ตอนที่ 114 ข้อตกลง
รอยแผลเป็นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจมา ชีวิตของพวกเขาได้ห่างจากความตายแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดกลับมาได้ บาดแผลพวกนั้นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในตัว
ดวงตาของซูข่านมองไปด้วยความเคารพ
พวกเขาคือความภาคภูมิใจของคนจีนทั้งประเทศ พวกเขาสมควรถูกยกย่องให้มีชื่อเสียงกว่าดาราหรือซุปเปอร์สตาร์อีก
"คิวต่อไปใคร"
ซูข่านได้ยินเสียงพูดของผู้ชายกำยำที่ดูเหมือนกำลังต่อคิวฝึกฝนอะไรบางอย่างอยู่ โดยมีซงหมิงเจียงเป็นผู้ฝึกสอนคนเหล่านั้น
รูปแบบการฝึกของพวกเขามีความซับซ้อนสูงมาก แสดงให้เห็นถึงการเติบโตมาเพื่อที่จะเป็นนักสู้ที่แท้จริง
คนพวกนี้ได้ไปสู้ในสงครามและเผชิญกับความตายมานับครั้งไม่ถ้วน การตอบสนองของพวกเขาเฉียบแหลมจนถึงขีดสุด ยากที่คนธรรมดาจะเทียบกับทหารผ่านศึกเหล่านี้ได้
ซูข่านรู้สึกได้แม้ว่าคนแบบซู่เฟิงสัก 4 คน ก็ไม่อาจเอาชนะคนเหล่านี้ได้ ต่อให้อยู่กลางวงล้อมก็ตาม
ไม่ใช่เพราะซู่เฟิงอ่อนแอ แต่เพราะคนเหล่านี้แข็งแกร่งเกินมนุษย์ทั่วไปแล้ว
ถึงพวกเขาจะมีรูปร่างและพละกำลังที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถลืมพี่น้องในสนามรบได้ ความสามัคคีของพวกเขานี่แหละ ที่ใช้เอาชนะศัตรูมานับครั้งไม่ถ้วน
หากมีศัตรูคนใดต้องการที่จะสู้กับพวกเขาด้วยมือเปล่า รับรองว่าต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน
ซู่เฟิงมองแล้วหันกลับไปพูดกับซูข่านเบาๆ
"พี่สามครับ พี่ดูคนพวกนี้สิ รอยแผลเป็นบนตัวเต็มไปหมด"
"พี่สาม"
ทันใดนั้นเอง เสียงของซงหมิงเจียงก็ดังขึ้น เขามองมาที่ซูข่านและตะโกนเสียงดัง
ซงหมิงเจียงเห็นซูข่านตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาแล้ว แต่เขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของพี่น้องเขา
การที่กลับมาจากสงครามหลายเดือนแล้ว แต่ศักยภาพของพวกเขาก็ยังมีอยู่ไม่น้อย
ซงหมิงเจียงเชื่อว่าซูข่านต้องเห็นอะไรบางอย่างที่เขาอยากให้ดูได้แน่
เขามองดูที่สายตาของซูข่านก็เห็นความชื่นชมในตัวพวกเขา
"เฮ้อ"
ซงหมิงเจียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ชายที่ชื่อซูข่านคนนี้มีอำนาจเหนือกว่าคนทั่วไปมาก แถมยังใจกว้างอีก เขาสามารถให้ค่าจ้างที่สูงแก่พี่น้องเขาได้
ในยุคนนี้จะมีใครบ้างที่สามารถทำได้
ถ้าไม่ซูข่านละก็ พี่น้องของซงหมิงเจียงจะต้องเดินเตะฝุ่น ไม่ก็ต้องทำฟาร์มไปวันๆแน่นอน
"พี่สามอย่างงั้นเหรอ"
"งั้นก็เป็นคนที่พูดถึงสินะ"
"เขาดูไม่เหมือนจากที่ข้าคิดไว้เลย"
"ยังหนุ่มอยู่เลย…"
พี่น้องของซงหมิงเจียงได้พูดคุยกัน หลังจากที่ซงหมิงเจียงได้เรียกซูข่านว่าพี่สาม บรรยากาศที่แสนกดดันในตอนแรกที่เข้าประตูมาก็ได้ผ่อนคลายลง พวกเขาไม่ได้ปล่อยรังสีอาฆาตแล้ว
ซงหมิงเจียงมองดูพี่น้องของเขาที่มึนงงเล็กน้อย เขาเลยตะโกนเสียงดัง
"ทำไมถึงยังยืนนิ่งกันอยู่ รีบทำความเคารพเร็ว"
คนเหล่านั้นได้ทำการก้มหัวอย่างรวดเร็ว
"ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ พวกนายก็เป็นเหมือนพี่น้องฉันนั่นแหละ"
ซูข่านพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
จากนั้นซูข่านก็ได้เดินไปด้านหน้าของเหล่าชายชาตรี
ซงหมิงเจียงเลยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"พี่สาม เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้คนเหล่านี้ให้พี่ได้รู้จัก"
"นี่คือพี่ใหญ่สุดต้าชุน ส่วนคนนี้เราเรียกเขาว่าเหลาหลี่ คนผอมคนนี้ชื่อโซวซี และสุดท้ายเขาแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเราเรียกเขาว่าไทเกอร์"
ต้าชุน เหลาหลี่ โซวซี และไทเกอร์ ทั้งสี่คนมองไปที่ซูข่านด้วยความสงสัย
ยิ่งมองพวกเขาก็ยิ่งแปลกใจ ชายหนุ่มคนนี้จริงๆนะเหรอ
ที่จะมีงานให้พวกเขาทำ และยังให้เงินเดือนสูงถึง 50 หยวนอีก
"ไม่เลว"
ซูข่านพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาคนพวกนี้คนที่ชื่อเหลาหลี่เป็นคนที่ได้ฝึกกับซงหมิงเฉียงนี้เมื่อสักครู่
ทักษะของเขาสามารถต่อกรกับซงหมิงเฉียงได้เลย ถึงแม้จะไม่ได้เอาชนะเขาได้ก็เถอะ
คนนี้ๆไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซงหมิงเฉียงเแม้แต่น้อย ถ้าได้สู้กับหัวขโมยวันก่อนก็คงเอาชนะได้สบาย
ซงหมิงเฉียงเห็นว่าซูข่านพอใจกับพี่น้องของเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
"นายทำได้ดีมาก"
ซูข่านชื่นชมซงหมิงเฉียง
ซงหมิงเฉียงก้มหัวลงเล็กน้อย เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายของเขาถึงได้ตอบสนองแบบนี้ออกมา
เขารู้สึกเหมือนกับว่าซูข่านเป็นเหมือนผู้บังคับบัญชาในค่ายทหาร
"พวกนายนั่งลงก่อนสิ"
ซูข่านมองดูม้านั่งที่อยู่ข้างๆ บนโต๊ะมีขวดไวน์ที่กินแล้ววางอยู่
เดาได้เลยว่าเมื่อคืนต้องเป็นปาร์ตี้ที่สนุกมาก ไม่งั้นตอนเช้าคงไม่มีแรงเหลือเยอะขนาดนี้หรอก
ซูข่านคิดว่าเมาแล้วไม่สร้างปัญหาก็โอเคแล้ว
"นี่ครับพี่สาม"
ซู่เฟิงเช็ดทำความสะอาดเก้าอี้และหยิบมันมาวางข้างๆซูข่าน
"เชิญพี่สามนั่งได้เลยครับ"
ซูข่านมองไปที่เก้าอี้และนั่งลง เขาเห็นซงหมิงเฉียงและพรรคพวกไม่มีใครนั่งตามเขา
ซงหมิงเฉียงและพรรคพวกคิดว่าซูข่านคือเจ้านายของพวกเขา
พวกเขาไม่กล้าที่จะนั่งเคียงคู่กับเจ้านายอย่างเท่าเทียม
ซูข่านเห็นก็ไม่ได้บังคับอะไร นี่คือเกียรติของลูกผู้ชาย เขามองไปที่ซงหมิงเฉียงและพูดว่า
"หมิงเฉียง ตอนนี้ฉันมีงาน 2 ที่ ที่แรกในหนานจิงแห่งนี้ งานอีกที่หนึ่งต้องเดินทางไปทางใต้ ไปที่เผิงเฉิง"
"ในอีก 2-3 วัน ฉันจะมาคุยกับพวกนายเรื่องใครจะอยู่ที่นี่ใครจะต้องไปที่เผิงเฉิง"
หลังจากร้านอาหารวังหลวงเปิด ลู่กั๋วเฉียงก็จะเดินทางลงไปทางใต้เพื่อที่เปิดโรงงานที่เผิงเฉิง
ซูข่านคิดว่าสูเจิ้งเหมาและลู่กั๋วเฉียงจะต้องทำเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแน่ๆ หากว่าลู่กั๋วเฉียงทำตามที่ซูข่านบอกทุกอย่าง
ณ เวลานี้คนที่เดินทางมาจากตะวันออก ตะวันตก เหนือและใต้คงยังวุ่นวายกันอยู่
ซูข่านเลยรอพรรคพวกของซงหมิงเฉียงมาให้ครบก่อนแล้วถึงจะแบ่งทีมกันทำงาน
งานที่เผิงเฉิงสำคัญมาก เขาจะเสียมันไปไม่ได้