ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 13 น้ำตาวัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 15 ความตายของหมอผี

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 14 บุกโจมตี


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 14 บุกโจมตี

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานถามคำถามมากมายและผีเด็กก็ตอบทุกคำถามราวกับมันไม่รู้จักวิธีการโกหก มันพยักหน้าหรือส่ายศีรษะ แต่มันสามารถตอบคำถามง่ายๆเท่านั้น หากเป็นคำถามที่ซับซ้อน มันจะมึนงง

เมื่อหลี่ฉิงซานถามชื่อของเด็กและถามถึงที่มาของมัน มันส่ายหัวทั้งสองคำถาม เมื่อเขาถามว่าหมอผียังซ้อนอุบายใดๆเอาไว้หรือไม่ ผีเด็กยืนนิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานยังได้รับข้อมูลมากมาย หมอผีอยู่เบื้องหลังการตายของผีเด็กตนนี้จริงๆ นางทำให้เด็กกลายเป็นผีเพื่อรับใช้นาง แรกเริ่มผีเด็กสามารถพูดได้ แต่หมอผีกรอกยาสมุนไพรบางอย่างให้มันทำให้มันเป็นใบ้

หลี่ฉิงซานเดาว่าหมอผีลักพาตัวเด็กผู้นี้มาและกลัวว่าผีเด็กจะพูดจาไร้สาระไปรอบๆ ดังนั้นนางจึงทำให้เด็กพูดไม่ได้ ทุกครั้งที่เขากล่าวถึงหมอผี ใบหน้าของผีเด็กจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสมอ

หลี่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า ข้าจะฆ่าหมอผีแก่นั่นและปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”

โดยไม่รู้ตัว ผีเด็กเคลื่อนที่เข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยศีรษะที่เชิดขึ้นเล็กน้อย

หลี่ฉิงซานเผยรอยยิ้มและใช้มือลูกศีรษะผีเด็ก แต่มือของเขากลับแข็งค้างทันที

ผีเด็กรู้สึกหดหู่ มันก้มหัวลงและร้องไห้อย่างเงียบๆ

หลี่ฉิงซานรู้สึกเศร้าอยู่ภายใน เขาตะโกนเสียงดังขึ้นสู่ท้องฟ้าว่าเหตุใดจึงมีความอยุติธรรมมากมายอยู่บนโลกใบนี้ มนุษย์ที่ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเองก็ไม่ต่างจากปีศาจหรือสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้าย

ผีเด็กตกตะลึงและมองหลี่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ

ภายใต้แสงจันทร์ ชายหนุ่มที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ผู้นี้ดูเปล่งประกายมากในสายตาของมัน

หลี่ฉิงซานล้อเลียนตนเอง “ดูเหมือนบุรุษจะไม่หลั่งน้ำตาเว้นเพียงพวกเขาจะโศกเศร้าจริงๆ ข้ารู้สึกละอายใจนัก”

ผีเด็กยืดตัวขึ้นและยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของหลี่ฉิงซาน มันประคองหยดน้ำตาของหลี่ฉิงซานเอาไว้ในมือราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า

“อย่าจับมัน!” ใบหน้าของหลี่ฉิงซานกลายเป็นสีแดง ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกของพี่วัวมากขึ้นเล็กน้อย น้ำตาของลูกผู้ชายจะถูกส่งให้ผู้อื่นได้อย่างไร!

เขานึกถึงสิ่งที่วัวดำกล่าวอีกครั้ง ผีไม่มีตัวตน เพียงเมื่อพวกมันฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง พวกมันจึงจะสามารถสัมผัสหรือยกสิ่งของที่มีอยู่จริง ผีเด็กตนนี้ดูอ่อนแอมาก มันคงยกได้เพียงสิ่งของเบาๆเท่านั้น

ผีเด็กก้มศีรษะลงและมองของเหลวสีใสที่อยู่ในมือ

หลี่ฉิงซานทำตัวไม่ถูก เขามองไปรอบๆและรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดวันนี้เวลากลางคืนจึงมาถึงช้านัก

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นดวงจันทร์ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นเวลากลางคืนแล้ว ความรู้สึกของเขาเกิดจากดวงตาที่สามารถมองเห็นในความมืดได้ดีกว่าปกติของเขา มันเหมือนกับหน้าต่างที่พึ่งถูกปัดฝุ่นออกไปและทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัด

หลี่ฉิงซานพึมพำกับตนเอง “พี่วัวเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ เพียงน้ำตาของเขาก็มีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้”

“ดึกแล้ว ข้าต้องเข้านอน เป็นเพราะเจ้า เมื่อคืนข้าจึงไม่ได้พักผ่อน ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้ ข้าต้องฟื้นพลังของข้า”

หลี่ฉิงซานกลับเข้าบ้านขณะที่ผีเด็กนั่งอยู่ที่ประตูทางเข้า ภายใต้แสงจันทร์ ร่างกึ่งโปร่งใสของผีเด็กดูคล้ายกับหยดน้ำที่อยู่ในมือของมัน

คืนนั้นหลี่ฉิงซานนอนหลับสนิท เมื่อเขาตื่น ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ผีเด็กหายตัวไป บางทีมันอาจไม่ต้องการปรากฏตัวในเวลากลางวัน

เขาล้างหน้าและบ้วนปากก่อนจะฝึกหมัดปีศาจวัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยิบดาบที่ได้รับจากหลี่ฝูกุ้ยขึ้นมา ความคิดบางอย่างพุ่งผ่านจิตใจของเขา เขาหยิบเนื้อละมั่งสองสามชิ้นก่อนจะเดินออกไป

สามอันธพาลนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ด้วยท่าทางกังวลใจ การเสียชีวิตของเจ้าหัวล้านหลิวทำให้กลุ่มของพวกเขาสูญเสียกระดูกสันหลัง การใช้ชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ของพวกเขาเริ่มยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาถูกทุกคนเกลียดชังและเหยียดหยาม

พวกเขาต้องการเลียนแบบความโหดเหี้ยมของเจ้าหัวล้านหลิวหรือความชั่วร้ายของหลี่ฉิงซาน แต่พวกเขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร กระทั่งการทำให้ท้องอิ่มยังเป็นปัญหาของพวกเขาโดยไม่ต้องกล่าวถึงการดื่มสุราหรือกินเนื้อ พวกเขาทำงานให้พ่อบ้านหลิวแต่มันยังแทบไม่เพียงพอที่จะซื้ออาหาร กล่าวได้ว่าชีวิตของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หลี่ฉิงซานเดินเข้าไปหาพวกเขา อันตพาลทั้งสามรีบลุกขึ้นต้อนรับ วันนี้หลี่ฉิงซานมาด้วยการแสดงออกที่เย็นชา มือข้างหนึ่งของเขาถือดาบขณะที่มืออีกข้างถือเนื้อ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาโดยธรรมชาติ ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาเพียงเพราะอายุของเขาอีกต่อไป

หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่อความพยายามที่จะประจบประแจงของคนเหล่านี้และวางเนื้อลง “มีบางสิ่งที่ข้าต้องรบกวนพวกเจ้า เนื้อเหล่านี้เป็นสิ่งตอบแทน รวมถึงสิ่งที่พวกเจ้าทำครั้งก่อนด้วย”

“เราไม่สามารถรับความดีความชอบ พี่ใหญ่หลี่เอ้อ เพียงท่านกล่าวออกมา พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำมันให้สำเร็จ!” นั่นคือสิ่งที่กลุ่มอันธพาลกล่าวขณะที่พวกเขารับเนื้อเอาไว้

หลี่ฉิงซานไม่เสียเวลาพูดมาก เขากล่าว “มากับข้า”

เขาออกคำสั่งและหันหลังเดินจากไปทันที

อันธพาลทั้งสามไม่กล้าลังเล พวกเขารีบเดินตามไปอย่างใกล้ชิด

หลี่ฉิงซานยืมจอบและพลั่วจากชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นก่อนจะไปที่บ้านของหลี่ฝูกุ้ย

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ชาวบ้านพึ่งเสร็จจากการทำงานช่วงเช้าและกำลังจะกลับบ้านเพื่อไปกินข้าว พวกเขาเห็นหลี่เอ้อที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในหมู่บ้านนำสามอันธพาลไปยืมอุปกรณ์ต่างๆ พวกเขาไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนที่จะทำสิ่งใด ดังนั้นบางคนจึงเดิมตามเขาไปด้วยความสงสัย ด้วยเหตุนี้คนทั้งหมู่บ้านจึงเริ่มตื่นตระหนก

พวกเขาติดตามหลี่ฉิงซานมาถึงบ้านของหลี่ฝูกุ้ยและสงสัยว่าเขาอาจลงโทษชายขี้เมาผู้นี้

ชายขี้เมาทำให้เขาขุ่นเคืองงั้นหรือ? แต่การทำร้ายชายขี้เมาไม่เหมือนกับการต่อสู้กับความชั่วร้าย มันตรงข้ามกับการต่อต้านหัวหน้าหมู่บ้านหลี่และพ่อบ้านหลิวก่อนหน้านี้ ทั้งสองเหตุการณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากทั้งหมดหนึ่งคือการต่อต้านการกดขี่ อีกหนึ่งคือการรังแกคนอ่อนแอ

อย่างไรก็ตามอันตพานทั้งสามกลับมีความสุขมาก “ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าแก่ขี้เมาผู้นี้ไร้ค่าที่สุด” พวกเขายังตบหน้าอกและเริ่มอาสา “ข้าจะลากเขาออกมาเดี๋ยวนี้!”

