บทที่ 6: ถูกโบย
พวกเขาไม่ได้ต้องรอนานเกินไป หลังจากเวลาผ่านไปได้สิบห้านาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่เรือนกลาง
ร่างหนึ่งได้เดินเข้ามาและพ่อบ้านฝูก็พูดด้วยน้ำเสียงต่ำในทันทีว่า “เรียนนายท่าน คุณชายทั้งสองรออยู่ด้านในแล้วขอรับ”
ใบหน้าของเย่เซิงซีดเผือด เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคนที่เข้ามาก็คือเย่หวางเหย่ จอมยุทธ์ที่เก่งที่สุดของต้าฉินและเป็นชายผู้บัญชาการกองทหารกว่าหนึ่งล้านคน
แม้แต่ไอ้เย่ชิงที่ทำตัวไม่สนกฎเกณฑ์และไม่เคยกลัวอะไรเลยยังต้องเปลี่ยนท่าทีจากเหลาะแหละเป็นยืดตัวขึ้นตรงแสดงท่าทางเคร่งขรึมซุกซ่อนมืออันสั่นเทาของตนเองเอาไว้
ทุกคนในหวางฝู่ตระกูลเย่ล้วนกลัวเย่หวางเหย่ แม้แต่พวกผู้หญิงที่แต่งเข้ามาก็ยังทั้งรักทั้งเคารพและทั้งหวาดกลัวผสมกันไปด้วย
เย่หวางเหย่สวมผ้าคลุมและสวมมงกุฎสีม่วง-ทองไว้บนหัว ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาเล็กน้อย เขาเดินตรงไปที่เก้าอี้ตำแหน่งประมุขแล้วนั่งลง
ทั้งเย่เซิงและเย่ชิงต่างคุกเข่าลงคำนับทันที “คารวะท่านพ่อ”
เย่หวางเหย่แค่นเสียงตอบด้วยความเย็นชา เขาเอามือวางไว้บนที่วางแขน นิ้วที่ขาวเรียวยาวราวหยกเหมือนของผู้หญิงที่ไม่มีรอยตำหนิใด ๆ นั้นเมื่อจับลงบนที่วางแขนกลับให้ความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของกำมือนี้หมดแล้ว
เย่หวางเหย่ที่นั่งสูงจ้องมองลงไปที่เย่เซิงและเย่ชิงที่ยืนขึ้นแล้ว แรงกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมเด็กหนุ่มทั้งสองกดหัวทั้งคู่ทำให้ได้แต่ต้องก้มหัวลงไม่กล้าเงยหน้าและไม่กล้าสบตาพ่อของตัวเอง
นี่คือเย่หวางเหย่ จอมยุทธ์อันดับหนึ่งของต้าฉิน ระดับการฝึกของเขานั้นเข้าถึงจุดสูงสุดไปแล้ว
“เย่เซิง ไปตรงนั้น” เย่หวางเหย่ชี้นิ้วบอกให้เย่เซิงไปยืนข้าง ๆ พ่อบ้านฝู
เย่เซิงเดินไปเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟัง
ตอนนี้ที่กลางห้องก็มีแค่เย่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ แววตาของมันฉายแววความตื่นตระหนกออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง ลางสังหรณ์ไม่ดีปะทุกขึ้นมาอย่างเต็มที่
“เจ้าคิดว่าข้าควรลงโทษเจ้าอย่างไรดี?” เย่หวางเหย่ถามอย่างเย็นชาขณะที่สายตาก็ยังจับจ้องไปที่ไอ้เย่ชิง
มันถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้งทันทีด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาพลางพูดว่า “ทะ ๆ ๆ ท่านพ่อ ละ ลูกรู้ว่าลูกผิด ลูกผิดเองขอรับ ลูกไม่ควรลงมือรุนแรงถึงขั้นนั้นขอรับ”
ท่าทีของเย่หวางเหย่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาชี้ไปที่เย่ชิงและกล่าวว่า “เจ้าทำความผิดร้ายแรงข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้โดยมิได้ลงโทษ ออกไปรับโทษโบยไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้เสีย”
