ตอนที่แล้วบทที่ 6: ถูกโบย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8: ศาลาสะสมตำรา

บทที่ 7: เหมือนจะเมตตา


เย่เซิงเดินโซเซกลับไปที่เรือนของตนและนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าที่มืดหม่น

“ต้องออกจากไอ้หวางฝู่เส็งเคร็งนี่เร็ว ๆ แล้ว  ไอ้ที่จัญไรนี่โคตรอันตรายเลย  ถ้าเกิดโดนพวกมันจับได้ว่าฝึกยุทธ์อยู่จริง ๆ ล่ะก็คงไม่โดนแค่ไม้พายทัพห้าสิบไม้นี่แน่ ๆ” เย่เซิงกัดฟันแน่น  ในใจเขายังรู้สึกโกรธแค้นอยู่เลย  ตอนแรกเขาไม่ได้เต็มใจไปฝึกซ้อมห่านเหวเชรี่ยไรกับไอ้สารเลวเย่ชิ่งนั่นเลยด้วยซ้ำ  แทนที่ไอ้เย่หวางเหย่มันจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาดี ๆ แต่ไอ้สลัดนั่นมันดันสั่งโบยเขาไปตั้งห้าสิบไม้  ไอ้ความไร้หัวใจนั่นมันก็ช่างน่าหมั่นใส้ซะจริง ๆ

“เอ็งไม่ให้ตูเรียนรู้วรยุทธ์ยังไม่พอ  แค่จะออกจากบ้านเอ็งก็ยังไม่ยอมอิก  เป็นเชรี่ยไรกันนักกันหนาวะฮะ?” เย่เซิงได้แต่นอนสบถด่าแล้วก็ถอนหายใจยาว ๆ ให้กับชีวิตอันแสนบัดซบของตน  เพราะว่าถ้าแค่โดนทุบตีแล้วเขาสามารถออกจากบ้านได้เขาจะไม่คิดอะไรมากเพราะแลกกับอิสรภาพแล้วมันคุ้มเกินคุ้ม  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าโดนทุบตีไปเฉย ๆ โดยไม่ได้อะไรเลยเนี่ยสิ  จะให้ใช้วิธีไหนในการทำใจยอมรับมันได้?

“มันว่าให้เราเข้าใช้ศาลาสะสมตำราได้  แต่ไอ้ศาลาสะสมตำราบ้านพ่องนี่ก็ดันไม่มีคัมภีร์ยุทธ์ซักเล่ม  มันมีหนังสือหนังตำราเรียนทั่วไปเยอะแยะก็จริง  แต่ที่ตูอยากได้คือคัมภีร์วรยุทธโว้ย  แล้วในนั้นมันมีที่ไหนล่ะวะไอ้เวรเอ๊ย?” เย่เซิงดื้อรั้นแต่ก็ยังตั้งใจอย่างแน่วแน่  และเขาก็ไม่พอใจกับสภาพนี้เห็น ๆ

เย่เซิงใช้เวลาทั้งคืนพยาบาลบาดแผลและวางแผนอนาคตว่าจะทำยังไงต่อไปดีไปด้วย

เขานั้นต้องซ่อนฝีมือของตัวเองจากทุกผู้ทุกนาม  ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนทำตัวจ๋องกรอด  หลีกเลี่ยงความขัดแย้งทุกประเภทและเฝ้ารอให้ชาวโลกในตันเถียนทะลวงระดับให้ได้เพื่อที่เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของเหล่าชาวโลกได้

ตราบใดที่ชาวโลกหนึ่งร้อยคนสามารถเลื่อนเป็นโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าได้ล่ะก็  เย่เซิงสามารถใช้พลังของคนเหล่านั้นมาเสริมกำลังให้ตัวเองได้  แม้ว่าโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าจะฟังดูกระจอกมาก ๆ ก็ตาม  แต่ว่าเย่เซิ่งสามารถคูณพลังของตนเองได้ตามจำนวนของคนเหล่านั้น  ถ้ามีร้อยคนก็คูณร้อย  และด้วยพลังขนาดนี้ทำให้เขาอาจถึงขั้นสามารถซัดกับโฮ่วเทียนห้าชั้นฟ้าได้เลย

