อย
"ครับพี่สาม"
หวงเสี่ยวเว่ยพนักหน้าด้วยความเคารพ เขาหันไปคุยกับคน 2-3 คน
"เร็วๆ ช่วยกันขนเร็วเข้า"
"ครับพี่"
หนึ่งในคนพวกนั้นได้พูดขึ้นมา
2-3 คนพวกนั้นเรียกหวงเสี่ยวเว่ยว่าพี่ แล้วหวงเสี่ยวเว่ยก็เรียกลู่กั๋วเฉียงว่าพี่เช่นกัน และทั้งหวงเสี่ยวเว่ยและลู่กั๋วเฉียงก็เรียกฉันว่าพี่
ซูข่านเกือบจะหัวเราะออกมาหลังจากที่คิดจบ นี่ฉันกำลังจะกลายเป็นปู่ไปแล้วอย่างงั้นเหรอ
ไม่นานคนพวกนี้ก็ได้ขนแจกันออกจากบ้านไปจนหมด
"นายรีบไปจัดการร้านซะ พรุ่งนี้ร้านต้องเปิดแล้ว"
ซูข่านพูดกับหวงเสี่ยวเว่ยที่กำลังจะขับรถออกไป
เขามาขนแจกันจากบ้านไปตกแต่งที่ร้านอาหารวังหลวง
ที่นั่นพร้อมที่จะเปิดทำการแล้ว พ่อครัวกับเด็กเสริฟก็พร้อมที่จะทำงานในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
"ได้ครับพี่สาม แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ"
หวงเสี่ยวเว่ยก้มหัวและพูดกับซูข่านด้วยความเคารพ
"ซูข่านพรุ่งนี้พาผมไปด้วยสิ"
ซูข่านหันมามองเฒ่าหลี่ข้างๆเขา
"เฒ่าจางนั้นต้องทนทุกข์ทรมานมาทั้งชีวิต เมื่อก่อนเขาเคยทำอาหารให้ผมกิน ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปมากแล้ว เขาเป็นคนรู้จักของผมเพียงไม่กี่คนเท่านั้น"
เฒ่าหลี่ถอนหายใจ
"ไม่มีปัญหา"
ซูข่านยิ้มให้กับเฒ่าหลี่
วันรุ่งขึ้น
ซูข่านได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาจัดการล้างหน้าแปรงฟันและอาบน้ำ
เขาสวมเสื้อผ้าสบายๆ บ่งบอกให้รู้ว่าวันนี้จะต้องเป็นวันสบายสำหรับเขา
หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จ ซูข่านก็ได้มานั่งดื่มชาใต้ต้นไม้ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เขามองดูที่นาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลา 17.00 น. แล้ว ซูข่านก็ได้ตะโกนออกมา
"เสี่ยวผิง เฒ่าหลี่ เสร็จรึยัง?"
เฒ่าจางกับหวงเสี่ยวเว่ยได้ออกไปร้านวังหลวงตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวเปิดร้าน
"ไม่ต้องเร่งผมก็ได้"
เฒ่าหลี่เดินออกมาจากบ้าน
ซูข่านมองไปที่เฒ่าหลี่..เฮ้ เฒ่าหลี่ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่อย่างงั้นเหรอ
"เฒ่าหลี่ วันนี้ดูหล่อมากเลยนะ ถ้าไม่ได้ไปกับฉัน บางทีฉันอาจจะคิดว่าเฒ่าหลี่ต้องไปเดตแน่ๆ"
ซูข่านพูดติดตลก
เฒ่าหลี่กลอกตาและมองที่ไปซูข่านด้วยความเหนื่อยใจ
"ฮ่าๆๆ"
ซูข่านหัวเราะออกมา
"ไปกันเถอะ"
ซูข่าน เฒ่าหลี่ เสี่ยวผิง ได้ออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังถนนไทเซียนเหมิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเขาเท่าไหร่นัก
ซู่เฟิงไม่ได้ยืนเฝ้าแถวหน้าบ้านวันนี้ เขาได้ไปตามจ้าวชิงชิงและเพื่อนๆของเธอมาที่ร้าน
ซูข่านขณะที่กำลังเดินกับเฒ่าหลี่และเสี่ยวผิงในซอย เขาก็รู้สึกมีบางอย่างไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
ซูข่านเห็นว่ามีพวกป้าๆกำลังมองมาที่พวกเขา
ไม่สิต้องบอกว่ามองมาที่เสื้อผ้าใหม่ของเฒ่าหลี่ต่างหาก
เฒ่าหลี่ไม่เคยเปลี่ยนการแต่งตัวเลยที่ผ่านมา เขาได้เงินเดือนทั้งมากมายแต่เขาก็เลือกที่เก็บมันเอาไว้
ซูข่านเห็นแบบนี้ก็ได้หันไปล้อเลียนเฒ่าหลี่
"เฒ่าหลี่ก็เสน่ห์แรงไม่เบานี่นา"
เสี่ยวผิงได้ยินก็เอามือขึ้นมาปิดปากและหัวเราะออกมาทันที
"รีบไปจากนี่กันเถอะ"
ใบหน้าของเฒ่าหลี่เปลี่ยนทันที เขาเดินนำหน้าซูข่านด้วยความดุเดือด
ผ่านไปไม่นานประมาณ 2-3 นาที ซูข่านก็ได้เดินออกมาจากซอยและมายังที่ถนนไทเซียนเหมิน
ระหว่างที่เดินบนถนนไทเซียนเหมินซูข่านก็ได้กลิ่นดินปืนอยู่
นี่คือกลิ่นของประทัด ดูเหมือนจะเพิ่งจุดได้ไม่นานด้วย
บริเวณหนานจิงตอนนี้ไม่มีเทศกาลใดที่ต้องใช้ประทัดจุด
ซูข่านเลยรู้ได้เลยว่านี่ต้องเป็นประทัดจากร้านวังหลวงแน่นอน
ยิ่งซูข่านเดินไปเรื่อยๆก็เขาก็เห็นเศษกระดาษสีแดงอยู่ตามพื้น เป็นกลุ่มบาง เป็นเศษบาง
แน่นอนแล้วว่านี่เป็นประทัดที่จุดจากร้านวังหลวงของเขา
เมื่อเงยหน้ามองไปข้างหน้าซูข่านก็เห็นร้านอาหารวังหลวงของเขาอยู่ข้างหน้าไม่ถึง 10 เมตร
มีป้ายที่เขียนชื่อร้านอยู่ด้านบน เป็นตัวอักษรที่กำลังพอดีไม่ใหญ่เกินไป
ที่ประตูทางเข้ามีโคมสีแดงห้อยประดับอยู่ทั้งสองข้าง
"ว้าว รถเยอะจัง"
เสี่ยวผิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ซูข่านมองไปที่รอบๆ
เขาเห็นรถยนต์จำนวนมากจอดเรียงรายอยู่
รู้อะไรไหมในปี 1979 นี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีรายได้พอจะซื้อรถ
ถ้าเทียบกับยุคปัจจุบัน รถยนต์ในสมัยนี้ก็เหมือนซูเปอร์คาร์
แต่ตอนนี้มีรถยนต์ Maserati ชื่อดังจากอิตาลีมาจอดใกล้ร้านวังหลวง
ซูข่านเห็นก็อดยิ้มไมไ่ด้ แสดงว่ามีคนมากินที่ร้านกันเยอะมาก
สภาพของรถยนต์แต่ละคันก็ดูหรูมีระดับ
"เอ๊ะ พี่สาม"
จากนั้นเสียงของเสี่ยวเว่ยก็ดังขึ้นที่ประตู
เสี่ยวเว่ยเห็นซูข่านและคนอื่นๆก็ทักทายอย่างรวดเร็ว
"พี่สามมาถึงแล้วสินะครับ"
เสี่ยวเว่ยพูดอย่างตื่นเต้น
ซูข่านเป็นคนที่ก่อตั้งร้านนี้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงแรงไปกับร้านแต่ก็ได้ลงเงินเป็นจำนวนมาก
เสี่ยวเว่ยคิดว่าพี่สามจะต้องมาดูร้านนี้ให้เห็นด้วยตัวเองแน่นอน