ใบหน้าของไอ้เย่ชิงถึงกับแข็งทื่อ ไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้? นั่นแปลว่ามันจะไม่ได้โดนคนรับใช้กาก ๆ โบยแต่ต้องโดนทหารใต้บังคับบัญชาของเย่หวางเหย่โบย และหากว่าผู้โบยเป็นทหารก็แปลว่าคนเหล่านั้นย่อมลงมืออย่างไม่มีการยำเกรงอิทธิพลของแม่มันอย่างแน่นอน และหลังจากที่โดนเข้าไปครบร้อยไม้แล้ว หากมันไม่ตายไปซะก่อนล่ะก็อย่างน้อย ๆ แก้มก้นของมันคงต้องแหลกไปครึ่งหนึ่งเลยมั้ง
“ทำไม? เจ้าไม่พอใจหรืออย่างไร?” เย่หวางเหย่ถามอย่างเย็นชา
ไอ้เย่ชิงมันก็กัดฟันพูดว่า “ไม่ใช่ว่าลูกไม่พอใจ เพียงแต่ลูกไม่เข้าใจ แม้ลูกจะลงมือหนักเกินไปก็จริงอยู่ แต่พี่สิบสองเองก็มีความผิดด้วยเช่นเดียวกันนะขอรับ”
เย่เซิงถึงกับขมวดคิ้ว เพราะจริง ๆ แล้วในเรื่องนี้เขาเป็นเหยื่อล้วน ๆ ทุก ๆ กระบวนการ แล้วจะมาบอกว่าเขาผิดได้ยังไงอีก?
“พวกเจ้าพี่น้องสร้างเรื่องโกลาหลขึ้นในบ้านถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครหนีพ้น เจ้าไปรับโทษไม้พายทัพได้แล้ว” เย่หวางเหย่ตอบเรียบ ๆ และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชามากจนทำให้ทุกคนต้องตัวสั่น
เย่เซิงที่ได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อก็ถึงกับสันหลังเย็นวาบแถมเหงือยังแตกพลักจนเปียกหลังไปหมด เพราะเขาเองก็ต้องโดนลงโทษด้วย
ตามที่คาดไว้ หลังจากที่ไอ้เย่ชิงมันกัดฟันกรอด ๆ ออกไปรับโทษ คราวนี้ก็ถึงตาของเย่เซิงบ้าง เย่หวางเหย่หันกลับมามองที่เขา
“ข้าได้ย้ำเตือนเจ้าไปหลายต่อหลายรอบแล้วว่าห้ามข้องเกี่ยวกับวรยุทธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังไปที่สนามฝึกซ้อมกับเย่ชิงอีก?” เย่หวางเหย่ถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เย่เซิงก้มหน้าลงและตอบว่า “ท่านพ่อ ลูกผิดไปแล้วขอรับ”
เขารู้ตัวดีว่าโต้เถียงกับเย่หวางเหย่ไปมันก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เขานั้นไม่ได้ผิดอะไรเลยแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ต้องเอ่ยปากยอมรับผิดออกไปเท่านั้น
เย่หวางเหย่พึมพำอย่างพอใจและกล่าวว่า “เย่ชิงได้ก่อความผิดใหญ่ ส่วนตัวเจ้าก่อความผิดเล็กน้อย ข้าสั่งลงโทษเย่ชิงรับไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้ ส่วนตัวเจ้ารับไปห้าสิบไม้ ตระกูลเย่ของข้ากฎเกณฑ์ต้องเข้มงวดและทุก ๆ คนในตระกูลต้องปฏิบัติตาม เจ้าเป็นเพียงลูกนางสนมหากไปขัดแย้งกับเย่ชิงก็ต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้เจ้าเองก็อายุสิบหกปีแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายของต้าฉิงเรา แล้วเจ้ามีแผนการอย่างไร?”
เย่เซิงก้มหัวลงและตอบว่า “ลูกต้องการออกจากหวางฝู่เพื่อศึกษาเล่าเรียนและสร้างชื่อเสียงขอรับ”
เย่หวางเหย่ขมวดคิ้ว “รีบร้อนอยากออกไปข้างนอกถึงเพียงนี้เลย?”