เป็นเวลานานแล้วที่พวกเขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้น พวกเขาต้องการทุบตีหลี่ฝูกุ้ยต่อหน้าผู้คนเพื่อแสดงอำนาจ

หลี่ฉิงซานมองกลุ่มอันธพาลด้วยสายตาเย็นเยียบก่อนจะตะโกนเสียงดัง “จะไปหรือไม่?”

ขณะที่ทุกคนกำลังสับสน หลี่ฝูกุ้ยก็รีบร้อนออกมาจากบ้าน “ข้าจะไป!”

ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก นี่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกประหลาดใจ ในอดีต หลี่ฝูกุ้ยมักเมามายตลอดเวลา แต่หลังจากหลี่ฉิงซานมาหาเขาวันก่อน ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ดื่มสุราอีกเลย เขาคิดถึงคำสัญญาของหลี่ฉิงซานแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะหลี่ฉิงซานจะมาหาเขารวดเร็วเช่นนี้

ชาวบ้านรู้สึกสับสนแต่นั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกสนใจเรื่องนี้มาขึ้นเรื่อยๆ

หลี่ฉิงซานพยักหน้า เขาเดินไปข้างหน้าและนำกลุ่มคนไปที่บ้านของหมอผี

ทางเข้าหลักปิดสนิท เห็นได้ชัดว่านางได้รับการแจ้งเตือนแล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่ฉิงซานจึงออกคำสั่งอันธพาลทั้งสาม “เปิดมัน!”

อันธพาลทั้งสามรู้สึกประหม่าทันที ไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่กลัวหมอผี กระทั่งช่วงเวลาที่เจ้าหัวล้านหลิวยังมีชีวิต พวกเขาก็ไม่เคยกล้าพอที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้นาง บ้านอิฐของนางทำหน้าที่เหมือนศาลเจ้าที่มีบรรยากาศลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนมักได้ยินเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นที่นั่นอยู่เสมอ

เมื่อชาวบ้านเห็นหลี่ฉิงซานกำลังจะสร้างปัญหาให้กับหมอผี ความโกลาหลจึงปะทุขึ้น

บางคนพยายามเกลี้ยกล่อมเขา “หลี่เอ้อ อย่าไปยุ่งกับนาง”

บางคนหวาดกลัวมาก “การไม่เคารพเทพเจ้าของเจ้าจะนำไปสู่การแก้แค้น”

เขาเป็นผู้ศรัทธาในตัวหมอผี หากไม่ใช่เพราะดาบที่อยู่ในมือของหลี่ฉิงซาน เขาอาจลงมือกระทำการบางอย่างไปแล้ว

หลี่ฉิงซานไม่พูด เขาใช้เท้าเตะประตูไม้อย่างแรง ประตูที่หนาเท่าท่อนแขนมนุษย์หักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและสร้างเสียงดังขึ้น นี่ทำให้ชาวบ้านตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

หลี่ฉิงานมองย้อนกลับไปด้านหลังและออกคำสั่งสามอันธพาล “เฝ้าอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครเข้ามา”

อันธพาลทั้งสามรู้สึกผ่อนคลายลง อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเข้าไป

หลี่ฉิงซานก้าวข้ามธรณีประตูและเดินเข้าไปในลานบ้าน เขาไปถึงหน้าห้องโถงและกำลังจะเตะเปิดประตู อย่างไรก็ตามประตูกลับเปิดออกด้วยตัวของมันเอง

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันที่ร้อนระอุแต่ภายในห้องโถงกลับเย็นเยียบและกระทั่งมีลมหนาวพัดออกมา

หมอผีในชุดคลุมสีสดใสนั่งอยู่บนแท่นบูชา นางกล่าวด้วยเสียงที่ต่างออกไป “หลี่เอ้อ เจ้ารู้ความผิดของตนเองหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานดึงดาบออกมาจากฝักและตะโกนเสียงดัง “มอบชีวิตของเจ้ามา!”