810 - ชามแตก
810 - ชามแตก
หลังจากนั้นพวกเขายังคงค้นหาต่อไปแต่ไม่พบสิ่งใดน่าสนใจ ต้วนเต๋อไม่ได้ซ่อนสมบัติทั้งหมดไว้ในตัวของตัวเองอย่างแน่นอน แต่องค์หญิงอวี้เตี่ยและตงฟางเย่พอใจมาก
“ไม่ มันต้องมีอีกสิ!”
เย่ฟ่านไม่เห็นต้นไม้วิเศษและชามแตก เขาจึงสรุปว่าต้วนเจ๋ออาจจะมีสมบัติที่ล้ำค่ากว่านั้น ทั้งสามคนจ้องไปที่คิ้วของต้วนเต๋อในเวลาเดียวกัน
ส่วนใหญ่อาวุธศักดิ์สิทธิ์มักจะซ่อนอยู่ในนั้น แต่ถ้าพวกเขาสัมผัสที่นี่ มันจะง่ายมากที่จะปลุกเขาให้ตื่น
“ไม่เป็นไร เพิ่มเก้าผนึกเข้าไป เขาจะไม่สามารถตื่นได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากนั้น เย่ฟ่านเอื้อมมือออกไปชี้เข้าไปที่หว่างคิ้วของต้วนเต๋อและค้นหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่เขาได้สัมผัส เขาตกใจและรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ชามที่แตกนั่น!”
เขาค่อนข้างตกใจ ชามที่แตกนั้นผันผวนและกลืนกินดวงดาวในจักรวาล
จากการคาดเดาของจักรพรรดิดำ ชามนี้ถูกผนึกไว้ แต่ยังคงมีความผันผวนที่ทำให้หัวใจเต้นรัว ยากที่จะจินตนาการว่านี่คืออาวุธประเภทใด
“เป็นไปได้ไหมว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถูกผนึกไว้ในนี้?” เย่ฟ่านมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ
ข้างๆ ชามที่แตก มีต้นไม้หยกเจ็ดใบที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้หัวใจของเขาตื่นเต้นขึ้นมาทันใด มันคือต้นไม้มหัศจรรย์แห่งความเป็นอมตะ
อีกด้านของชามแตกก็มีอ่างสมบัติด้วย มีสมบัติมากมายในนั้น หลากสีสัน ในหมู่พวกมีมีกระบี่เล่มหนึ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษ โดยมีคำว่าเต๋าสลักอยู่บนนั้น รวมทั้งแส้โบราณรูปร่างคล้ายมังกรมีเขาซึ่งมีความพิเศษมากเช่นกัน
“อาวุธระดับจักรพรรดิที่ไม่มีใครเทียบได้!”
เย่ฟ่านประหลาดใจ มีอาวุธอย่างน้อยสองหรือสามชิ้นในหม้อสมบัติที่ไม่เลวร้ายไปกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าและตะเกียงอสูรสวรรค์ ชายอ้วนผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฟ่านก็ถอยออกมา เขาคว้ากิ่งไม้ยาวกว่าครึ่งจั้งไว้ในมือของเขา พลังงานไหลเวียนด้วยสีสันอันสดใส และสีของใบไม้ทั้งเจ็ดนั้นแตกต่างกัน มันคือต้นไม้แห่งความเป็นอมตะ
“มีสมบัติอยู่ในชามแตกมากมาย ข้าเอามันออกมาไม่ได้!”
“ให้ข้าลองดู” ตงฟางเย่ตั้งสมาธิ
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากคิ้วของเขา พุ่งลงในร่างของต้วนเต๋อและเริ่มค้นหา แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนตัวกลับมา ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง และถอยกลับไปสองสามก้าว
“ในชามที่แตกนั้น...มีอีกจักรวาลหนึ่ง มันผนึกสมบัติอมตะไว้”
ตงฟางเย่ไม่สามารถไปต่อได้ เขาสงสัยว่าอาวุธนั้นอาจจะเป็นอาวุธของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ หรือบางทีมันอาจจะเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วด้วยซ้ำ
องค์หญิงอวี้เตี่ยก็เข้าไปสำรวจเช่นกัน แต่ผลที่ตามมาต้องทำให้นางสะดุ้งตกใจ ใบหน้าซีดเผือด แล้วกล่าวว่า
“มันน่ากลัวจริงๆ”
“เจ้าอ้วนต้วนสามารถเอามันมาได้ ไม่เลวเลย เขาทำได้อย่างไร”
“เขาจะมีคนหนุนหลังที่น่าสะพรึงกลัวหรือไม่?”
“แต่ข้าจะเอาชามนี้ออกมาให้ได้”
ชามนี้ถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา มันมีผนึกไม่น้อยกว่าสิบชั้น! ทั้งสามคนตกใจมาก พลังของมันราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่กำลังหลับไหลตั้งแต่ยุคโบราณ
“เราไม่สามารถเคลื่อนย้ายชามใบนี้ได้!” พวกเขาค้นพบความจริงนี้อย่างไม่เต็มใจ
“มีสมบัติมากมายอยู่ข้างใน มันเป็นสมบัติของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จริงหรือไม่?” องค์หญิงอวี้เตี่ยสงสัยอย่างจริงจังถึงความเป็นไปได้นี้
“ยังมีสมบัติระดับสูงอยู่ในชามใบนั้น” ตงฟางเย่ขมวดคิ้ว เขาพยายามทำทุกวิถีทางแล้วแต่ไม่ได้ผล
พวกเขาสามารถมองเห็นอาวุธภายในได้อย่างชัดเจนซึ่งแต่ละอันมีความพิเศษและยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันจะต้องเป็นสมบัติที่ต้วนเต๋อยังไม่มีเวลาปรับแต่ง
“สุสานของจักรพรรดิและสุสานของเหล่าทวยเทพถูกต้วนเต๋อขุดค้นไปกี่หลุมแล้ว มูลค่าของสมบัติเหล่านี้มากกว่าของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จนนับไม่ถ้วน” เย่ฟ่านถอนหายใจ
จากนั้นเขาก็หัวเราะ เพราะคราวนี้เขาปล้นต้วนเต๋อไปจนหมด เหลือแค่ผมบนศีรษะไว้ให้เขา
“ไปจากที่นี่ก่อน ค่อยคิดดูอีกครั้ง”
เย่ฟ่านหยิบต้นไม้วิเศษอมตะขึ้นมาก่อน ต้วนเต๋อเก็บมันไว้ที่ระหว่างคิ้ว แสดงว่าเขาให้ความสำคัญอย่างมากกับต้นไม้นั้น
เย่ฟ่าน อวี้เตี่ย ตงฟางเย่หนีไปพร้อมกับชามแตกและหายไปในเทือกเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดในทันที พวกเขาไปที่ถ้ำโบราณเพื่อซ่อนสมบัติเหล่านี้
“ข้าได้วางค่ายกลไว้ที่นี่แล้ว เจ้านั่นจะไม่มีวันพบพวกมัน เจ้าซ่อนตัวที่นี่ก่อน ข้าจะออกไปดูเขาอีกครั้ง” ค่ายกลที่เย่ฟ่านวางนั้นเป็นค่ายกลหยกที่จักรพรรดิดำมอบให้
“เจ้าอยากเห็นชายอ้วนคนนั้นคุ้มคลั่งหรือ?”
อวี้เตี่ยยิ้มเบาๆ ผมของนางเป็นสีดำ ดวงตาของนางไร้ตัวตน ขนตาหนาและงอนยาว ริมฝีปากสีแดงตี่ตัดกับฟันสีขาวเป็นอย่างดี มันช่างเป็นภาพที่งดงามไร้ที่ติ
“แค่กๆ”
เย่ฟ่านไอแห้งๆ ต้องการไปดูจริงๆว่าต้วนเต๋อจะเป็นอย่างไรเมื่อเขาตื่นขึ้น จะมีควันไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ดหรือไม่
“ไปเถอะ ข้าจะไปดูกับเจ้าด้วย” ตงฟางเย่ก็อยากเห็นเช่นกัน
ทั้งสองใช้ทักษะลับในการซ่อนพลังปราณและซ่อนตัวอยู่บนยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้
“ชายอ้วนคนนี้มีพลังมาก เราผนึกทั้งร่างกายของเขา หากเป็นคนอื่นคงจะไม่สามารถตื่นขึ้นได้ภายในวันเดียว” ตงฟางเย่ประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าอ้วนต้วนยังสับสนเล็กน้อย เขาเดินเซไปมา แล้วก็ตกตะลึง เขาพบว่าตนเหลือกางเกงเพียงตัวเดียว เสื้อผ้าส่วนอื่นๆ ถูกฉีกออกไปทั้งตัว
“อา ตะโกนออกมาเลยสิ!”
ตงฟางเย่เลือดเย็นมาก เขากล่าวอย่างคาดหวัง
ต้วนเต๋อสะดุ้ง เมื่อสายลมพัดมาเขาก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เขาถูกเปลื้องผ้าลงกับพื้น ร่างกายของเขาเซถลาด้วยความโกรธแค้น จากนั้นเขาก็ทำเสียงเหมือนหมาป่าที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด
“มารดาเจ้าไร้ยางอายจริงๆ!”
ต้วนเต๋อโกรธกระอักเลือดคำใหญ่ก่อนจะเริ่มวิ่งอย่างคุ้มคลั่ง
เขาโกรธมาก หลังจากทำงานหนักมาสามสิบปีตอนนี้ความพยายามของเขาว่างเปล่าไปแล้ว สมบัติจำนวนมากของเขาหายสาบสูญไป
ในเทือกเขาดึกดำบรรพ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ เย่ฟานยืนอยู่บนยอดเขาและมองออกไป เขาก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นฉากนี้
ตงฟางเย่ก็หัวเราะด้วยความพอใจและกล่าวว่า
“เขาสมควรที่จะได้รับมันแล้ว”
"ไอ้สารเลว เจ้าไร้มนุษยธรรมเกินไป แม้แต่กางเกงในของข้าก็ยังถูกเจ้าถอดออก ข้าผู้แซ่ต้วนไม่ขอเลิกราอย่างแน่นอน!”
ต้วนเต๋อกระโดดโลดเต้นและสาปแช่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เจ้าถอดเอากางเกงในของเขาด้วยเหรอ” เย่ฟานถามตงฟางเย่
คนเถื่อนร่างยักษ์เกาศีรษะและหัวเราะแห้งๆ "มันทอจากไหมสวรรค์ซึ่งคงกระพันสามารถต้านทานน้ำและไฟ การจะเหลือทิ้งไว้มันคงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง"
เย่ฟาน "... "
“อ๊าก…”
ต้วนเต๋อตะโกนไม่หยุด เขาบ้าไปแล้วจริงๆ สมบัติล้ำค่าทั้งหมดของเขาถูกหยิบฉวยไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น
“ดูสิควันลอยขึ้นจากศีรษะของเขาแล้ว!” คนเถื่อนชี้ไปข้างหน้า
ในตอนนี้ จมูก หู ปาก และส่วนอื่นๆของเจ้าอ้วนกำลังพ่นควันสีขาวออกมาพร้อมกัน พูดให้ถูกคือแก่นแท้ที่อยู่ในร่างกายของเขากำลังลุกเป็นไฟ
“เอาอีก เอาอีก!” คนเถื่อนส่งเสียงหัวเราะ
ร่างกายของต้วนเต๋อเต็มไปด้วยพลังงาน นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ล้นออกมา และร่างทั้งหมดดูเหมือนจะลุกไหม้เป็นไฟ ควันที่ถูกปลดปล่อยออกมาเริ่มก่อตัวเป็นร่างกายของมนุษย์
"บูม" "บูม..."
เขาเอาหัวโขกกำแพงหินด้วยความคุ้มคลั่ง ในจิตใจของเขาตอนนี้ต้องการฆ่าคนมากที่สุด
ต้วนเต๋อกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า เขาทนไม่ไหวและเริ่มวิ่งเป็นวงกลมเพื่อระบายความคุ้มคลั่งที่อยู่ในใจ
“หนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ…” คนป่าเถื่อนหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ในท้ายที่สุด ต้วนเต๋อก็วิ่งไปกว่าสี่ร้อยรอบก่อนที่เขาจะนั่งลงบนพื้นพร้อมกับสาปแช่งไม่หยุดหย่อน ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
“บิดาล่าห่านมาตลอดชีวิต แต่วันนี้กลับถูกห่านจิกตาได้” เขาพึมพำอย่างโกรธเคือง