807 - ถ้ำเซียน
807 - ถ้ำเซียน
ภายในถ้ำมีหมอกหนา มันงดงามราวกับสรวงสวรรค์ มีบันไดหยกขาวอยู่ลึกลงไปไม่ไกล
“น้ำนมแห่งปฐพี...”
เย่ฟ่านประหลาดใจ มีแท่นบูชาอยู่ข้างสระน้ำพุ แต่สูงเพียงครึ่งจั้ง มีชามหนึ่งใบวางอยู่ และมีน้ำสีขาวอยูในชามนั้น
นี่คือน้ำนมแห่งปฐพีที่เกิดจากรากวิญญาณดินซึ่งเป็นสมบัติชนิดเดียวกันกับปราณปฐพีต้นกำเนิด เพียงแต่มันอ่อนแอกว่า
แต่มันก็ยังถือว่าเป็นสมบัติแห่งสวรรค์พิภพ ความล้ำค่าของมันเพียงเป็นรองน้ำพุเซียนในดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตเล็กน้อยเท่านั้น
“น่าเสียดายที่ไม่ใช่น้ำอมฤตจริงๆ เป็นเพียงน้ำนมที่เกิดจากรากวิญญาณธรรมดาๆ เท่านั้น” เย่ฟ่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากหลังจากที่สังเกตดูอย่างระมัดระวัง
จ๋อม!
ทันใดนั้น แท่นบูชาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานจิตวิญญาณ และมีพลังงานลึกลับค่อยๆเอ่อล้นออกมา
“นี่คือ…น้ำนมอมฤต” เย่ฟ่านประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มีน้ำนมสีขาวหยดลงมาจากด้านบนของถ้ำ ทันทีที่ตกลงไปบนแท่นบูชาความศักดิ์สิทธิ์ของมันก็ถูกดึงดูดโดยแท่นบูชาจนแทบจะหมดสิ้นและทำให้มันเป็นเพียงน้ำนมปฐพีธรรมดาเท่านั้น
ในตอนนี้เย่ฟ่านเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัส ต้องใช้น้ำอมฤติมากแค่ไหนในการกลั่นแท่นบูชานี้ มันทั้งฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองจนน่าเหลือเชื่อ
เย่ฟ่านถอนหายใจ แท่นบูชานี้ดูเหมือนว่าจะก่อตัวเป็นหยกที่สวยงาม แต่มันหนักราวกับภูเขา และเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะยกมันขึ้นมา
น้ำนมปฐพีระดับอมฤตนั้นหาได้ยาก และไม่เคยได้ยินมาว่ามันสามารถเกิดได้มากมายขนาดนี้ เย่ฟ่านรู้สึกว่าสิ่งนี้มีความพิเศษ และมันอาจเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต
เย่ฟ่านทำลายลวดลายอักขระจากนั้นก็เดินผ่านบันไดหยกเข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำ
“ยาเซียนที่หายไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน”
เขาพบพืชบางชนิดในถ้ำกว้างใหญ่ เมื่อมองครั้งแรก พวกมันเป็นสมบัติแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เหี่ยวเฉาไปนานแล้ว
มีเพียงน้ำอมฤตเท่านั้นที่สามารถคงอยู่ตลอดไปในโลกและไม่มีวันตาย แต่สมุนไพรอื่นๆ แม้แต่ยาเซียนที่ล้ำค่ามากที่สุดก็อยู่ได้ไม่กี่แสนปีเท่านั้น
“น่าเสียดายที่แทบจะเป็นของไร้ประโยชน์แล้ว”
เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“วานรโบราณ”
เย่ฟ่านประหลาดใจ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือซากศพของวานรตัวหนึ่ง เขายื่นมือออกไปสัมผัสเบาๆและขนทั่วร่างของมันก็กลายเป็นฝุ่นในทันที!
