Ep.256 - ป้อมปราการหอคอยเขตแดน
2/3
Ep.256 - ป้อมปราการหอคอยเขตแดน
ดวงตากลมโตของเจียงหนานเต็มไปด้วยประกายของความเลื่อมใส
“พี่มหาเทพช่างน่าอัศจรรย์!”
“ฉันได้ยินจากเจ้าหมาหมดแล้ว”
“พี่ฆ่ามอนสเตอร์เจ้าถิ่นด้วยตัวคนเดียว!”
เจียงหนานจงใจไม่ลดเสียงของเธอ มีคนไม่มากนักในที่หลบภัยของโนมส์ และนักศึกษาผู้งดงามเป็นที่สะดุดตาของผู้คนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเสียงของเธอดังขึ้น จึงได้รับความสนใจจากทุกคน
อะไรนะ?
ฉันหูฝาดไปใช่ไหม?
คนๆเดียว ... ฆ่าระดับเจ้าถิ่นได้!?
นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดปลอมตัวมาหรอกนะ?
ทุกสายตาเหม่อมองฮังอวี่
นักรบคนหนึ่งเอ่ยถามทันที “น้องเจียง เมื่อกี้พูดจริงหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้” นักบวชอีกคนหนึ่งกระซิบ “คนๆเดียวจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นได้ยังไง!”
“หืม ฉันจะโกหกไปทำไม พี่มหาเทพไม่ใช่แค่ฆ่ามอนสเตอร์เจ้าถิ่นเท่านั้น แต่มันยังเป็นระดับเจ้าถิ่นเลเวล 8 อีกด้วย!” เจียงหนานตอบคำถามของคนอื่นๆ “คุณทำไม่ได้ ก็ใช่ว่ามหาเทพฮังจะทำไม่ได้ซักหน่อย อย่าลืมสิว่าเขาคือคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในกองกำลังนับพันของค่ายสามนะ!”
แม้จะเอ่ยแบบนั้น แต่กลับยังมีหลายคนแสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ
มอนสเตอร์เจ้าถิ่นคือตัวตนแบบใด? มันแทบจะเรียกได้ว่าน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าความตาย!
คนส่วนใหญ่ในที่นี้ยังมีภาพความแข็งแกร่งของผู้บัญชาการหมูป่าฝังหัวอยู่ อีกทั้งบางคนยังเคยดูวิดีโอทางเน็ต
แค่ระดับเจ้าถิ่นเลเวล 5 ก็น่าสยดสยองมากพอแล้ว
เช่นนั้นเจ้าถิ่นเลเวล 8 จะน่ากลัวขนาดไหน?
ฉะนั้น เรื่องที่ชายคนเดียวสามารถสังหารระดับเจ้าถิ่นด้วยตัวคนเดียว มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
อย่างไรก็ตาม ในที่นี้ก็มีหลายคนที่เคยเห็นฮังอวี่สู้ผู้บัญชาการมนุษย์หมูป่ากับตาตัวเองมาแล้วเหมือนกัน บวกกับบางคนอยากเอาใจสาวสวย จึงเริ่มตะโกนขึ้นมา
“สุดยอด!”
“ลูกพี่ฮังโคตรเจ๋ง!”
“ได้โปรดรับการคารวะจากฉันด้วย!”
“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของค่ายมนุษย์หมูป่า!”