และด้วยพลังในขั้นนั้นมันก็ทำให้เขามีต้นทุนในการออกจากบ้าน

ในตอนกลางคืน  ทุก ๆ คนในหวางฝู่ได้ยินเรื่องราวที่ทั้งเย่เซิงและเย่ชิงโดนไม้พายทัพโบยกันทั้งหมดแล้ว

ไอ้เย่ชิงที่โดนทุบจนสลบไปนั้นด้านหลังเต็มไปด้วยแผลเหวอะ  อีนังหูเหมยแม่มันก็ร้องห่มร้องให้อย่างหนักทันทีที่เห็นสภาพอันน่าเวทนาของลูกชาย  ใจของนางนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเย่หวางเหย่  แต่ก็ไม่อาจระบายใส่ผัวนางไปตรง ๆ ได้  ดังนั้นอีนังนี่เลยเบนเข็มมาลงที่เย่เซิงแทน

“ไอ้สารเลวน้อยนั่นมันกินบัวหิมะเทียนซานของข้าไปแล้วยังไม่ยอมพูดเรื่องดี ๆ ให้เจ้าอีก  หากข้ารู้ว่าเรื่องจะถึงขั้นนี้ข้าคงยอมปล่อยให้มันตกตายไปเสียเลยจะดีกว่า  ไม่ต้องมาอยู่ให้รกหูรกตาข้าเช่นนี้” อีหูเหมยได้แต่ก่นด่าสาปแช่งเย่เซิงให้รีบ ๆ ไปตาย

ส่วนไอ้เย่ชิงก็นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง  ยาทาสมุนไพรคุณภาพสูงนั้นได้ผลดีเลยทีเดียว  อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้มันลดความเจ็บปวดลงไปได้เยอะมาก ๆ

“ท่านแม่  ไอ้เย่เซิงมันสมควรตายนัก  ถ้าไม่ใช่เพราะมันข้าคงไม่ต้องมาโดนลงโทษเช่นนี้  ข้าจะต้องฆ่ามันให้จงได้” ไอ้ตัวทำผิดแล้วยังไม่สำนึกยังคงมีแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต  แต่ละคำที่มันพ่น ๆ ออกมามีแต่ผูกพยาบาทและการฆาตกรรมเย่เซิงทั้งสิ้น

อีหูเหมยก็มองลูกชายหน้าโง่ของตัวเองอย่างเย็นชา “ฆ่า ๆ ๆ ๆ ในหัวสมองโง่ ๆ ของเจ้ารู้จักแค่วิธีฆ่าอย่างเดียวหรืออย่างไรฮะ?  งั้นเจ้าก็ลองบอกมาซิว่าจะฆ่ามันยังไงถึงจะได้!”

“ไอ้ตัวเสนียดนั่นมันเอาแต่หมกอยู่ในเรือนรูหนูโกโรโกโสของตัวเองไม่ยอมออกมาสุงสิงกับใครเลย  จนข้าต้องโดนนายหญิงใหญ่ตำหนิอย่างรุนแรง  แล้วถ้ายังจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอีกคำพูดของข้าในตระกูลนี้คงไม่เหลือน้ำหนักอะไรอีกต่อไปแล้ว  เย่หวางเหย่กลับบ้านมายังไม่แม้แต่จะมองหน้าข้าเสียด้วยซ้ำ  หากเจ้าตัวไม่พิโรธอย่างหนักจริง ๆ มีหรือจะเป็นแบบนี้ได้” หูเหม่ยบ่นด้วยความหงุดหงิด

“โธ่ท่านแม่  เรื่องนั้นมันก็ไม่เห็นจะยากลำบากอะไรเลย  ลูกมีความคิดดี ๆ แล้ว” ไอ้ตัวบัดซบของแท้ยิ้มอย่างชั่วร้ายให้แม่มัน

“ความคิดอะไรอีก?  คงไม่ใช่ความคิดโง่ ๆ อีกหรอกนะ” หูเหม่ยเหน็บแนมพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ท่านแม่ล่ะก็  อีกไม่นานก็จะเป็นวันที่สิบห้าเดือนเจ็ดแล้วนะขอรับ  เทศกาลวันเบ็ญ (วันไหว้เซ่นไหว้บรรพบุรุษทางไทยเขมรเรียกวันเบ็ญ  มันสั้นดีเลยขอใช้คำนี้) แล้วไอ้เย่เซิงมันก็ต้องออกไปกราบอีแม่สุนัขของมันอย่างแน่นอน  นั่นถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะลงมือ” ไอ้เย่ชิงยังคงยิ้มอย่างชั่วร้ายอยู่

แต่แม่มันกลับลังเล “มันพึ่งจะโดนนายท่านสั่งโบยจนบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้เจ้า  อีกเพียงอาทิตย์เดียวก็จะถึงวันเบ็ญแล้ว  เจ้าคิดว่ามันจะหายทันไปกราบศพนังหมาตัวเมียแม่มันอย่างนั้นเหรอ?”

“ถ้าอย่างท่านแม่ก็ส่งขี้ผึ้งนี่ไปให้มันทาด้วยสิขอรับ  รับรองว่ามันต้องหายดีภายในอาทิตย์เดียวแน่ ๆ นายหญิงเฒ่าก็สัญญากับมันไปแล้วว่าจะยอมให้มันไปกราบศพอีหมาตัวเมียนั่นได้  ถ้าหากมันเดินได้ล่ะก็ลูกมั่นใจเลยว่ามันต้องไปอย่างแน่นอน” ดวงตาของไอ้เย่ชิงสาดประกายอย่างเย็นชา  มันนั้นไม่รู้ว่าจะเกลียดชังเย่เซิงอะไรนักหนา  มันเกลียดชังเขาจนเข้าไปยันแก่นกระดูก  และที่มันพูด ๆ แผนการออกมานี่ย่อมแสดงว่ามันคงจะวางแผนเรื่องนี้ไว้ทั้งหมดมานานแล้ว

เมื่อได้ยินแล้วดวงตาของอีคนเป็นแม่ก็เป็นประกายด้วย “เจ้าพักฟื้นไปเถอะเดี๋ยวแม่จะไปจัดการเรื่องนี้เอง  แม่จะไปหาพวกชนชั้นต่ำที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเราให้ไปลงมือแทน  หากสามารถฆ่าไอ้สารเลวน้อยเย่เซิงนั่นได้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคุ้มค่า”

ไอ้เย่ชิงก็ตอบเบา ๆ ไปว่า “ถ้าอย่างนั้นลูกจะรอฟังข่าวดีนะขอรับ”

...

ดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้า  และแสงจันทร์สลัวส่องลงพื้น  สาวใช้แสนสวยคนหนึ่งเดินไปที่เรือนของเย่เซิงพร้อมขวดขี้ผึ้งหนึ่งขวด

“คุณชายสิบสองอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ?” นางเรียกด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ

เย่เซิงขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไร?”

“นายหญิงสองได้ยินมาว่าคุณชายกับคุณชายสิบสองถูกโบยจึงขอให้บ่าวส่งขี้ผึ้งทาแผลมาให้เจ้าค่ะ  ขี้ผึ้งนี้เป็นยาที่จะช่วยให้คุณชายฟื้นตัวเร็วขึ้นและป้องกันรอยแผลเป็นด้วยนะเจ้าคะ” สาวใช้กล่าว

‘หา?  แล้วไมอีเหมยมันต้องมาทำดีกะตูด้วยวะ?’

เย่เซิงไม่เชื่อแม้แต่น้อย  เขาส่ายหัวและพูดว่า “ข้าขอบคุณความเมตตาของนายหญิงสองยิ่ง  แต่ข้าเป็นเพียงลูกนางสนมไม่สมควรได้ใช้ยาคุณภาพสูงเช่นนี้หรอก”

“คุณชายสิบสองโปรดอย่าพูดอย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ  คุณชายอาจเป็นบุตรของนางสนมก็จริงอยู่  แต่ก็ยังคงเป็นบุตรของเย่หวางเหย่ด้วย  นายหญิงสองสองรู้สึกกับท่านไม่ต่างจากบุตรหลานของตน  และนี่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวจากที่เรามีทั้งหมด  นายหญิงสองสองบอกว่าถ้าคุณชายไม่ใช้ขี้ผึ้งนี้ล่ะก็อาจต้องใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนถึงจะหายดีเลยนะเจ้าคะ” อีสาวใช้ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อม

และมันก็ได้ผล  หลังจากที่เย่เซิงหล่อนพูดเขาก็เริ่มลังเล

เขาเชื่อว่าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าเขาจะฟื้นตัวจริง ๆ และก้นของเขาตอนนี้ก็ขยับไม่ได้เลยด้วย  หากต้องอยู่แบบนี้ไปตลอดทั้งเดือนเขาคงอึดอัดจนทนไม่ไหวจริง ๆ

“ตอนนี้ข้าไม่อาจขยับตัวได้เลย  เอายาเข้ามาวางไว้ให้หน่อย” เย่เซิงกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

‘จะเป็นกับดักป่าวก็ไม่รู้แหล่ะ  แต่ไอ้ครีมนี่มันต้องใช้ได้ชัวร์ ๆ และเราก็ต้องรีบหายไว ๆ ด้วย’

เย่เซิงไม่คิดว่าอีนังนายหญิงสองนั่นมันจะโง่ถึงขนาดวางยาพิษใส่ครีบทาตูดนี่แน่ ๆ เรื่องนี้เดาได้ง่าย ๆ เพราะว่าถ้ามันโง่ล่ะก็มันคงไม่กุมอิทธิพลในบ้านตระกูลเย่ได้เยอะถึงขนาดนี้ได้หรอก

สาวใช้ถือขี้ผึ้งเข้ามาอย่างเชื่อฟัง  จากนั้นนางก็ถามว่า “คุณชายสิบสองต้องการให้บ่าวช่วยทาให้หรือไม่เจ้าคะ?”

เย่เซิงส่ายหัว “ไม่ต้อง  เจ้ากลับไปขอบคุณนายหญิงสองให้ข้าด้วย”

“เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” สาวใช้พูดลาอย่างสุภาพโดยวางขวดขี้ผึ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง

เย่เซิงเอื้อมมือออกไปและใช้พลังชี่เคลื่อนมันเข้ามาหาตัว  จากนั้นก็เปิดขวดออกมาดมดู  กลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์ทะลวงเข้ารูจมูก  เขาสามารถบอกได้ว่ามีสมุนไพรหายากหลายชนิดผสมกันในขี้ผึ้งนี่

สมุนไพรทั้งหมดเหล่านี้เป็นสมุนไพรที่หายาก  ดังนั้นมันจึงรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างยอดเยี่ยมนักแล

“แล้วตกลงว่าแม่ของไอ้เย่ชิงมันวางกลอุบายเชรี่ยไรอยู่กันแน่วะ?” เย่เซิงขมวดคิ้วครุ่นคิดแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

‘ไอ้เย่ชิงมันเกลียดเราจนสุดหัวใจแท้ ๆ และทุก ๆ คนต่างก็รู้ว่าอีหูเหม่ยมันเอาอกเอาใจลูกชายสารเลวของตัวเองเบอร์ไหน  พวกมันทั้งคู่ต้องเกลียดชังเราจนแทบจะทนกระโดดมากัดคอเราไม่ไหวแล้วแน่ ๆ แล้วทำไมว้า  ทำไมมันถึงได้ใจดีส่งครีมทาแผลมาให้แบบนี้?’

“เอาวะ  ไม่สนหรอกว่าพวกเอ็งแม่ลูกจะมีลูกไม้อะไรอีก  รอให้หายดีก่อนเด๋วค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า” ว่าแล้วเย่เซิงก็รีบทาครีมลงบนบาดแผลและรู้สึกได้ทันทีว่าความเจ็บปวดนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างน้อยตอนนี้เย่เซิงก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม  ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักมากในวันนี้  และเย่เซิงก็ค่อย ๆ หลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเย่เซิงตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าบาดแผลของเขาเริ่มตกสะเก็ดอย่างช้า ๆ แล้ว  ตราบใดที่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวมากเกินไปพวกมันก็จะไม่ฉีกออก

“ครีมนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ แฮะ  แบบนี้ล่ะก็เราสามารถหายดีได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ชัวร์” เย่เซิงอุทาน

แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มรู้สึกระวังตัวเย่ชิงและแม่ของมันมากขึ้นไปอีก  หมาเห่าไม่กันส่วนหมากัดมักไม่เห่า  งูพิษที่ทำเป็นนิ่ง ๆ ที่สุดก็มักจะเป็นงูที่มีพิษร้ายสูงสุดด้วย  ประสบการณ์มากมายในหัวมันร้องเตือนว่าเมื่อไหร่ที่เขาประมาท  เมื่อนั้นเขาจะต้องเจอกับจุดจบที่เลวร้ายเกิดจะพรรณนาอย่างแน่นอน

‘แต่ถ้าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไอ้ครีมนี่  แล้วปัญหาจริง ๆ มันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย?’

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด