MDB ตอนที่ 179 เย่หยู่โจวแสนอึดอัด
เมื่อปัญหาของเธอได้รับการแก้ไข เหอฉิงก็ก้าวถอยหลังอย่างมีความสุข
ในขณะเดียวกันเฒ่าเทียนยิ้มเยาะอยู่ข้างในและรำพึงว่า 'ภัณฑารักษ์ไล่เจ้าไปให้พ้นทาง มีเพียงเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างเจ้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อเขา’
'เจ้าสมควรที่จะถูกหลอก'
แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมาดัง ๆ ก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์วิเศษระดับสามของเขาที่ภัณฑารักษ์ทำให้หวาดกลัวยังคงสดใหม่อยู่ในใจของเขา
“จริงสิ ภัณฑารักษ์ ข้าได้นำส่วนผสมยาที่ท่านขอมา แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญได้ เหอฉิงก็หยิบกล่องไม้ออกมาอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนจะเต็มไปหมด
เมื่อได้รับมัน หลินจินก็พบสมุนไพรที่มีค่าค่อนข้างน้อยอยู่ข้างใน หากแปลงเป็นเงิน วัสดุเหล่านี้น่าจะมีมูลค่ามากกว่าหมื่นเหรียญ
‘สาวน้อยคนนี้ช่างใจกว้างจริง ๆ’
ด้วยเหตุนี้หลินจินจึงตัดสินใจว่าเขาจะเติมเต็มความปรารถนาของเธอ แม้ว่าหลินจินจะไม่ชอบพี่สาวของเธอ แต่เขาก็จะเดินทางไปเมืองมังกรหยกเพื่อไปรักษาเธอ
ตั้งแต่เหอฉิงเป็นผู้ริเริ่ม คนอื่น ๆ ก็ระงับคำขอของพวกเขาในตอนนี้และนำของที่รวบรวมมาได้ออกมาเผยให้เห็นขุมทรัพย์ของพวกเขา
รายการสิ่งของของเจียงจื่อฉีนั้นสมบูรณ์ที่สุด ใคร ๆ ก็บอกได้ว่าเขาทุ่มเทกับงานนี้มากแค่ไหน แต่ก็ยังมีของล้ำค่าอีกสองสามชิ้นที่ขาดหายไป
บางทีเขาอาจไม่เคยพบพวกมัน
ทางด้านอีกาทมิฬ เขานำของมาจำนวนหนึ่งมาด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นสมบัติล้ำค่าและหายาก
ตัวอย่างเช่น 'ผลึกอัคคีกลายพันธุ์'
ชาวเมืองเมเปิ้ลไม่เคยได้ยินของมันมาก่อนด้วยซ้ำ มันมีคุณสมบัติในการเสริมประสิทธิภาพของเม็ดยา มันหายากมาก ไม่คิดว่าอีกาทมิฬจะสามารถคว้ามันมาได้
"ไม่เลว!" หลินจินยอมรับมัน แม้ว่าอีกาทมิฬจะดื้อรั้นในตอนแรก แต่ทัศนคติของเขาก็ดีขึ้นมากหลังจากได้รับการตักเตือน
ดังนั้นหากอีกาทมิฬมีอะไรที่เขาต้องการความช่วยเหลือ หลินจินจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเขา
คุณภาพของของมาดามผีเด็กก็สูงอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน ในหมู่พวกันมีส่วนผสมที่สำคัญมากบางอย่างอีกด้วย
แม้ว่าของที่รับจะมีบางอย่างซ้ำกัน แต่ของบางอย่างในแต่ละคนก็มีมาทดแทนส่วนที่ขาดไป ด้วยสิ่งนี้ ทำให้ของที่หลินจินต้องการจึงถูกรวบรวมได้สำเร็จ
สิ่งนี้ทำให้เขาพอใจ
มันคงต้องใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมทุกอย่างและเขาอาจไม่ได้ครบ แต่ถึงเขาจะได้ครบเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน
ประโยชน์ของการมีห้องโถงเยี่ยมชมนี้ มันมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เฒ่าเทียนไม่ได้นำอะไรมาเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากเขาไม่ได้มีส่วนร่วม หลินจินจะไม่ให้รางวัลเขาเช่นกัน
เย่หยู่โจวนำกล่องไม้มาแต่หลินจินไม่ยอมรับ เขาไม่ได้ดูมันและส่งคืนให้เย่หยู่โจว
สิ่งนี้ทำให้ชายชราถึงกับพูดไม่ออก
เย่หยู่โจวไม่รู้เป้าหมายของหลินจินมีสองอย่าง อย่างแรกเขาทำสำเร็จแล้ว ส่วนอย่างที่สอง มันอยู่ระหว่างดำเนินการ
นอกจากเฒ่าเย่ ภัณฑารักษ์ยังยอมรับข้อเสนอของทุกคน ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เย่หยู่โจวรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สิ่งนี้ทำให้เขาหงุดหงิด
สิ่งนี้ดูคล้ายกับเวลาที่เหล่าสาวกนำน้ำชามาให้เขา เมื่อเย่หยู่โจวไม่พอใจกับสาวกคนนั้น เขาจะจงใจละเว้นจากการรับชาของเขาหรือเธอ
มันเป็นการแสดงความไม่พอใจของเขา
สาวกที่ฉลาดกว่าเล็กน้อยจะสังเกตเห็นทันทีว่าพวกเขาทำให้ครูขุ่นเคือง
ต่อจากนั้นพวกเขาจะถามว่าความผิดพลาดของพวกเขาอยู่ที่ไหนโดยหวังว่าจะได้รับคำตอบ
สถานการณ์เหล่านั้นดูเหมือนกับสถานการณ์นี้
เห็นได้ชัดว่าเย่หยู่โจวไม่กล้าเข้าไปหาภัณฑารักษ์ เขารู้ว่าเขาต้องทำให้ภัณฑารักษ์ขุ่นเคืองไม่อย่างนั้นชายคนนั้นคงไม่มีอคติต่อเขาขนาดนี้
แต่เขาทำอะไรผิด?
