ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 12 ดาบยาวในมือ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 12 ดาบยาวในมือ
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าวัวดำไม่ได้บอกทุกสิ่งกับเขา ราวกับมันกำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราเริ่มฝึกฝนต่อไปและพยายามสัมผัสถึงพลังปราณเหล่านั้น
วันนี้การฝึกฝนเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัวของเขาราบรื่นเป็นพิเศษ เขาเหมือนเครื่องจักรเก่าๆที่ได้รับการเติมน้ำมันหล่อลื่น มันน่าพอใจมาก
นอกจากนี้พละกำลังของเขายังฟื้นตัวเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้า สิ่งนี้อาจดูไร้มีนัยสำคัญ แต่ในการต่อสู้จริง ความแตกต่างเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถตัดสินผลลัพธ์
หลังจากฝึกซ้อมอย่างหนักมาทั้งวัน ในที่สุดเขาก็บรรลุผลลัพธ์เล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีราวกับตนเองเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงอันตรายและความยากลำบากที่เขาเผชิญหน้าในคืนที่ผ่านมา ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นเย็นชา “ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดมอบพรนี้ให้ข้า”
วัวดำกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ทุกสิ่งไม่ว่าดีหรือชั่ว มนุษย์ล้วนเป็นผู้นำพา”
ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายขึ้น ผีน้อยตามหลอกหลอนเขาด้วยเหตุผลบางประการ เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็พบเบาะแสทันที
เขาเกิดและเติบโตในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งนี้ เขาได้เรียนรู้เรื่องสำคัญสองสามเรื่องของที่นี่ ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกล ตำนานที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยเกิดขึ้น
หนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้คือความพินาศของครอบครัวที่ลูกชายเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน
ย้อนกลับไปในช่ววงเวลานั้น หลี่ฉิงซานในวัยเด็กรู้จักเด็กชายที่เสียชีวิต เขาคือเสี่ยวเหมา หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าเด็กผู้นี้จะตายในลักษณะนั้น นี่คือเหตุผลที่หลี่ฉิงซานหยุดทำตัวเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์และกลับเป็นปกติหลังจากดื่มน้ำมนต์เพื่อกำจัดผีร้ายที่สิงสู่ตามคำกล่าวของหมอผี นอกจากนี้มันยังเป็นช่วงเวลาที่เขาพัฒนาความเกลียดชังที่มีต่อนางอีกด้วย
ความตายของเสี่ยวเหมาทำให้แม่ของเด็กโกรธและเริ่มโจมตีหมอผี สุดท้ายนางกลับเสียชีวิตอย่างกะทันหันในคืนหนึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ
แรกเริ่มหลี่ฉิงซานเชื่อว่านางไม่สามารถอดทนต่อความโศกเศร้าที่สูญเสียบุตรชาย อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนก่อนหน้านั้น ชัดเจนว่านางต้องถูกสังหารด้วยพลังงานหยินลึกลับ
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หลี่ฉิงซานก็ผุดลุกขึ้นยืนขณะที่ดวงตาส่องประกายเย็นเยียบ “เข้าใจแล้ว ข้าจะปล่อยนางไว้ไม่ได้!”
วัวดำกล่าว “งั้นก็ไปฆ่านางซะ!”
