ตอนที่ 113 สถานที่ที่เต็มไปด้วยโอกาส
"เจ้านายจะให้ฉันไปหนานจิงด้วยเหรอคะ"
จางหม่านสะบัดหน้าและถามด้วยความสงสัย
"ใช่ เธอมาพร้อมกับผู้จัดการหวางเลย แม้ว่าว่าที่นี่จะกันดารไปหน่อยสำหรับพวกเธอ แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย"
ซูข่านพูดถูก มหาเศรษฐีในประเทศจีนรุ่นหลังล้วนลาออกจากงานประจำในฮ่องกงแล้วเดินทางมาที่แผ่นดินใหญ่
หลายต่อหลายคนได้เริ่มทำธุรกิจของตัวเองและกลายเป็นมหาเศรษฐี
ซูข่านไม่เพียงแต่ทำการเล่นหุ้นต่างประเทศหรือฟิวเจอร์อย่างเดียวเท่านั้น เขายังมีธุรกิจอื่นที่สามารถหาเงินได้อีกจำนวนมาก
ในอนาคตมูลค่าทางการตลาดในจีนอาจสูงถึงระดับล้านล้านหยวนเลยก็ได้ มีมากกว่าพันบริษัทที่ได้เริ่มทำธุรกิจในประเทศจีน
ไม่ต้องพูดถึงซูข่าน เขาเตรียมพร้อมที่จะร่วมมือกับธุรกิจเหล่านี้อยู่แล้ว เขาจัดเตรียมแผนล่วงหน้าสำหรับการร่วมมือของทั้งสองฝ่าย
จางหม่านพยักหน้าของเธอและพูดว่า
"เข้าใจแล้วค่ะ"
จากนั้นซูข่านก็วางสาย
หลังจากที่ซูข่านวางสาย ภาพของคนๆหนึ่งก็ได้แว่บเข้ามาในหัวของเขา
"สุดยอดเลยพ่อหนุ่ม"
เสียงหัวเราะได้ขัดจังหวะการคิดในหัวของซูข่าน
เขาหันไปมองก็เห็นลุงที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่ปรบมือ และยกนิ้วโป้งให้เขา
"น่าทึ่งจริงๆพ่อหนุ่ม คุยภาษาต่างประเทศได้ด้วย สุดยอดจริงๆ"
"ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน พวกฝรั่งที่มาเที่ยวหูทงก็พูดแบบเดียวกับพ่อหนุ่ม"
"ไม่แปลกเลยที่เฒ่าหวางบอกว่าพ่อหนุ่มคุยโม้ เฒ่าหวางต่างหากที่ไม่เข้าใจภาษาของพ่อหนุ่ม"
"ในหนานจิงจะมีสักกี่คนที่พูด 2 ภาษาได้แบบพ่อหนุ่ม ฮ่าๆๆ"
พวกลุงๆและคนชราที่เล่นหมากรุกต่างได้แซวซูข่านด้วยน้ำเสียงที่ติดตลก
ซูข่านยิ้มเล็กน้อยแล้วคิดในใจ
คนพวกนี้ไม่รู้เลยสินะ ว่าเรื่องที่คุยจบไปคือเงินจำนวนหลายพันล้าน
ช่างมันเถอะ บอกไปพวกเขาคงไม่เชื่อกันหรอก
แค่บอกถึงเงิน 1,000 หยวน คนพวกนี้ก็แทบจะไม่เชื่อแล้ว
ในยุคสมัยนี้ประเทศจีนยังล้าหลังเกินไป ข่าวสารต่างๆ และสื่อภายนอกจะถูกบล็อคหมด ทำให้คนพวกนี้ไม่รู้ถึงการมีอยู่ในโลกภายนอกเลย
ในช่วงต้นปี 1990 บริษัทฮัวเซี่ยได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งมันทำให้กิจวัตรประจำวันของคนจีนเปลี่ยนไป
บริษัทฮัวเซี่ยได้ทำการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ โดยประเทศที่เป็นลูกค้ารายแรกๆก็คือประเทศเกาะรอบๆประเทศจีน
พวกเขาได้ซื้อเครื่องจักรจากประเทศจีน ซึ่งแน่นอนราคาถูกกว่ายุโรปหรือพวกอเมริกาอีก ไม่เพียงแค่นั้นฮัวเซี่ยยังได้ส่งช่างเทคนิค ไปสอนการใช้งานและซ่อมบำรุงเครื่องจักรอีก
สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก
"เฮ้อ"
ซูข่านถอนหายใจและพูดว่า
"พวกลุงเล่นหมากรุกต่อเถอะครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว เดี่ยวพวกลุงจะเสียสมาธิเปล่า"
จากนั้นซูข่านก็ได้พุ่งตัวออกจากร้านทันทีและตรงดิ่งกลับไปยังบ้าน
ซูข่านมาถึงก็ไปนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขาทันที และจิบชาด้วยความสบายใจ
วันนี้เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง อากาศไม่ได้ร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไป
ซูข่านจิบชาและพูดกับตัวเองว่า
"พวกหมิงเจียงที่ไม่ได้เจอกันมานานจะปาร์ตี้กันสนุกแค่ไหนกันนะ"
ซูข่านไม่อยากจะไปรบกวนการพบกันของพี่น้องที่ไปร่วมทำสงคราม
หลังจากดื่มชาไปสักพัก ซูข่านก็ได้ลงไปที่ห้องลับและพูดคุยกับเฒ่าหลี่อยู่พักใหญ่
เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาเก้าโมงเช้า
ซูข่านเดินมาหน้าบ้านก็เห็นอากาศวันนี้อบอุ่น ไม่หนาวเกินไป เหมาะแก่การไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน
ดังนั้นซูข่านว่าจะไปหาซงหมิงเจียงที่บ้านสักหน่อย
เขาเดินมาที่หน้าบ้านและโบกมือเรียกซู่เฟิง
"ครับพี่สาม"
ซู่เฟิงวิ่งมาหาซูข่านอย่างรวดเร็ว
"ไปหาหมิงเจียงกัน"
ซูข่านมองไปที่ซู่เฟิงและพูด เขาเห็นรอยคล้ำแดดของซู่เฟิง แสดงให้เห็นถึงการที่เขายืนอยู่รอบๆบ้านเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่ทั้งวัน ในยุคที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือและกล้องวงจรปิด ก็ต้องใช้แรงงานคนนี่แหละทดแทน
ซูข่านออกเดินนำซู่เฟิง บ้านที่เขาให้ซงหมิงเจียงไป อยู่ไม่ไกลจากบ้านซูข่านมาก
ไม่เพียงแค่บ้านหลังนั้นที่ซงหมิงเจียงอยู่ ยังมีบ้านอีกหลายหลังที่ซูข่านเป็นเจ้าของอยู่ บ้านบางหลังก็อยู่ติดกันที่ดินโล่งๆ หรือบ้านติดบ้านต่อๆกันก็มี
ซูข่านไม่สามารถจำได้ทั้งหมด
ในอนาคตซูข่านตั้งใจที่จะเปิดบริษัทที่จะจัดการอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง
เขาคิดแล้วว่าที่ดินและบ้านของเขามีมากพอที่จะจัดการเรื่องแบบนี้
ในเซียงเจียงมีเศรษฐีคนหนึ่งได้ซื้อที่ดินและซื้อบ้านไว้ตลอดชั่วชีวิตของเขา แต่ส่วนใหญ่แล้วเศรษฐีคนนั้นจะขายอย่างเดียวไม่ปล่อยเช่า
ต่อมาเศรษฐีคนนั้นได้เสียชีวิต ทรัพย์สินทั้งหมดถูกยกให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ลูกชายของเศรษฐีได้ทำการเปิดบริษัทให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และซื้อขายอีกด้วย ซึ่งมันสามารถทำเงินให้มากกว่า 10,000 ล้านต่อปี
ซูข่านรู้สึกว่าถ้าเขาทำแบบเศรษฐีคนนั้น บางทีเขาอาจจะมีรายได้ที่กว่าพวกนั้น 2 เท่า
หนึ่งปีสามารถทำเงินได้ 20,000 ล้าน
จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้แบบนี้
ระหว่างที่คิดเรื่องนี้ ซูข่านและซู่เฟิงก็ได้เดินมาถึงบ้านหลังหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ข้างใน
นอกจากนั้นยังมีเสียงกระทบ หรืออะไรสักอย่างที่กำลังทุบกันอยู่
"หือ?"
ซู่เฟิงงุนงง เขาเกาหัวของเขาและถามซูข่านว่า
"พี่สาม เกิดอะไรขึ้นข้างใน ทำไมมีเสียงแปลกๆดังออกมา"
ซูข่านก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ไอ้ชุน ตั้งแต่มีเมียเนี่ย ร่างกายฝืดลงเยอะเลยนะ สงสัยเอาแรงไปลงที่เมียหมด"
"ไอ้ชุนเอ๊ยอวดดีซะเหลือเกิน มาลองกับข้าดูหน่อยดีกว่า อยากจะรู้เหมือนกันเก่งแค่ไหนเชียว"
"ไอ้จงเอ๊ย ถ้าแพ้ละก็เป็นเสียหมาเลยนะเว้ย"
"ข้าพนันว่าฝั่งหมิงชนะ"
"ข้าพนันว่าหลี่ชนะ"
ระหว่างที่ซู่เฟิงและซูข่านได้ยืนอยู่หน้าบ้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงหยาบๆพูดคุยกันเสียงดัง ซูข่านยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"พี่สามครับ ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้อยู่ข้างในบ้าน"
ซู่เฟิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ซูข่านส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม
"ไม่เป็นไร เข้าไปดูกันเถอะ น่าสนใจจะตาย"
ซูข่านพอเดาได้ว่าข้างในจะเกิดอะไรขึ้น
"แกร๊ก"
ซู่เฟิงเปิดประตูและเดินเข้าไปพร้อมกับซูข่าน ทันใดนั้นเองสายตาที่เฉียบคมอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ก็ได้จ้องมองมาที่พวกเขา
ซู่เฟิงตกใจจนแทบจะเป็นลม
ซูข่านกวาดสายตาไปมองก็เห็นซงหมิงเจียงและผู้ชายร่างกายกำยำ 2-3 คน พวกเขาทั้งหมดถอดเสื้อ ร่างกายของพวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
แถมมีรอยแผลเป็นทั่วร่างกายของพวกเขา
ซูข่านมองดูคนเหล่านั้นก็รู้ได้ทันที
พวกเขาทั้งหมดเคยมีประสบการณ์ที่ผ่านความตายในสงครามมาแล้ว รอยแผลเป็นพวกนี้บ่งบอกได้ถึงความกล้าหาญของพวกเขาในสงคราม