เย่หยู่โจวไม่เข้าใจ
ภัณฑารักษ์กำลังตอบคำถามของอีกาทมิฬ
คำถามของอีกาทมิฬยังเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการวิวัฒนาการสัตว์วิเศษจากระดับสี่ไปเป็นระดับห้าซึ่งปัญหาที่อีกาทมิฬไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ภัณฑารักษ์ตอบคำถามของเขาแต่ละคน อีกาทมิฬเรียนรู้มากมายและขอบคุณเขาต่อจากนั้น
สิ่งนี้ทำให้เย่หยู่โจวอิจฉา
เขามีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถาม แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร
สำหรับการขอวิธีวิวัฒนาการสำหรับสัตว์เลี้ยงของหยางเจี๋ย เย่หยู่โจวโยนมันทิ้งไปแล้ว เขาไม่สามารถถามคำถามของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจะไปยุ่งกับสัตว์วิเศษของหยางเจี๋ยได้อย่างไร?
เจียงจื่อฉีก็ถามคำถามเช่นกันแต่พวกมันเป็นคำถามเกี่ยวกับวิธีการรักษาสัตว์เลี้ยง ภัณฑารักษ์ก็ตอบด้วยคำตอบที่ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด เย่หยู่โจวรู้สึกเหมือนแมวบนหลังคาดีบุกร้อน เขารู้สึกเหมือนถูกทรมานและทุกคนต่างก็มองออก
เห็นได้ชัดว่าภัณฑารักษ์มีอคติต่อเย่หยู่โจว
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าพูดแทนเขา แม้แต่เหอฉิงก็ยังคิดว่าเย่หยู่โจวอาจทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ภัณฑารักษ์ไม่พอใจ
ตอนนี้เย่หยู่โจวเป็นเหมือนปลาที่ถูกโยนลงบนดินแห้ง
ทิ้งไว้บนนั่น
และปล่อยให้อาบแสงแดดอันร้อนระอุจนขาดใจตาย
ตอนนี้เย่หยู่โจวถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อพูดอะไรบางอย่าง
เขาต้องเป็นคนทำลายความอึดอัดนี้
แต่ก่อนที่เขาจะพูด ภัณฑารักษ์ก็พูดขึ้นทันทีว่า “ท่านผู้เฒ่า ถ้าไม่มีอะไร เชิญท่านออกไปก่อน”
ว่าเย่หยู่โจวรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด
นี่ก็เหมือนกับน้ำเสียงและวิธีการที่เขาใช้กับเหล่าสาวกเมื่อพวกเขาทำผิดพลาด
‘มันเกิดอะไรขึ้น?’
จิตใจของว่าเย่หยู่โจวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา การได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก นอกจากจะทำให้เขาตกใจด้วยแล้ว มันยังทำให้เขาโกรธด้วยซ้ำ
เขาต้องการจะจากไปที่นี่และไม่กลับมาที่นี่อีกเลย
แต่พูดตามตรง เขาไม่มีความกล้าทำเช่นนั้น
ในวัยของเขา เขาจะมีโอกาสอีกกี่ครั้งที่เขาจะพัฒนาขึ้นไปได้? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับสัตว์เลี้ยงของเขามีความสำคัญมากกว่าขอบเขตการบ่มเพาะของเขา ระดับของสัตว์วิเศษเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของประเทศ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าระดับมีความสำคัญมากเพียงใด
มังกรทะลวงเมฆาของเขาติดอยู่ในระดับสี่มานานแล้ว หากไม่ได้พบเจอกับภัณฑารักษ์ในโอกาสนี้ เย่หยู่โจวก็มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะไม่มีวันวิวัฒนาการไปจนกว่ามันจะตาย
ก่อนหน้านี้เขาเคยค้นหาผู้ประเมินที่มีชื่อเสียงแต่ไม่มีใครสามารถช่วยได้ มีเพียงภัณฑารักษ์เท่านั้นที่สามารถให้วิธีวิวัฒนาการแก่เขาได้ ดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของชายผู้นี้
ดังนั้นเพื่อให้สัตว์วิเศษของเขาวิวัฒนาการ เย่หยู่โจวทำได้เพียงเลือกที่จะพึ่งพาภัณฑารักษ์เท่านั้น นั่นเป็นทางเลือกเดียวของเขา
แม้ว่าภัณฑารักษ์จะให้วิธีการวิวัฒนาการแก่เขาแล้ว แต่การพัฒนาสัตว์วิเศษระดับสี่ไประดับห้านั้นซับซ้อนเกินไป หากเย่หยู่โจวทำด้วยตัวเอง มันอาจต้องใช้เวลาถึงสามถึงห้าปี
เย่หยู่โจวไม่ต้องการรอ แม้ว่าเขาจะทำได้ก็ตาม นอกจากนี้ เขาไม่ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างนี้จากภัณฑารักษ์โดยไม่รู้สาเหตุมาจากอะไร
มันไม่ยุติธรรมเลย
แม้แต่ในศาล ผู้กระทำผิดมีสิทธิที่จะได้รับแจ้งว่าตนทำผิดอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ
เมื่อรวบรวมความกล้าได้ เย่หยู่โจวก้าวไปข้างหน้าและคำนับ
“ตอนนี้ข้าสับสนอย่างแท้จริง ข้าขอทราบได้ไหมว่าข้าได้ทำให้ภัณฑารักษ์ไม่พอใจในทางใดทางหนึ่งหรือไม่? หากเป็นความผิดของข้า ข้าจะแก้ไขให้ถูกต้อง”
ภายใต้หน้ากาก หลินจินยิ้มและรำพึงในใจว่า
‘เสียใจด้วยนะ ฉันคงบอกคุณไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าฉันพูดสิ่งที่เกิดขึ้นในสมาพันธ์นักบวชไป ตัวตนของฉันคงจะถูกเปิดเผยแต่คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันตั้งใจจะสั่งสอนคุณแค่นี้เท่านั้น เพื่อเอาคืนเรื่องบ้า ๆ ที่คุณทำไว้กับฉันในวันนี้'
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถตอบได้ ดังนั้น หลินจินพูดอย่างเย้ยหยันว่า
“ลองคิดให้ออกสิว่าเจ้าทำให้ข้าขุ่นเคืองได้อย่างไร เมื่อเจ้าตระหนักได้แล้ว เจ้าก็สามารถมาที่นี่ได้อีกครั้ง”
‘สนุกจริง ๆ’
หลินจินได้ติเตียนเย่หยู่โจวอย่างเด็ดขาด แม้อีกฝ่ายจะเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของสมาพันธ์นักบวช หลินจินก็ทำราวกับว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของชายชรา
แน่นอนว่าการทำเช่นทำให้ความโกรธของหลินจินบรรเทาลงแล้ว เขาตั้งใจว่าจะพอแค่นี้ แต่เขาจะไม่คลายความกังวลของชายชราอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หลินจินสังเกตเห็นขนนกในมือของเย่หยู่โจว
ขนนกสีขาวของนกยูงขาว
เขาอาจต้องการขอรายงานการประเมินและวิธีการวิวัฒนาการของมัน
เย่หยู่โจวคงจะขอมันให้กับหยางเจี๋ย ดังนั้นการปฏิเสธความช่วยเหลือของเย่หยู่โจวในตอนนี้ มันสามารถช่วยเขาให้พ้นจากปัญหาในการปฏิเสธคำขอนี้ในภายหลัง
ในขณะที่การแข่งขันสาวกจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หลินจินจะช่วยพัฒนาสัตว์วิเศษของหยางเจี๋ยได้อย่างไร? นั่นเป็นเพียงการทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องยากสำหรับตัวเขาเอง
นี่เป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่เขาปฏิเสธเย่หยู่โจวในครั้งนี้
เย่หยู่โจวก้มหน้าครุ่นคิด ราวกับกำลังพยายามคิดว่าเขาทำให้ภัณฑารักษ์ขุ่นเคืองได้อย่างไร
หลินจินได้ละความสนใจจากเขาไปยังคนอื่น
เขาเหลือบมองไปที่มาดามผีเด็กและคนหลังก็ก้าวไปข้างหน้า
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ เขาได้ให้วิธีการรักษามาดามผีเด็กไป เขาแค่ต้องตรวจอาการของสัตว์วิเศษของเธอเท่านั้น ตอนนี้เจ้าแมงมุมอาการดีขึ้นแต่ก็ยังต้องการการรักษาจากเขา
หลินจินใช้เข็มลวดขดกับสัตว์เลี้ยงของมาดามผีเด็กเพื่อควบคุมเส้นเลือดของมันและรักษาอาการบาดเจ็บที่เรื้อรัง
นี่เป็นครั้งแรกของกลุ่มที่ได้เห็นเทคนิคการฝังเข็มของหลินจิน พวกเขาอ้าปากค้างประหลาดใจที่มีเทคนิคดังกล่าวอยู่ในโลกนี้
หลังจากนั้นไม่นาน หลินจินก็ดึงเข็มของเขาขึ้นมา
“เอาล่ะ ตอนนี้เขาควรจะปลอดภัยแล้ว คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ฉันให้ไปอย่างเคร่งครัด ทำไปสักเดือนนึง เขาจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ แต่คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต”
คำพูดของหลินจินทำให้มาดามผีเด็กตกใจ เธอสามารถบอกได้ว่ามีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดของเขา
หลินจินได้ศึกษาแมงมุมหน้าทารกของมาดามผีเด็กในพิพิธภัณฑ์ มันเคยเป็นสัตว์วิเศษระดับห้าที่ทรงพลัง แต่อันดับของมันลดลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง
กล่าวอีกนัยหนึ่งสิ่งที่ทำร้ายแมงมุมหน้าทารกคือสัตว์วิเศษระดับห้าหรือสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
หลินจินไม่แน่ใจในก่อนหน้านี้แต่เขาตอนนี้เขาได้รับการยืนยันแล้ว
หลังจากครุ่นคิดบางอย่าง เขากล่าวว่า “มาดามผีเด็ก เดิมทีสัตว์วิเศษของเจ้าอยู่ในระดับห้าแต่ได้ลดลงเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ เจ้าจึงใช้การร่วมเลือด
สิ่งที่ข้าอยากรู้คือเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร เจ้าช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
หลินจินไม่เพียงอยากรู้อยากเห็น แต่เขายังต้องการดูว่าเขาจะได้รับตัวอย่าง DNA ของสิ่งมีชีวิตที่ทำร้ายแมงมุมหน้าทารกตัวนี้ได้หรือไม่? บางทีขนของมันหรือตัวอย่างเลือด จะทำให้เขารู้ว่ามันเป็นสัตว์วิเศษแบบไหน?
หรืออาจจะเป็นนักบวช?
สัตว์วิเศษระดับสูงเช่นนี้ไม่มีทางมีอยู่ในช่วงเวลานี้แน่นอนและไม่มีนักบวชคนใดสามารถพึ่งพากำลังของตัวเองเพื่อทำร้ายสัตว์วิเศษระดับห้าได้
มาดามผีเด็กกล่าวว่า “ภัณฑารักษ์ ข้าจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง ข้ายังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องพึ่งพาท่าน”
ขณะที่เธอพูด เธอหยิบชามเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
“นี่เป็นเลือดของเพื่อนเก่าของข้า เช่นเดียวกับข้า เขากำลังใช้การร่วมเลือดและมีเวลาเหลืออีกไม่มาก เราหวังว่าภัณฑารักษ์จะสามารถช่วยพวกเราได้ แต่เขาไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ดังนั้นข้าจึงนำตัวอย่างเลือดของเขามาให้ท่าน”
สิ่งที่มาดามผีเด็กนามาคือเลือดของชายโลงศพ
หลินจินสะบัดเข็มออกมาแล้วปล่อยให้ตัวอย่างเลือดกลับมาหาเขา
พิพิธภัณฑ์ให้คำตอบทันที
สัตว์วิเศษระดับสี่: ซอมบี้คธูลู
คุณสมบัติ: ธาตุไม้และดิน!
สถานะ: ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสถานะการร่วมเลือด!”
“…”
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าหลินจินคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ดูเหมือนแมงกะพรุนมาก มันเหมือนกับหัวที่มีริบบิ้นงอกออกมาจากมัน หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือหนวด สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่บนบกได้และรูปลักษณ์ของมันยิ่งดูก็ยิ่งน่าขนลุก
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของหลินจินที่ได้ยินชื่อ 'ซอมบี้คธูลู’