มีเพียงกระดูกสีขาวข้างในเท่านั้นที่ยังคงแข็งแรงและเปล่งประกายสดใส
วานรตัวนี้ต้องตายอยู่ในถ้ำมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นปี แต่กระดูกของมันยังคงเป็นประกายสดใสซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่คือสิ่งมีชีวิตอมตะตัวหนึ่ง
เย่ฟ่านดูอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากพิจารณาอย่างระมัดระวังแล้วเขาก็มั่นใจว่าวานรตัวนี้จะต้องเป็นเพียงผู้พิทักษ์ของถ้ำอย่างแน่นอน
“นี่…วารนรตัวนี้อย่างน้อยที่สุดก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าปราชญ์โบราณ มันเป็นแค่อสูรผู้พิทักษ์หรือ?”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เจ้าของถ้ำนี้จะเป็นคนแบบไหนกันแน่?
เย่ฟ่านเดินไปข้างหน้า เขารู้สึกหัวใจของเขากำลังสั่นอย่างรุนแรง ที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นถ้ำของผู้อมตะ หรืออาจจะเป็นของจักรพรรดิโบราณก็ได้ บางทีมันอาจจะมีสมบัติของพวกเขาหลงเหลืออยู่ข้างใน?
เขาไม่กล้าเสียเวลาที่นี่นาน และเดินเข้าสู่ส่วนลึกเพื่อตามหาต้วนเต๋อ
ในส่วนลึกของถ้ำ ปราณมังกรยังคงอยู่ และแสงอาทิตย์ส่องประกาย เขามาถึงพื้นที่ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง มีต้นไม้หยกมากมายที่นี่ พวกมันสูงเพียงครึ่งวาและสวยงามมาก
“ต้นไม้หยกแห่งความเป็นอมตะ?”
เย่ฟ่านตกใจ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ลึกลับ มีต้นไม้หยกสี่สิบเก้าต้นที่มีสีต่างกัน บางต้นมีสีแดง บางต้นมีสีเขียว บ้างก็สว่างดั่งทองคำ
ต้นไม้หยกสี่สิบเก้าต้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ แต่มันหยั่งรากที่มีลักษณะเหมือนมังกรฝังลงไปในดิน
“บันทึกโบราณกลายเป็นความจริง”
หลังจากที่เย่ฟ่านมายังโลกนี้ เพื่อหาทางกลับบ้านเขาได้อ่านหนังสือโบราณหลายเล่มในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้เห็นบันทึกที่ไร้สาระมากมาย
แก่นแท้แห่งพิภพสามารถให้กำเนิดต้นไม้หยกและเติบโตได้เหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ สิ่งของเหล่านี้จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าเพื่อให้จักรพรรดิโบราณใช้เป็นวัสดุในการหลอมอาวุธเต๋าสุดขั้ว
จักรพรรดิดำเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อหนึ่งแสนปีที่แล้วมีปราชญ์โบราณคนหนึ่งสามารถสร้างอาวุธเต๋าสุดขั้วจากต้นไม้หยกเหล่านี้ขึ้นมาได้สำเร็จแม้ว่าเขาจะไม่ใช่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ตาม
“ต้นไม้หยกสี่สิบเก้าต้น นี่เป็นต้นไม้อมตะจริงๆ” ยิ่งเย่ฟ่านมองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น
พวกมันมีรากอยู่ในเส้นหยกและรูปแบบการปลูกของพวกมันก็เห็นได้ชัดว่ามีความซับซ้อนและลึกลับมาก ต้นไม้แต่ละต้นมีเส้นเลือด หากมองใกล้ๆจะเห็นการผสมผสานกับอักขระเต๋าที่คาดเดาไม่ได้
“ถ้ามีต้นไม้อีกต้นหนึ่งก็จะกลายเป็นค่ายกลต้นไม้มหัศจรรย์แห่งความอมตะ”
เย่ฟ่านรู้สึกตื่นเต้น ต้นไม้หยกเหล่านี้ล้วนแต่ตายไปแล้ว พวกมันได้กำลังจะกลายเป็นหยก เขาค้นหาอย่างระมัดระวังและในที่สุดก็พบต้นไม้ต้นที่ห้าสิบ
“มันไม่ได้แห้งไปทั้งหมด มีบางกิ่งที่ยังหลงเหลือเศษเสี้ยวพลังชีวิตอยู่”
เย่ฟ่านพบว่าแม้ต้นไม้หยกทั้งต้นจะแห้งและมีรอยแตก แต่ก็มีกิ่งก้านบางส่วนที่ยังหลงเหลือพลังชีวิตแต่น่าเสียดายที่มันถูกใครบางคนหักออกไปแล้ว
“ต้วนเต๋อ” เขานึกถึงเจ้าอ้วนในทันใด
“ต้องซุ่มโจมตีแล้วชิงสมบัติมาให้หมด” เย่ฟ่านเริ่มคิดถึงวิธีจัดการกับต้วนเต๋อ
เขาออกจากสถานที่แห่งนี้ เดินไปข้างหน้า และเข้าไปในถ้ำโบราณซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องหลอมยา ภายในห้องมีขวดหยกมากมายแต่น่าเสียดายที่ยาเหล่านั้นสิ้นประสิทธิภาพไปนานแล้ว
นี่คือพลังแห่งกาลเวลา ไม่มีอะไรหยุดมันได้ มันทำลายสมบัติมากมายทิ้งไว้เพียงฝุ่นผง
“ยาเซียนเก้ายุค?”
เย่ฟ่านมองดูขวดหยกพร้อมกับอ่านชื่อของพวกมันทุกขวด หนึ่งในนั้นมีน้ำเต้าหลากสีซึ่งมีตัวอักษรโบราณสี่ตัวจารึกไว้ อักษรเหล่านี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอน
แต่ยังคงเหมือนเดิม ภายในน้ำเต้านี้ไม่มีสิ่งใดเลย
“ไม่มีร่องรอยอะไรต้วนเต๋อไม่ได้ตรวจสอบที่นี่หรือ?”
เย่ฟ่านเดินไปรอบๆถ้ำโบราณหลายแห่งและรู้สึกว่าทุกอย่างดูเสื่อมโทรม เดิมทีมีวัตถุศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่น่าเสียดายที่พวกมันทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เขาเดินต่อไปและในที่สุดรังสีของแสงที่อยู่ข้างหน้าก็ไหลออกมาและค่ายกลก็ก่อตัวขึ้นอย่างลึกลับพร้อมกับปิดกั้นไม่ให้เขาสามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เย่ฟ่านก็เลือกที่จะถอยกลับและไม่เข้าสู่ค่ายกลที่อยากจะทำความเข้าใจเหล่านั้น
เย่ฟ่านกลับมาตามถนนสายเดิม ข้างนอกถ้ำนอกจากองค์หญิงอวี้เตี่ยแล้วยังมีคนป่าเถื่อนหนวดเคราครึ้มสวมชุดหนังสัตว์ถือกระบองขนาดใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือตงฟางเย่..” อวี้เตี่ยแนะนำ
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ คนผู้นี้มีมือขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันกล้ามเนื้อของเขาก็เต็มไปด้วยพลังซึ่งดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งทางร่างกายไม่เป็นรองเขาอีกด้วย
ตงฟางเย่มีอารมณ์ที่ดุร้ายในระดับหนึ่ง ผิวหนังใต้ชุดคลุมหนังสัตว์เป็นสีทองแดง ร่างกายของเขาใหญ่โตเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปมาก และกระบองของเขาก็ทำมาจากหิน
ในเวลานี้เขายิ้มอย่างจริงใจ เผยให้เห็นฟันขาวราวหิมะ
“ที่แห่งนี้อย่างน้อยก็เป็นถ้ำของปราชญ์โบราณและอาจเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิประทับอยู่ด้วย…” เย่ฟ่านพูดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ภายใน
“น่าเสียดายที่เราเข้าไปไม่ได้” องค์หญิงอวี้เตี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่ายกลซับซ้อนเกินกว่าจะทำลายได้
“เราไม่ต้องเข้าไป เราจะซุ่มโจมตีเจ้าอ้วนคนนั้นในภายหลัง”เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นี่...ไม่ค่อยดีนัก” องค์หญิงอวี้เตี่ยลังเลที่จะทำเช่นนี้
ตงฟางเย่ยิ้มอย่างจริงใจและกล่าวว่า "ถ้าเป็นคนอื่นข้าไม่เห็นด้วย แต่เขามักจะดูหมิ่นกระบองของบรรพบุรุษของข้าและเคยเกือบจะขโมยมันไปแล้ว…” คนป่าเถื่อนที่ดูเรียบง่ายคนนี้ยกมือขึ้น
“ข้าเห็นด้วยกับการซุ่มโจมตีต้วนเต๋อ แต่เราจะไม่ฆ่าเขา แค่ปล้นสมบัติเท่านั้น”
เย่ฟ่านมีสีหน้าแปลกๆ ชายคนนี้ดูไม่เป็นอันตรายและมีใบหน้าเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์ แต่จากที่เห็นดูเหมือนว่าเขาจะมีความกลับกลอกอยู่ไม่น้อย
หลังจากผ่านไปครึ่งวันในที่สุดพวกเขาทั้งสามคนก็ช่วยกันสร้างค่ายกลปิดผนึกเล็กๆขึ้นมาที่หน้าถ้ำ ค่ายกลปิดผนึกนี้เป็นผลงานการคิดค้นอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิดำ และเย่ฟ่านได้หยิบยืมมาใช้ให้เป็นประโยชน์
“มันจะได้ผลหรือไม่?” ตงฟางเย่ยิ้มเหมือนคนปัญญาอ่อน
“นี่คือค่ายกลดักจับขนาดเล็ก แม้ว่าจะเรียบง่ายแต่ก็ทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ทันทีที่เจ้าอ้วนเดินเข้าไปข้างในเขาจะเสียสติไปชั่วขณะ เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นโอกาสของเราแล้ว”เย่ฟ่านอธิบาย
“บูม!”
มีเสียงดังออกมาจากถ้ำ และในขณะเดียวกัน ก็มีหมอกควันพุ่งออกมา เจ้าอ้วนต้วนเต๋อส่งเสียงกรีดร้องดังมาจากภายใน เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามบุกฝ่าค่ายกลที่อยู่สวนหรือของถ้ำ
ในอีกสองชั่วยามถัดมา ได้ยินเสียงดังขึ้นเป็นครั้งคราวในถ้ำโบราณ การเคลื่อนไหวก็ดังขึ้นเรื่อยๆ และพลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ก็พุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ
“ข้าหวังว่าเขาจะได้รับสมบัติของเซียนมากมาย” ตงฟางเย่พูดอย่างตรงไปตรงมา
องค์หญิงอวี้เตี่ยพูดไม่ออก ชายคนนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด
เย่ฟ่านหัวเราะก่อนจะเริ่มปรึกษาแผนการกับชายป่าเถื่อนคนนี้อย่างจริงจัง
“ออกมาแล้ว”
สัมผัสทางวิญญาณของเย่ฟ่านนั้นเฉียบแหลมมาก พวกเขารีบซ่อนตัวอยู่ด้านนอกของถ้ำอย่างรวดเร็ว
ต้วนเต๋อเดินออกมาด้วยท่าทางทุลักทุเลพลางสบถคำสาปแช่งอย่างต่อเนื่อง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นและเห็นได้ชัดว่าเขาได้รับความเจ็บปวดมาไม่น้อย
“ปัง!”
แสงสีทองส่องสว่างอยู่ด้านหน้าของถ้ำโบราณ ต้วนเต๋อสูญเสียสติไปครู่หนึ่งและประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาถูกผนึกไว้ชั่วคราว
ตงฟางเย่ยกกระบองขึ้นพร้อมกับตีเข้าที่ต้นคอของต้วนเต๋ออย่างรุนแรง เจ้าอ้วนต้วนส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเกือบจะหมดสติไปในทันที
แต่ในขณะนั้นมือที่เย็นเยียบของเย่ฟ่านก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว…”
ต้วนเต๋อถูกกดลงพื้นก่อนที่คนป่าเถื่อนทั้งสองจะระดมมือเท้าทุบตีเขาอย่างต่อเนื่อง