เย่เซิงพยักหน้าเบา ๆ เพราะสำหรับเขาแล้วไอ้หวางฝู่ตระกูลเย่แห่งนี้มันต่ำตมจนเกินจะทนไหว เขาไม่อยากจะอยู่ในที่บัดซบแบบนี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว และเขายังต้องพัฒนาตันเถียนดาวโลกของตัวเองด้วยต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย ถ้าไม่ออกจากบ้านล่ะก็การจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเป็นอย่างมาก
แค่จะฝึกยุทธ์ในบ้านยังต้องโดนโบยเลย แล้วเกิดว่าโดนจับได้ว่าเป็นโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าแล้วนี่ไม่โดยเอาถึงตายเลยเชียวเหรอ
และเย่เซิงก็มั่นใจมาก ๆ ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แน่ เพราะว่าไอ้เย่หวางเหย่ตรงหน้านี้มันเคยทุบตีลูกชายตัวเองจนตกตายไปจริง ๆ แล้วคนหนึ่ง นั่นคือพี่ชายคนที่สามของเย่เซิง
พี่สามนั้นก็เหมือน ๆ กับเย่เซิงคือถูกห้ามเรียนวรยุทธ์โดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจากตำแหน่งของแม่เขานั้นสูงส่งเป็นเป็นถึงนายหญิงสาม ดังนั้นเขาจึงแอบฝึกวรยุทธ์ แต่พอโดนเย่หวางเหย่จับได้มันก็สั่งให้คนของมันทุบตีพี่สามจนตกตายต่อหน้าต่อตาคนทั้งครอบครัว
แม่ของพี่สามนั้นโกรธแค้นเรื่องนี้อย่างหนักจนถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย หลังจากนั้นนางได้ย้ายออกจากหวางฝู่ตระกูลเย่ไปอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับวัดภูหานซาน สวดมนต์ท่องพระไตรปิฎกอยู่ทุกวี่วันด้วยความเกลียดชังต่อเย่หวางเหย่ถึงแก่นกระดู
เย่เซิงน้อยนั้นเกิดทันได้เห็นฉากนี้ และแม่ของเขาได้เอามือป้องตาเขาไม่ให้ได้เห็น หลังจากนั้นนางก็ย้ำกับเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับวรยุทธ์ ไม่งั้นล่ะก็ด้วยความที่นางเคยเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏ แม้จะถูกทำลายการบำเพ็ญเพียรจนหมดสิ้นแต่นางก็ยังคงเหลือความรู้มากมายที่สามารถสอนเขาได้อย่างเกินพอ
แต่เพื่อเห็นแก่ชีวิตของเย่เซิงแล้วนางเลยไม่เคยสอนเย่เซิงเลยแม้แต่คำเดียว
“เรียนท่านพ่อ การเรียนที่บ้านแตกต่างจากการเรียนที่สถานศึกษา ลูกนั้นรู้จุดยืนของตัวเองในตระกูลดีและไม่อยากที่จะไปแข่งขันด้วย ลูกแค่ต้องการรำเรียนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวแล้วสร้างผลงานให้ท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้วได้ภาคภูมิใจขอรับ” เย่เซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“แค่หนังสือในบ้านเจ้ายังอ่านไม่จบ แล้วยังกล้าอยากออกไปเรียนที่สถานศึกษาอีก?” เย่หวางเหย่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเย่เซิงพูดถึงแม่ตัวเอง และเป็นครั้งแรกที่สีหน้าของไอ้เย่หวางเหย่เปลี่ยนไปอย่างหนักตั้งแต่ที่มันเดินเข้าห้องโถงมา มันรีบปฏิเสธคำขอของเย่เซิงในทันที
“ทราบแล้วขอรับ” เย่เซิงยอมแพ้ ดูท่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลว่ะ
“ก่อนอื่นจงอ่านหนังสือในบ้านให้หมดก่อน ส่วนการเรียนในสถานศึกษานั้นมีแต่พวกยากจนเท่านั้นถึงจะไป หวางฝู่ของข้าแห่งนี้มีหนังสือมากมายยิ่งว่าในสถานศึกษาเหล่านั้น หากเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปหาอ่านเสีย” เย่หวางเหย่สงบลงเมื่อเห็นว่าเย่เซิงเชื่อฟังและมีมารยาทดี ดังนั้นมันเลยผ่อนคลายน้ำเสียงและยอมอนุญาติให้เย่เซิงเข้าไปใช้ห้องสมุดของบ้านได้
“ขอบคุณขอรับ” เย่เซิงกล่าวพลางเสแสร้งแกล้งทำเป็นซาบซึ้ง
“ออกไปรับโทษของเจ้าซะไป หลังจากนี้อย่าไปใกล้สถานที่ฝึกวรยุทธ์อีก หากจับได้ครั้งหน้าข้าจะหักแขนหักขาเจ้าทิ้ง” เย่หวางเหย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและห่างเหิน
“ขอรับท่านพ่อ” เย่เซิงตอบอย่างเชื่อฟัง
เย่หวางเหย่โบกมือและหลับตาลง
เย่เซิงคารวะเย่หวางเหย่เสร็จแล้วก็ไปคารวะให้พ่อบ้านฝูก่อนที่จะเดินออกไปเงียบ ๆ เขาทำทุกสิ่งอย่างมีมารยาทครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
เมื่อพ่อบ้านฝูเห็นสิ่งที่เย่เซิงทำก็เกิดประกายขึ้นในดวงตาและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็เงียบไม่ยอมพูด
...
หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องโถงใหญ่ได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนหมาและเสียงเนื้อที่โดนทุบตี
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
เสียงฟาดอันหนักหน่วงดังขึ้นมาเมื่อไม้พายฟาดกระทบกับร่างกายของไอ้เย่ชิง ทั้ง ๆ ที่มันเป็นถึงจอมยุทธ์โฮ่วเทียนหกชั้นฟ้าแล้วแท้ ๆ แต่มันก็ยังต้องกรีดร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าหมาร้อง
ใบหน้าของเย่เซิงขุ่นมัว เขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของลานกว้างนี้แล้ว
เขาค่อย ๆ เดินไปและเห็นว่ามีกระดานขนาดใหญ่สองแผ่นอยู่ตรงพื้นที่โล่ง แผ่นหนึ่งมีไอ้เย่ชิงนอนให้โดนฟาดอยู่แล้ว ทหารที่ลงไม้นั้นฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน
“เย่เซิง! รอก่อนเถอะ! ข้าต้องมาทนทุกข์ทรมานมากเพราะไอ้ขยะอย่างเจ้าแท้ ๆ!” เมื่อเห็นเย่เซิงเดินเข้ามาไอ้เย่ชิงเริ่มตะโกนแหกปาก ก้นของมันมีแต่รอยฟกช้ำเลือดท่วมเต็มไปหมด ในใจของมันมีแต่ความเคียดแค้นเกาะกินอย่างหนักขนาดที่ว่าอยากรีบ ๆ ลุกออกมากัดคอเย่เซิ่งให้ตาย ๆ ไปซะ
แต่เย่เซิงกลับไม่สนใจมันเลยซักนิดเดียว เขาเดินเงียบ ๆ ไปที่อีกกระดานหนึ่งแล้วนอนคว่ำลงไป ทหารก็ได้เข้ามาดึงกางเกงเขาออกให้เหลือแต่ชั้นในแล้วเริ่มลงไม้
ปั้ง!
ดวงตาของเย่เซิงเบิกกว้างร่างกายสั่นเทาทันทีที่ไม้แรกหวดลงมา แก้มก้นปรากฏรอบประทับสีแดงแปร๊ด ความเจ็บปวดที่ระเบิดขึ้นมานั้นลงลึกไปถึงกระดูก ดูท่าแล้วทหารพวกนี้มันไม่ปราณีเลย มันเล่นลงไม้เล็งแต่ตรงที่ต้องเจ็บที่สุดล้วน ๆ และเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากกัดฟันแน่น
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
ทีละไม้ ๆ ค่อย ๆ ฟาดลงไปเรื่อย ๆ จนครบห้าสิบไม้ เย่งเซิ่งนั้นหมดแรงจะอั้นในที่สุด ก้นของเขาเลือดท่วมใบหน้าซีเผือด ปากก็มีเลือดไหลออกมาเรียกได้ว่าบาดเจ็บสาหัส
อีกกระดานหนึ่งนั้นไอ้เย่ชิงมันต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่า มันโดนไปร้อยไม้เต็ม ๆ ทำให้ทั้งหลังและก้นเลือดท่วม มันเจ็บปวดมากจนเป็นลมไปนานแล้ว
“คุณชายทั้งสองอย่าได้ถือสาพวกข้าเลยนะ” ทหารพูดเบา ๆ หลังจากลงไม้เสร็จจากนั้นก็รีบเก็บของทุกอย่างแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว