803 - เหยียนอวิ๋นหราน
803 - เหยียนอวิ๋นหราน
พี่น้องตระกูลจี้จากไปแล้ว จี้จื่อเยว่บอกว่านางจะกลับเข้ามาอีกครั้งในไม่ช้าและบอกเย่ฟ่านให้ระวังตัว
ในโลกที่ป่าเถื่อนนี้ อันตรายและโอกาสมีอยู่เท่ากัน หลายคนเข้ามาที่นี่เพื่อค้นหาโชคชะตาของตัวเอง ในทุกวันจะมียอดฝีมือที่มีโชควาสนาปรากฏขึ้น ในขณะเดียวกันความตายก็เกิดขึ้นแทบจะปรากฏให้เห็นอยู่ทุกที่
เย่ฟ่านเข้ามาที่นี่หลายวันแล้ว แต่เขายังไม่ได้ไปที่ส่วนลึกที่สุด เพราะมันเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแท้จริง แม้แต่รอบนอกสัตว์อสูรที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่อยู่ข้างใน
อีกสองวันต่อมาเย่ฟ่านพบสมบัติอีกครั้ง มีแผ่นจารึกโบราณอยู่บนยอดเขาที่มีค่ายกลจารึกไว้ ถึงแม้ว่ามันจะสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ใช่ทักษะที่เขาต้องการ
ในเวลานี้ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบร่องรอยแห่งการรู้แจ้งของผู้แข็งแกร่งโบราณ และมองหาโอกาสที่จะทำลายอุปสรรคการฝึกฝนของเขา
เย่ฟ่านคิดทบทวนอยู่เกือบทั้งวัน และเมื่อเขาค้นพบบางสิ่งในใจ เขาก็หันหลังกลับและจากไปทันที
ในขณะเดียวกันนั้นชายคนหนึ่งได้ขึ้นมาบนยอดเขาเดียวกันกับเย่ฟ่าน เขามีความมั่นใจในตนเองอย่างแรงกล้า คนผู้นี้ดูเหมือนจะมีอายุราวๆ ยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี
ผมสีดำกระจัดกระจาย เขามีผิวสีทองแดง ดวงตาแหลมคม และมีง้าวทองแดงอยู่ในมือ
“ไสหัวออกไปให้หมด”
เขากล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้ว่าจะไม่มีแรงกดดัน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับว่าชีวิตและความตายขึ้นอยู่กับเขา และทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เย่ฟ่านขมวดคิ้วและเหลือบมองชายคนนั้นโดยไม่กล่าวอะไร
ชายหนุ่มผู้มาใหม่เดินเข้าหาเย่ฟ่าน ทั้งสองสบตากัน หลังจากนั้นไม่นานเย่ฟ่านก็เลิกที่จะสนใจฝ่ายตรงข้าม เขากำลังจะไปจากที่นี่มันไม่จำเป็นที่จะต้องลงมือต่อกันให้เปล่าประโยชน์
เขาหยุดบนภูเขาที่อยู่ไม่ไกลและค้นหาสมบัติในโบราณสถานต่อไป ไม่นานหลังจากนั้นบางคนก็เข้ามาในภูเขาที่เขาอยู่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
“สถานที่แห่งนี้ถูกข้าหยียนอวิ๋นหรานจับจองแล้ว พวกเจ้าเชิญอ้อมไปอีกทาง”
เสียงเย็นเยียบมาจากชายที่เย่ฟ่านเพิ่งเห็น เขายืนอยู่บนยอดเขา มองไปรอบๆ ทุกทิศทาง
“อะไรนะเหยียนอวิ๋นหรานอยู่ที่นี่ รีบออกไปเร็ว!”
“เขามาที่นี่ทำไม?”