“มันไม่ง่ายเช่นนั้น” หลี่ฉิงซานนั่งลงและจมอยู่ในห้วงแห่งความคิด
หมอผีไม่ใช่อันธพาลเช่นพ่อบ้านหลิว นางไม่เพียงมีสถานะที่ดีในหมู่บ้านแห่งนี้แต่นางยังมีชื่อเสียงในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง คนนอกมักจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขอโชคลาภกับนางเสมอ
หลี่ฉิงซานสามารถหนีออกจากหมู่บ้านหลังจากฆ่านาง แต่เขาอาจถูกรายงานต่อทางการและกลายเป็นผู้ร้ายหลบหนีคดี ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่มีหลักฐานหรือพยาน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสรุปว่านางอยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายทั้งหมด สิ่งสำคัญที่สุดคือนางสามารถควบคุมผีน้อย ใครจะรู้ว่านางจะมีความสามารถอื่นซ่อนอยู่อีกหรือไม่
วัวดำไม่ได้โต้แย้ง มันเห็นด้วยและรู้สึกชื่นชมความคิดของเขา หากหลี่ฉิงซานหุนหันบุกไปเล่นงานหมอผี ความพยายามทั้งหมดของทั้งสองจะกลายเป็นสูญเปล่า
ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบในโลกใบนี้ ท้ายที่สุดคนกล้ามักใจร้อนและประมาท คนฉลาดมักลังเลและขาดความเด็ดเดี่ยว แน่นอนว่ามีคนกล้าที่มีความอดทนของนักดีดพิณแต่มันหาได้ยาก
หลี่ฉิงซานตัดสินใจและเดินไปที่หมู่บ้าน
“โอ้ หลี่เอ้อ เป็นไง กินข้าวหรือยัง? หากยัง มาที่บ้านข้าสิ” ชายชราผู้หนึ่งที่กำลังทำสวนทักทายหลี่ฉิงซานอย่างอบอุ่นทันทีเมื่อเห็นเขา
เรื่องที่เกิดขึ้นในลานบ้านของพ่อบ้านหลิวแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว หลี่เอ้อกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในเวลาชั่วข้ามคืน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างรู้สึกเคารพและชื่นชมเขา
หลี่ฉิงซานตอบรับทุกคำทักทาย เขาเดินผ่านบ้านหลายหลังจนไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีต้นหลิวอยู่หน้าบ้าน เขาพบชายชราร่างเล็กเส้นผมยุ่งเหยิงในชุดผ้าขี้ริ้วเอนกายพิงอยู่ที่ต้นไม้และดูเหมือนเขาจะเมาตั้งแต่เช้า ทั้งหมดทำให้เขาดูเหมือนฤาษีที่ละทางโลกไปแล้ว
แต่หลี่ฉิงซานรู้ว่าเขาไม่ใช่ฤาษี เขาเป็นชาวนาธรรมดาและเป็นพ่อของเสี่ยวเหมา ชื่อของเขาคือหลี่ฝูกุ้ย ในความเป็นจริงเขาอายุเพียงสามสิบแต่เขาดูเหมือนชายชราอายุห้าสิบหรือหกสิบไปแล้ว ตั้งแต่ภรรยาของเขาเสียชีวิต เขาก็หยุดทำนา เขาดื่มสุราทุกวันเพราะความโศกเศร้า
เมื่อเห็นหลี่ฉิงซานเดินเข้ามา หลี่ฝูกุ้ยก็เปิดปากกล่าว “มา ดื่ม ดื่ม” กลิ่นสุราลอยเข้าจมูกของหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วและลากหลี่ฝูกุ้ยไปที่ลานบ้านก่อนจะตักน้ำเทใส่ปากของเขา นั่นทำให้หลี่ฝูกุ้ยสำลักและอาเจียนออกมา
หลี่ฉิงซานกวาดตามองบ้านหลังเล็กที่ทรุดโทรมและเต็มไปด้วยใยแมงมุม เดิมทีครอบครัวของหลี่ฝูกุ้ยเคยมีชื่อเสียงในด้านความมั่งคั่ง พวกเขามีพื้นที่เพาะปลูกอันอุดมสมบูรณ์และเป็นรองเพียงพ่อบ้านหลิวเท่านั้น พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
แต่ทุกสิ่งมักไม่เป็นไปตามความต้องการของผู้คน ความสุขและความมั่งคั่งของครอบครัวนี้จบลงหลังจากพวกเขาประสบคราวเคราะห์อย่างกะทันหัน หลี่ฉิงซานถอนหายใจ ความสุขของคนธรรมดาเปราะบางเกินไป โดยปราศจากความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยาน ผู้คนจะจมดิ่งลงสู่ความเสื่อมทรามและถูกจิตมารกลืนกิน
หลี่ฝูกุ้ยโกรธมาก “เจ้าทำสิ่งใด?”
“ลุงหลี่ มีสติได้แล้ว!”
หลี่ฝูกุ้ยเห็นสายตาแหลมคมของหลี่ฉิงซานและเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่ได้ตาบอดหรือหูหนวก เขารู้ว่าหลี่ฉิงซานทำสิ่งใดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขากล่าว “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าแม่ของเสี่ยวเหมาเสียชีวิตได้อย่างไร?” หลี่ฉิงซานไม่อ้อมค้อม
“ไม่รู้ ข้าไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น!” หลี่ฝูกุ้ยหน้าซีดลงทันทีและรีบเดินจากไป
หลี่ฉิงซานคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ “นี่คือคนที่ภรรยาของท่านต้องการให้ท่านเป็นงั้นหรือ?”
หลี่ฝูกุ้ยหยุดเท้า “เสี่ยวเอ้อ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกเจ้า แต่นั่นเป็นปัญหาที่เจ้าไม่สามารถเข้ามาเกี่ยวข้อง เจ้าอยากตายโดยเปล่าประโยชน์งั้นหรือ?”
“ข้าไม่อยากมีปัญหาเช่นกันแต่ปัญหาวิ่งเข้ามาหาข้าแล้ว หากข้าต้องใช้ชีวิตเช่นท่าน ข้ายอมตายไปเลยดีกว่า ข้าเพียงต้องการให้ท่านบอกว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในอดีต”
หลี่ฝูกุ้ยตกใจมาก “อันใด!? มันมาหาเจ้างั้นหรือ?” หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็ถอนหายใจและเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“หลังจากแม่ของเสี่ยวเหมาไปตะโกนด่าทอที่หน้าบ้านหมอผี นางกลับบ้านและเข้านอน แต่นางไม่สามารถลุกขึ้นอีก ในวันรุ่งขึ้น ร่างกายของนางเย็นเยียบและกลายเป็นสีฟ้า คืนนั้นมีสิ่งแปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้น ข้าเห็น...”
“ท่านเห็นสิ่งใด?”
“เด็ก!”
ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็สามารถยืนยันกับตนเองว่าฆาตกรคือหมอผีจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหมอผียังพูดกับหลี่ฝูกุ้ยอย่างชั่วร้ายว่าไม่เพียงเสียวเหมาจะคิดถึงแม่ของเขาเท่านั้นแต่เด็กยังคิดถึงพ่อของเขาเช่นกัน นั่นทำให้หลี่ฝูกุ้ยหวาดกลัวและมอบเงินจำนวนมากให้กับหมอผี
หลี่ฉิงซานใช้กำปั้นทุบกำแพงด้วยความโกรธ “นางทำเกินไปแล้ว ท่านไม่เคยคิดที่จะแก้แค้นให้ภรรยาของท่านเลยงั้นหรือ?”
หลี่ฝุกุ้ยรู้สึกคับข้องใจเมื่อรู้สึกถึงการเหยียดหยามในน้ำเสียงของหลี่ฉิงซาน เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้านและนำหีบใบหนึ่งออกมา
เขาเปิดหีบที่มีดาบยาววางอยู่ภายใน
หลี่ฉิงซานดึงดาบออกจากฝักขณะที่แสงสะท้อนจากคมดาบพาดผ่านใบหน้าของเขา
ดาบมีความโค้งเล็กน้อย ด้ามจับถูกรัดพันด้วยผ้าไหมสีดำ มันให้ความรู้สึกสบายมือมากเวลาจับกุม คมดาบยาวมากกว่าสองฟุต กว้างประมาณสี่นิ้ว และถูกสร้างขึ้นจากเหล็กชั้นยอด หากเปรียบเทียบกับมีดของหลี่ฉิงซานที่มีความยาวไม่ถึงหนึ่งฟุตและสร้างขึ้นด้วยฝึมือที่ต่ำต้อย ดาบเล่มนี้เหนือกว่ามาก
หลี่ฉิงซานเหวี่ยงมันออกไปโดยไม่ตั้งใจ เสียงกรีดเฉือนอากาศดังขึ้น นั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชม “ดาบดี!” เขาไม่เคยเห็นดาบชั้นยอดเช่นนี้มาก่อนในท้องตลาด ชัดเจนว่าราคาของมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย