Ep.262 - รางวัลส่งมาแล้ว
1/3
Ep.262 - รางวัลส่งมาแล้ว
แผงสเตตัสของเสี่ยวไป๋สามารถทำให้คนอิจฉาจนตายได้
ก็รู้อยู่หรอกว่าเสี่ยวไป๋น่ะแข็งแกร่ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะทรงพลังถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อลองคิดตามดูดีๆ ก็พบว่าฟังดูสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
ภายนอกเสี่ยวไป๋อาจดูเหมือนเป็นแค่เด็กสาวอายุ 13 14 ปี แต่อันที่จริงแล้ว ถ้านับอายุกันจริงๆ เสี่ยวไป๋อาจมีอายุไม่น้อยไปกว่าฮังอวี่
มนุษย์พึ่งเข้าสู่โลกวิญญาณได้เป็นเวลาไม่ถึงสองเดือน
ขณะที่เสี่ยวไป๋คือสิ่งมีชีวิตระดับสูงโดยกำเนิด
หรือก็คือเธอเป็นเจ้านายในถิ่นของตัวเองมาเป็นเวลายาวนานกว่าสิบๆปีแล้ว ดังนั้นสมควรมีเวลานานพอที่จะสะสมอะไรต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นสกิล
หรือวัตถุดิบทุกชนิดที่เพิ่มค่าคุณสมบัติของตัวเองทีละเล็กทีละน้อย
ดังนั้น มนุษย์จึงไม่อาจเทียบกับชาวพื้นเมืองในโลกวิญญาณได้ในแง่มุมนี้
แน่นอน ในฐานะผู้มาเยือน มนุษย์เองก็สามารถได้รับประโยชน์จากโลกวิญญาณเช่นกัน พวกเราได้รับสกิลพรสวรรค์อันหลากหลาย และฟังก์ชั่นเเสริมบางอย่างเช่นมิติเก็บของ การอัพเลเวลที่ง่ายกว่า ฯลฯ
ฮังอวี่สังเกตเห็น
แม้จะอยู่ในเลเวล 8 เหมือนกัน แต่เสี่ยวไป๋กลับต้องใช้ 6000 แต้มวิญญาณในการอัพเลเวล ขณะที่เขาต้องการเพียง 5000 เท่านั้น ซึ่งนี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถอัพเลเวลได้ไวกว่าภูติมายาระดับสูง และเร็วกว่าเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณ
อย่าได้ประมาทช่องว่างเพียงเล็กน้อยนี้เชียว
เพราะในระยะยาว การอัพเลเวลแต่ละขั้นจะต้องจ่ายราคามหาศาล
หากสามารถลดค่าใช้จ่ายในแง่แต้มวิญญาณและวัสดุ โอกาสและศักยภาพของมนุษย์ดีจะขึ้นมาก
ฮังเสี่ยวไป๋ยังคงสูญเสียพลังรบส่วนใหญ่ของเธอ แต่พลังที่สูญเสียไปจากรอยแยกมิติสุดท้ายจะถูกเติมเต็มอย่างง่ายดาย มันจะค่อยๆฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นการเติบโตของเธอจะเป็นไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งกลับคืนสู่สภาพเดิม
ข้อจำกัดของผู้ที่อยู่ในสัญญาอุปการะมีดังนี้
1. ผู้ถูกอุปการะไม่สามารถฆ่าหรือทำร้ายผู้อุปการะได้
2.ผู้ถูกอุปการะไม่สามารถทรยศต่อผู้อุปการะ
3.เลเวลของผู้ถูกอุปการะจะต้องไม่เกินกว่าเลเวลของผู้อุปการะ
4.ผู้ถูกอุปการะจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในจิตใต้สำนึกของผู้อุปการะ และในเวลาเดียวกันก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดบางประการเพื่อเชื่อฟังผู้อุปการะ
จากมุมมองข้อจำกัดทางสัญญา
แม้จะไม่สมบูรณ์เท่ากับสัญญาสัตว์วิญญาณ
แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยังอยู่ในสถานะห้ามทรยศ
อาจกล่าวได้ว่าแม้ฮังอวี่จะเสนอข้อกำหนดที่มากเกินไป แต่ฮังเสี่ยวไป๋ก็จะยังเชื่อฟังและปฏิบัติตามโดยไม่รู้ตัว ...
แน่นอน
ด้วยบุคลิกของเสี่ยวไป๋ที่เป็นคนว่าง่าย
ต่อให้ไม่มีสัญญาอุปการะ สถานการณ์ก็คงแทบไม่ต่างกัน
นอกจากข้างต้นแล้ว สัญญาอุปการะยังนำมาซึ่งความสะดวกสบายและผลประโยชน์ต่างๆ
ประเด็นหลักๆมีดังนี้
1. ผู้อุปการะกับผู้ถูกอุปการะสามารถจัดแบ่งอัตราส่วนแต้มวิญญาณที่ได้จากการต่อสู้ได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องทำสัญญาร่วมทีม
2.ผู้อุปการะสามารถมอบบางสิ่งที่เป็นของตัวเอง(ไม่สามารถมอบแก่บุคคลภายนอก) ให้แก่ผู้ถูกอุปการะได้ชั่วคราว เช่น อุปกรณ์ที่ผูกวิญญาณของตัวเอง หรือสัตว์วิญญาณ
3.เมื่อผู้ถูกอุปการะและผู้อุปการะร่วมมือกันสู้ พวกเขาจะได้รับความคุ้มครองตามสัญญา ส่งผลให้สกิลโจมตีในระยะไกลมีโอกาสน้อยมากๆที่จะทำร้ายกันและกัน นี่ช่วยให้สามารถประสานงานกันได้ดีขึ้น
ฮังอวี่รู้เรื่องพวกนี้มานานแล้ว
เขาอัญเชิญราชินีมดหน้าคน
“เสี่ยวไป๋ ราชินีมดหน้าคนฝากไว้กับเธอชั่วคราว ตอนอยู่ในโลกวิญญาณ เธอสามารถขี่มันสู้ได้”
ฮังเสี่ยวไป๋พยักหน้าทันที และรับเอาสัตว์ววิญญาณมา
นี่คือความสะดวกที่เกิดจากสัญญาอุปการะ
สัตว์วิญญาณก็เปรียบเสมือนอุปกรณ์ผูกวิญญาณ
มันไม่สามารถมอบให้ผู้อื่นได้ ยิ่งเป็นการใช้งานมิติสัตว์วิญญาณยิ่งแล้วใหญ่ แต่เนื่องจากเสี่ยวไป๋เป็นผู้ถูกอุปการะของฮังอวี่ ดังนั้นเขามีสิทธิ์มอบมันให้เธอชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม กรรมสิทธิ์สัตว์วิญญาณยังคงเป็นของฮังอวี่
จุดประสงค์ที่ฮังอวี่ทำแบบนี้ก็เพราะอัตราการฟื้นฟูแต้มวิญญาณในร่างของเสี่ยวไป๋นั้นค่อนข้างเร็ว หากเขาพาเธอเข้าสู่โลกวิญญาณ เข้าต่อสู้กับมอนสเตอร์อีกครั้ง แต้มวิญญาณของเธอก็จะยิ่งเติบโตเร็วขึ้น
แต่ประเด็นก็คือ
เสี่ยวไป๋ไม่สามารถมีเลเวลเหนือกว่าตัวเขาได้
หากเป็นแบบนั้น เมื่อแต้มวิญญาณเต็ม มันจะไม่เสียเปล่าหรือ?
ดังนั้น ฮังอวี่จึงมอบสัตว์วิญญาณตัวหนึ่งให้เธอ เมื่อเสี่ยวไป๋ต่อสู้ แต้มวิญญาณก็จะถูกแบ่งปันแก่ราชินีมด
และราชินีมดไม่ใช่ตัวตนง่ายๆ
ฮังอวี่เชื่อว่าเมื่อมันมาถึงเลเวลเดียวกันกับเขา พลังรบของมันจะมากยิ่งกว่าหวังเอ๋อซะอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกิลอัญเชิญจะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆตามเลเวล มันจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต
วันถัดมา
เช้าตรู่
ฮังอวี่พึ่งลุกจากเตียง
อาจารย์ซูก็ผลักประตูเข้ามา ลากเขาไปในห้องนอนเธอ
ฮังอวี่อ้าปากหาวเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง “อาจารย์ซูมีเรื่องอะไร หรือชาลู่จะยอมแพ้แล้ว?”
มองไปยังรอยหมองคล้ำใต้ตาจองหญิงงามซู
ฮังอวี่ก็รู้ได้ทันที ว่าในคืนที่ผ่านมา หญิงงามซูอยู่กับมนุษย์ปลาทั้งคืน คาดว่าคงระดมเนตรมนต์เสน่ห์ใส่มันอย่างบ้าคลั่งเมามัน
คงเป็นเรื่องยากจริงๆสำหรับอาจารย์ซู
ที่ต้องคอยขยิบตา ส่งสายตาหวานแหววให้แก่มนุษย์ปลาน่าเกลียด
หากเป็นคนอื่น เกรงว่าพวกเขาคงป่วยไปแล้ว
มนุษย์ปลาขี้เหร่อย่างชาลู่เองก็โชคร้ายเช่นกันที่ถูกมนุษย์จับได้
สุนทรียศาสตร์ระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการได้เห็นความงดงามอันน่าทึ่งในสายตามนุษย์ มันจึงไม่รู้สึกยินดีใดๆ จากเดิมที่สมควรเป็นความเพลิดเพลิน กลับกลายเป็นเรื่องที่ต้องทนเจ็บปวดทรมาน
ซูหยุนปิงยิ้มขม กล่าวว่า “ถึงผลของเสน่ห์จะนานขึ้นในแต่ละครั้ง แต่ก็ยังเป็นไปอย่างยากลำบาก”
“เกรงว่าอาารย์คงต้องทนลำบากมากกว่านี้อีกหน่อย”
ฮังอวี่ไม่ค่อยพอใจนักกับความคืบหน้าที่ค่อนข้างช้า แต่เขาเข้าใจดี
“อาจารย์ซูพักการหว่านเสน่ห์เจ้ามนุษย์ปลาน่าเกลียดนี่เอาไว้ก่อนก็ได้ ผมเห็นว่าอาจารย์ใกล้อัพเลเวลแล้ว เพราะงั้นตอนนี้รีบไปกินอาหารช่วยที่เพิ่มพลังงานสูงๆกับโพชั่นลับแต้มวิญญาณของมนุษย์ปลาให้เลเวล 7 ก่อนดีกว่า”
“ไม้เท้านี้คือไม้เท้าสีเขียวเลเวล 7 ที่ผมได้มาจากลิซเมื่อวาน มันช่วยเพิ่มพลังวิญญาณได้ 5 หน่วย คุณภาพดีมาก อาจารย์เอามันไปใช้ก่อนได้”
ฮังอวี่ไม่ต้องการรอนานเกินไป เขาจึงลับคมให้มีด
ซูหยุนปิงรู้สึกซาบซึ้งมากสำหรับเรื่องนี้
อาหารวิญญาณพลังงานสูงน่ะเธอสามารถหาซื้อเองได้ แต่โพชั่นลับแต้มวิญญาณไม่มีขายทั่วไป ต่อให้มีในร้านโพชั่นมังกรฟ้าก็ใช่ว่าจะหยิบมาใช้ส่วนตัวได้ในปริมาณมาก แต่ถ้าฮังอวี่อนุมัติมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
นอกจากนี้ ฮังอวี่ยังนำไม้เท้าของลิซมาให้เธอใช้
ห้ามลืมนะว่าน้องสาวของคนๆนี้ เสี่ยวไป๋เองก็เป็นผู้ใช้วิญญาณเช่นกัน
ซูหยุนปิงเป็นคนมุ่งเน้นไปที่การกระทำ แทนที่จะใช้ฝีปากสรรหาคำขอบคุณมากมาย เธอตัดสินลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อเขา
หลังจากอยู่ร่วมกันมาสองวัน
เวลานี้ ซูหยุนปิงเชื่อมั่นในตัวฮังอวี่อย่างเต็มหัวใจแล้ว
ตอนนี้เธอเปิดโน๊ตบุ๊คและยื่นข่าวหน้าหนึ่งให้แก่เขา “นี่คือสิ่งที่ฉันอยากให้นายเห็น”
ฮังอวี่กวาดสายตามอง
แล้วเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
[ประกาศจับจากสกายเน็ต] : สามคนนี้คือบุคคลอันตรายจากโลกวิญญาณ หากพบเห็นโปรดอย่าติดต่อกับพวกเขา ใครแจ้งเบาะแสจะได้รับรางวัล!
ส่วนรายละเอียดข่าวเขียนว่า
ในช่วงเช้าตรู่ของวานนี้ ชนชั้นยอดของสกายเน็ตพบบุคคลทั้งสามจากโลกวิญญาณและได้ต่อสู้กัน แต่ใครจะคิดว่าพวกมันทรงพลังและมีไหวพริบมาก ฝ่าการปิดล้อมของสกายเน็ตหลบหนีเข้าไปในเขาวงกตใต้ดิน
และอาจปรากฏตัวขึ้นในเจียงเฉิงอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เป็นผลให้พวกเขาออกประกาศฉบับนี้
และบนหน้าจอยังมีรูปของทั้งสาม
มือกระบี่ดาร์คเอลฟ์ตัวสูง แวมไพร์ผมบลอน์รูปหล่อ และแม่มดซัคคิวบัสผู้เย้ายวน
ซูหยุนปิงกล่าวอย่างเสียใจ “ฉันไม่นึกเลยว่าสกายเน็ตจะเจอพวกเขาเร็วขนาดนี้”
“แบบนี้ที่พวกเราทำจะไม่ถูกเปิดเผยใช่ไหม?”
“ไม่ต้องกังวลไป สามคนนี้คงกำลังสับสน ไม่มีทางที่พวกมันจะรู้ว่าเราเป็นคนชี้นำ และพวกมันคงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราด้วยซ้ำ”
งั้นก็โล่งอกไปที!
“ไม่ต้องกังวล พวกเราหันมาทำเรื่องของตัวเองกันก่อน” ฮังอวี่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก “ด้วยสมาชิกแค่สามคน พวกเขาไม่น่าก่อความวุ่นวายได้มากในตอนนี้”