เย่ฟ่านรู้สึกมึนงง คนคนนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ในห้าภูมิภาคหลักก็ยังกลัว เขาต้องเป็นตัวอันตรายอย่างยิ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น บนยอดเขาก็เต็มไปด้วยเมฆมงคลเหยียนอวิ๋นหรานนั่งขัดสมาธิบนหินสีฟ้า และตามที่คาดไว้เขาสงบมาก และมีหมอกสวรรค์ปกคลุมบางเบารอบๆตัว
เย่ฟ่านชำเลืองมอง เขาไม่ได้เห็นอะไรมากนัก เขาตระหนักรู้วิธีด้วยเส้นทางของตนเองอย่างเงียบๆ แล้วหันหลังเดินจากไป
สองวันต่อมา เขามาถึงสถานที่ที่มีสภาพอากาศไม่ปกติ ควันสีม่วงลอยขึ้นจากหน้าผา นกขนาดยักษ์ที่อยู่บนเขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจเมื่อพบเจอกับผู้คน
เขายังพบยาจิตวิญญาณหลายชนิดที่มีอายุราวๆหมื่นปีซึ่งสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ได้กินเข้าไป
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนมากกว่าสิบคนก็บินเข้ามาในหุบเขา พวกเขาต้องการค้นหาสมบัติในซากปรักหักพังของโบราณสถานพวกเขาและรู้สึกว่าอาจมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ซ่อนสมบัติมากมายไว้
“ที่นี่ถูกยึดครองโดยข้าเหยียนอวิ๋นหรานแล้ว ได้โปรดออกไป” ในขณะนั้นเสียงเย็นเยียบดังขึ้น และผู้ที่เข้ามาใหม่ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
“เจ้าบอกให้เราไปพวกเราก็ต้องไปหรือ?”
คนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งซ่อนสมบัติ และพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ในตอนนี้
“อย่ากล่าวมากความ รีบไปดีกว่า คนผู้นี้เข้าไปในฉีซื่อได้อย่างไรเจ้าลืมไปแล้วหรือ? ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวมาก อย่าไปขัดแย้งกับเขา”
มีคนกล่าวเสียงเบา หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็หนีออกไป แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีคนที่ยังไม่อยากยอมแพ้และรั้งรออยู่
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้ากล่าวหรือ?”
เหยียนอวิ๋นหรานมองไปที่พวกเขา น้ำเสียงของเขายังคงสงบนิ่ง คนอื่นๆ ยังลังเล แต่เย่ฟ่านยิ้มอย่างราบเรียบ ครั้งนี้พวกเขาพบกันโดยบังเอิญและเขาไม่ได้วางแผนจะหลบเลี่ยงอีก
เย่ฟ่านถือคันเกาทัณฑ์ว่านซางและเหยียดสายเกาทัณฑ์ให้กลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว พลังแห่งสวรรค์และปฐพีถูกดึงดูดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านยืดสายเกาทัณฑ์อันล้ำค่าของเขาและยิงลูกศรเข้าหาอีกฝ่ายโดยเขาไม่มีความเกรงกลัวสิ่งใด ซึ่งทำให้ทุกคนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“บูม”
เหยียนอวิ๋นหรานหลบหลีกอย่างง่ายดาย แสงเย็นๆสองดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา
ลูกศรนั้นเหมือนกับสายฟ้าที่โจมตียอดภูเขา ภูเขาอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าถูกทำลายจนกลายเป็นที่ราบไปในพริบตา
“บังอาจ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงท้าทายผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักฉีซื่อ”
เย่ฟ่านถือคันเกาทัณฑ์ว่านซาง ดึงสายเกาทัณฑ์ให้เหมือนพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง แก่นแท้สิบทิศที่ไหลออกมาเหมือนน้ำ เทลงในเกาทัณฑ์และส่องแสงในท้องฟ้า
“ปัง!”
คันเกาทัณฑ์สั่นสะเทือนและลูกศรแสงที่สองพุ่งออกมาราวกับสายรุ้งที่น่าตกใจ เป้าหมายของมันคือคอของเหยียนอวิ๋นหราน
“วู้”
“เคร้ง!”
ดวงตาของเหยียนอวิ๋นหรานเป็นประกาย มือขวาของเขาประสานอินและตบไปข้างหน้าอย่างรุนแรง พื้นที่ทั้งหมดบิดเบี้ยวแยกเขาออกจากโลกภายนอก และร่างของเขาก็พร่ามัวไปครู่หนึ่ง
ลูกศรที่สองพลาด มันเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเขาสว่างขึ้น แต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง เขาจ้องมองไปที่เย่ฟ่านราวกับว่าเขากำลังมองสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยไร้ค่า
“นี่ใครกัน ใครที่กล้ายิงเกาทัณฑ์ใส่ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักฉีซื่อ ลูกเกาทัณฑ์ที่ทะลุผ่านความว่างเปล่ามาได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!”
“ลูกเกาทัณฑ์นี้ร้ายแรงมาก มันคือเกาทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาต่างตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาพร้อมกับหลบเลี่ยงออกจากสนามรบ
เย่ฟ่านยิ้มแต่ไม่สนใจ เขาดึงสายเกาทัณฑ์เป็นครั้งที่สาม ประกายแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และลูกศรแสงก็กลายเป็นรูปร่างราวกับทองคำ มันทะลุผ่านช่องว่างและพุ่งออกไป
“ปัง…”
ลูกเกาทัณฑ์นี้ยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก และมันก็สร้างรอยแยกขนาดใหญ่ที่น่ากลัวบนท้องฟ้า เกิดความผันผวนและหลุมดำมืดที่เหมือนกับขุมนรกไม่เห็นก้นได้ปรากฏอยู่ในความว่างเปล่า
เหยียนอวิ๋นหรานหันไปด้านข้างเพื่อหลบหลีก จากนั้นประสานอินไหลตามจังหวะและกระแทกก้านลูกศรด้วยแรงที่มาจากภายใน
เขาหลบเลี่ยงลูกศรมาได้สองลูกแล้ว และคราวนี้เขาต้องการหักลูกศรเพื่อแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาจะฆ่าเย่ฟ่านและต้องการจบการต่อสู้อย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเขายิ่งเฉยเมยมากขึ้นไปอีก
ปัง!
แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและเขารู้สึกถึงเจตนาฆ่าที่ทรงพลังซึ่งพุ่งมาจากด้านข้าง เขารู้สึกถึงวัตถุมีคมมีคมที่กำลังโจมตีศีรษะของเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
คนอื่นๆต่างอุทานพร้อมกัน ลูกศรแสงที่ยิงออกไปสองครั้งแรกนั้นพุ่งกลับมา พร้อมกับลูกศรแสงที่สาม ลูกเกาทัณฑ์ทั้งสามมุ่งโจมตีที่ส่วนสำคัญของเหยียนอวิ๋นหราน
เกาทัณฑ์ว่านซางเป็นสมบัติลึกลับ มีพลังทำลายล้างสูง และสามารถผนึกพลังปราณของผู้คนได้ เว้นแต่ลูกศรแสงจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จึงจะหยุดการโจมตีลง
ลูกศรแสงดอกแรกกระทบยอดภูเขา และลูกศรแสงดอกที่สองผ่านร่างเหยียนอวิ๋นหรานและตอนนี้พวกมันทั้งหมดปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พลังการโจมตีของมันไม่ลดลงแม้แต่น้อย แก่นแท้ของสวรรค์และพิภพถูกดึงมาใช้อย่างต่อเนื่อง
“โอ้ นี่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังอย่างแน่นอน!”
“นี่ควรจะเป็นเกาทัณฑ์ว่านซางในตำนาน ตราบใดที่คนยิงมีความแข็งแกร่งพอ แม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้!”
ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ต่างเบิกตากว้างและมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึงง ไม่นานลูกศรสองลูกที่อยู่ข้างหลังได้ทะลุผ่านยอดเขาแล้วหายไปในท้องฟ้า
ในเวลานี้พวกมันวกกลับมาด้วยความเร็ว ไอสังหารแผ่ออกมาทั่วพื้นที่
เหยียนอวิ๋นหรานสงบมากเขาประสานอินด้วยมือทั้งสอง นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าแต่ทรงพลัง ทันใดนั้นสถานที่แห่งนี้ก็พร่ามัวและลึกลับราวกับว่าประตูสวรรค์ถูกเปิดออกแล้ว
“นี่เป็นทักษะลับอะไร ข้ารู้สึกเหมือนดินแดนแห่งนี้ถูกแยกออกจากโลกโดยสมบูรณ์?!” หลายคนเกิดความแปลกใจ