เมื่อเห็นหลายคนเคารพและยำเกรงฮังอวี่
เจียงหนานก็เกิดรู้สึกสุขจากส่วนลึกของจิตใจ
ในชีวิตจริง นักศึกษาสาวเติบโตมาในเรือนกระจก ประสบการณ์ชีวิตยังน้อย ยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง ดังนั้นพอเจอมหาเทพที่น่าเคารพเทิดทูน เธอจึงหลงใหลและมีความสุขในทุกเรื่องของเขา
เจียงหนานเคยนึกสงสัยเวลาเห็นคนอื่นคลั่งไคล้ไอดอล
โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้เลยว่าการบูชามหาเทพกับความหลงใหลในไอดอลของแฟนๆนั้นแทบจะเหมือนกัน ตอนนี้เธอกลายเป็นแฟนพันธ์แท้อันดับหนึ่งของฮังอวี่เรียบร้อยแล้ว
และในบางครั้ง การที่เธอกับเขาอยู่ห่างไกลกันมันก็เป็นอะไรที่สวยงาม
เนื่องจากไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตจริงของคนๆนั้นเป็นอย่างไร
มันทำให้เธอสามารถจินตนาการไปไกลได้
ฮังอวี่ในสายตาของเจียงหนาน เขาคือหนึ่งเดียวที่รวมไว้ซึ่ง , ความแข็งแกร่ง , ความลึกลับ , ความฉลาด , ความรู้สึกปลอดภัย , บางครั้งก็มีออารมณ์ขัน , บางครั้งก็หยิ่งทะนง แต่เขาก็ยังดูแลคนอื่นอย่างเหมาะสม ... โดยรวมแล้วช่างเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ!
ฮังอวี่กล่าว “เธอกลายเป็นคนประกาศข่าวเหมือนหวังเอ๋อไปแล้วหรือไง?”
เจียงหนานแลบลิ้น ท่าทีดูสนุกสนาน “พี่มหาเทพควรได้รับความเลื่อมใสจากทุกคน”
“พวกเราเข้าใจดีว่าเสี่ยวฮังเป็นคนค่อนข้างติดดิน และไม่ชอบดึงดูดความสนใจเท่าไหร่นัก”
“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้ว นายคือคนที่จะนำพวกเราฝ่าหอคอยเขตแดน”
จ้าวหมิงเดินเข้ามาพร้อมกับคนอื่นๆ
เมื่อฮังอวี่ได้ยินจ้าวหมิงพูดแบบนั้น เขาเอ่ยถามทันที “เรื่องกวาดล้างมอนสเตอร์ชั้นในของเขาวงกตไปถึงไหนแล้ว?”
“การต่อสู้ในวันนี้ดำเนินไปด้วยดี พวกเราฆ่ามอนสเตอร์ไป 10 กลุ่ม และเกือบจะไปถึงใต้หอคอยเขตแดน”
“แต่ยังไงก็ตาม ใต้หอคอยเขตแดนมีป้อมปราการที่ได้รับการปกป้องอย่างดี มีพวกมอนสเตอร์คอยเฝ้ายามอย่างแน่นหนา”
“พวกเรามีคนน้อยเกินไป เลยไม่มั่นใจว่าจะบุกฝ่าไปได้ บวกกับเริ่มมืดแล้ว เพราะงั้นเลยตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับมา”
จ้าวหมิงอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ
จางเสี่ยวเฉียงตะโกนด้วยน้ำเสียงเกินจริง “ลูกพี่ฮัง ต่อไปพวกเราต้องพึ่งลูกพี่แล้ว!”
ฉูเทียนหัวและเฉินหยูพยักหน้าว่าเห็นด้วย
แม้ทั้งสองจะรู้สึกไม่พอใจที่ฮังอวี่ได้รับแสงไปคนเดียว
แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าฮังอวี่คืออัจฉริยะอย่างแท้จริง
ความยากของป้อมปราการหอคอยเขตแดนสูงมากอย่างแน่นอน
แต่ถ้าได้ฮังอวี่มาคอยสั่งการ ทุกคนสามารถเห็นได้รำไรถึงกำไรอันงดงาม
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีใครอยากเสี่ยงลองผิดลองถูกอีก ควรเลือกลงมือในทีเดียวด้วยหนทางที่ดีที่สุด
“ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจดี”
“ป้อมปราการนี้ยากจริงๆ ด้วยพลังของคนๆเดียวไม่มีทางผ่านไปได้”
ฮังอวี่พยักหน้ายืนยัน “เพราะงั้นพวกเราต้องร่วมมือกัน”
“ที่นี่มีคนอยู่แค่ร้อยนิดๆเท่านั้น คิดโจมตีป้อมปราการหอคอยเขตแดนยังถือว่าน้อยไปไหม?” ฉูเทียนหัวเอ่ยปากถามข้อกังวลในใจเขา “ครั้งก่อนที่พวกเรารวมกลุ่มโจมตีค่ายมนุษย์หมูป่า พวกเราระดมคนได้มากกว่านี้เยอะ”
“คนเยอะไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป ถ้าคนเยอะแต่เลเวลต่ำ พวกเขาอาจถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเรา แทนที่จะเสี่ยงส่งคนจำนวนมากไป สู้เน้นส่งคนที่มีพลังรบแข็งแกร่งไปในจำนวนน้อยๆดีกว่า แต่พวกคุณไม่ต้องกังวล ครั้งต่อไปที่มาโลกวิญญาณ ผมจะนำกำลังสนับสนุนสุดแกร่งมาด้วย”
กำลังสนับสนุน?
นั่นหมายความว่ายังไงกัน?
หรือว่าฮังอวี่จะรู้จักยอดฝีมือคนอื่นๆอีก?
ถึงยอดฝีมือในค่ายจะมีมากมาย แต่นอกจากยอดฝีมือระดับเฟิร์สคลาสอย่างฮังอวี่แล้ว ยังมีคนที่ทำให้เขาเอ่ยปากว่าสุดแกร่งอยู่อีกหรือ?
ฮังอวี่ไม่ได้อธิบายอะไรลึกไปกว่านี้ แต่ก้ไม่มีใครเอ่ยถามเขาเช่นกัน
เพราะถึงยังไงมาโลกวิญญาณครั้งหน้าพวกเขาก็จะได้คำตอบอยู่แล้ว
จากนั้น ฮังอวี่นำสินสงครามที่ได้รับออกมาวางขาย แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนพึ่งจ่ายหินคริสตัลจำนวนมากให้แก่พ่อค้าลึกลับ ดังนั้นตอนนี้ไม่มีสำรองมากพอจะซื้อของ
ส่วนเรื่องแลกเปลี่ยน?
มีหลายสิ่งที่ฮังอวี่ยังขาดก็จริง
แต่สิ่งที่เขาขาดไม่อยู่ในมือของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
“นายคิดราคาหินสกิลของนักรบห้าวหาญยังไง?”
หลังจากพบว่าหินสกิลมรดกขั้น 2 ก้อนนี้เหมาะสมกับตน ฉูเทียนหัวก็แสดงท่าทีสนอกสนใจขึ้นมาทันที หินสกิลดังกล่าวมีค่ามาก หากพลาดจากมือฮังอวี่แล้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้มันมา จึงเอ่ยถามราคาดู
“มีสามทางเลือก” ฮังอวี่เสนอเงื่อนไขของตนเอง “หนึ่ง : ขายราคา 200 หินคริสตัลเขียวห้ามต่อรอง สอง : แลกเปลี่ยนกับหินสกิลสีเขียว ‘ควงอาวุธคู่’ ของผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ สาม : แลกเปลี่ยนกับหินสกิลปราณโทสะคลั่งของเบอร์เซิร์กเกอร์ + ส่วนต่างที่ขาดไป”
สีหน้าของฉูเทียนหัวกลายเป็นหม่อนหมอง
200 หินคริสตัลเขียวเป็นราคาที่ไกลเกินเอื้อมอย่างไม่ต้องสงสัย
กระทั่งตัวเขายังเป็นจำนวนเงินมหาศาล
ส่วนหินสกิลขั้น 2 ทั้งสองก้อนที่ฮังอวี่ต้องการตอนนี้เขาไม่มีเช่นกัน
“ขอเวลาฉันหน่อย ครั้งนี้พวกเราจ่ายหินคริสตัลกันไปเยอะ มันค่อนข้างยากถ้าจะเอาหินคริสตัลเขียวออกมาจ่ายอีก 200 ก้อน” ฉูเทียนหัวกล่าว เขาหยุดพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “เอาไว้ฉันจะลองตามหาหินสกิลทั้งสองก้อนที่นายพูดถึงดู”
ฉูเทียนหัวมิใช่ตัวตนเรียบง่าย
ยังไงเขาก็เป็นถึงพันโท
จัดว่าอยู่ในระดับอาวุโสของกองทัพ!
บุคคลเช่นนี้ย่อมมีเส้นสายกว้างขวาง ไม่ว่าจะในกองทัพหรือในสกายเน็ต เขามีคนรู้จักเยอะแยะ ดังนั้นถ้าให้เขาช่วยตามหา มันมีความน่าเชื่อถือและสะดวกกว่าการพยายามค้นหาด้วยตัวเองมาก
“ตกลง”
“ครั้งต่อไปในโลกวิญญาณ”
“ผมหวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนหินสกิลกับคุณ”
“นอกจากนี้ ผมยังต้องการหินสกิลขั้น 1 ‘จู่โจมฉับไว’ มีใครที่มีมันอยู่ในมือ หรือได้ข้อมูลเกี่ยวกับมันบ้าง?” ฮังอวี่ตะโกนถามทุกคน “ผมยินดีจ่ายหินคริสตัลซื้อมันในราคาเหมาะสม หรือใช้หินสกิลอื่นแลกเปลี่ยนก็ได้เหมือนกัน”
เขาตะโกนสองครั้ง
แต่ไม่มีเสียงใครตอบ
ฮังอวี่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นี่ช่วยไม่ได้ เพราะคนในที่นี้มีน้อยเกินไป
คนยิ่งน้อย โอกาสที่จะเจอก็ยิ่งน้อยตาม บางอย่างเช่นหินสกิล การจะได้มันมาครอบครองขึ้นอยู่กับโชคจริงๆ ไม่ใช่แค่มีเงินก็สามารถหาซื้อได้
ช่างเถอะ
ค่อยๆใช้เวลาไปแล้วกัน!
ต้องมีซักวันที่ได้มันมาครอง!
ฮังอวี่ เหล่าจ้าว เจียงหนานพูดคุยกันอีกเล็กน้อย
ตอนนี้ถึงจะยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย แต่ฮังอวี่อยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นประกาศแก่ทุกคน “ครั้งหน้าขอให้ทุกคนเตรียมโพชั่นและคัมภีร์สกิลติดตัวมาให้ได้มากที่สุด ยิ่งเยอะ พวกเราก็ยิ่งมีโอกาสบุกป้อมปราการหอคอยสำเร็จ!”
“รับทราบ!”
“พวกเราจะเตรียมตัวให้พร้อม!”
“ลูกพี่ฮังไว้ใจได้เลย!”
ชื่อเสียงของฮังอวี่ในด้านบุกยึดค่ายนั้นสูงมาก ดังนั้นทุกคนเชื่อฟังเขา
ตราบใดที่มีฮังอวี่เป็นผู้นำ แม้จะรู้ว่าป้อมปราการอันตราย แต่พวกเขาก็ยังมีความกล้าที่จะสู้กับมัน!
ในตอนท้าย ฮังอวี่ได้อธิบายบางอย่างแก่พวกเหล่าจ้าว ฉูเทียนหัว และเฉินหยูอีกสองสามประโยค
บอกให้พวกเขาเตรียมโพชั่นกับพวกไอเท็มเฉพาะบางอย่างที่สามารถใช้งานได้ติดมือมาด้วย
ป้อมปราการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และมันเป็นไม่ได้ได้ที่จะฝ่าสถานที่แห่งนี้โดยไม่จ่ายราคาสูง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
“ลาก่อนพี่มหาเทพ”
“ลาก่อนพี่รองฮัสกี้”
ฮังอวี่อธิบายเสร็จแล้ว
เจียงหนานก็บอกลาเขาและสุนัขทันที
แต่ละคนเริ่มทยอยเปิดใช้งานตัวเลือกกลับโลกมนุษย์ผ่านมือถือโลกวิญญาณ