ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 2 เจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 1 นายพลไร้กองทัพ


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 1 นายพลไร้กองทัพ

ทางตะวันออกของโลกแร้นแค้น สำนักเยียวยาสวรรค์

ภายในบ้านไม้ทรุดโทรมบนขุนเขาเมฆาม่วง เย่ชิวนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเตียงด้วยความงุนงง

“นี่มัน ข้าคิดออกแล้ว—”

“ข้าคิดว่าข้า... ทะลุมิติ”

เขาเปิดหน้าต่างข้าง ๆ และมองไปยังท้องฟ้าด้านนอก ซึ่งเปี่ยมไปด้วยแสงสีม่วง ณ ขอบฟ้าอันไกลโพ้นมีผู้คนบินผ่านเป็นครั้งคราว ดูแปลกตาราวกับสวรรค์ของเหล่าเซียน

หลังจากครึ่งวันเย่ชิวก็ยอมรับความจริง เขาได้ทะลุมิติมายังโลกแร้นแค้น

ตัวตนปัจจุบันของเขาคือหนึ่งปรมาจารย์ทั้งเจ็ดขุนเขาแห่งสำนักเยียวยาสวรรค์ ซึ่งเป็นปรมาจารย์รุ่นที่สิบแปดของขุนเขาเมฆาม่วง

“สถานะของข้าดูเหมือนสูงส่งไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็นเหมือนกับนายพลไร้กองทัพ” เย่ชิวส่ายหัวและพึมพํากับตนเอง

อาจารย์ของเขาซวนเทียนเจินเหริน[1]ได้บ่มเพาะมาตลอดชีวิตและอุทิศตนกับการไขว่คว้าวิถีเต๋าแห่งความเป็นอมตะ แม้จะทุ่มความพยายามไปชั่วชีวิต แต่เขาก็ยังไม่สามารถบรรลุความอมตะได้ในท้ายที่สุด ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจเขาทนไม่ได้ที่จะต้องทนเห็นมรดกของขุนเขาเมฆาม่วงถูกทําลาย จึงจำใจยอมรับเย่ชิวเป็นลูกศิษย์ของตน

ในความเป็นจริงเย่ชิวรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเขาถือได้ว่าอยู่ระดับธรรมดาเท่านั้น อาจารย์ของเขายอมรับตนเป็นศิษย์เพราะไม่มีทางเลือกอื่น อย่างไรก็ตาม ท่านก็ไม่ได้ชี้แนะเย่ชิวก่อนที่จะจากไป แต่เหลือไว้เพียงมรดกของขุนเขาเมฆาม่วงและตำแหน่งปรมาจารย์ขุนเขาเท่านั้น

เย่ชิวได้สืบทอดตำแหน่งนี้ไปได้แต่โดยดี แม้ว่าเขาจะมีสถานะสูงเป็นลำดับที่หนึ่ง แต่นี่คือโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง เมื่ออาจารย์ของตนยังมีชีวิตอยู่ทุกคนต่างให้ความเคารพเขา หลังจากที่อาจารย์ของตนเสียชีวิตก็ไม่มีใครนึกถึงเขาอีกต่อไป

“ความสามารถของข้าเป็นข้อเสียที่ร้ายแรง! ข้าต้องคิดหาวิธีชดเชยให้ได้...”

หลังจากคิดเรื่องนี้หัวใจของเย่ชิวก็สั่นไหว

[ ติ๊ง... ]

[ กำลังผูกมัดระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]

“นี่มัน! ระบบ...” ดวงตาของเย่ชิวสว่างขึ้น เขาสงบสติและศึกษาระบบอย่างรอบคอบ

[ ระบบตอบแทนหมื่นเท่า โฮสต์สามารถชี้แนะหรือมอบเม็ดยาวิญญาณ มอบเคล็ดวิชาการบ่มเพาะ หรือฐานการบ่มเพาะให้แก่ลูกศิษย์ได้ ท่านจะได้รับผลตอบแทนกลับมาแบบสุ่ม สูงสุดคือหมื่นเท่า ]

ฉับพลัน เย่ชิวก็หัวเราะออกมาหลังจากได้ยินการแนะนําของระบบ

“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก! สูงสุดคือหมื่นเท่า นั่นหมายความว่าหลังจากที่ข้ารับลูกศิษย์และทำการชี้แนะไปสักยี่สิบสามสิบปี ไม่ใช่ว่าข้าจะได้รับฐานการบ่มเพาะพันปีเลยหรือ”

ทันใดนั้นเย่ชิวก็หยุดกังวล

[ ระบบกำลังตรวจสอบ ]

[ โฮสต์: เย่ชิว... ]

[ การบ่มเพาะ: ขอบเขตนิ้วทมิฬขั้นที่ 2 ระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับต่ำ ผู้ฝึกตนแสนต่ำต้อย แม้แต่คนธรรมดายังเก่งกว่า ]

[ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์: ไม่มี... ]

[ พรสวรรค์: ปกติ ยากที่จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ]

[ แต้มเสน่ห์ : 99 ถือว่าใช้ได้ แต่ข้าได้เยอะกว่าเจ้าเสียอีก ]

เย่ชิว “...”

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกอยากทุบตีระบบขึ้นมาทันใด

[ ขอแสดงความยินดีด้วยโฮสต์ ท่านได้รับของขวัญมือใหม่ ท่านต้องการที่จะเปิดมันหรือไม่ ]

“เปิดมันทันที”

[ เปิดของขวัญสำเร็จแล้ว ได้รับยาชำระไขกระดูกมนุษย์ขั้นสูงหนึ่งเม็ด, ได้รับฐานการบ่มเพาะ 10 ปี ]

หลังจากเสียงอันเย็นชาของระบบสิ้นสุด พลังงานลึกลับก็ได้พุ่งเข้าสู่ร่างของเย่ชิว

“เย็นสบายยิ่งนัก”

หลังจากพลังงานนี้ซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา มันก็ได้หลอมรวมกับน้ำพุวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว รากฐานการบ่มเพาะของเย่ชิวก็เพิ่มขึ้นเป็นขอบเขตนิ้วทมิฬขั้น 3 ด้วยเช่นกัน

“ได้แค่ขั้น 3 เองหรือ? ระบบเจ้ากําลังหยอกล้อข้าหรือ? ข้าอยู่แค่ขั้น 3 หลังจากได้รับฐานการบ่มเพาะ 10 ปีเองงั้นหรือ!”

[ โฮสต์ นี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาด การบ่มเพาะไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ไปในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่คํานวณจากการบ่มเพาะของคนธรรมดา การบ่มเพาะของคนธรรมดาสิบปีจึงมีผลเช่นนี้... ]

เย่ชิว “...”

เขาก้าวหน้าเพียงขั้นเดียวภายในสิบปี เขาไร้พรสวรรค์ขนาดไหนกัน? แต่เมื่อคิดไปคิดมามันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ยิ่งฐานการบ่มเพาะสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นในการยกระดับขอบเขตการบ่มเพาะของคนผู้นั้น นี่จึงเป็นเรื่องปกติมาก การเสียเวลาในโลกแร้นแค้นจึงไม่เคยสูญเปล่า ทุกครั้งที่ผู้ฝึกตนปลีกตัวบ่มเพาะอย่างสันโดษ มันจะกินเวลาหลายเดือนถึงหลายปี นี่เป็นเรื่องปกติเป็นอย่างมาก

[ โฮสต์โปรดรับลูกศิษย์โดยเร็วที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจท่านจะได้รับผลตอบแทนที่สำคัญอย่างยิ่ง ]

เขาถือยาชำระไขกระดูกไว้ในมือ เย่ชิวมิได้วางแผนที่จะใช้มันกับตนเอง หากเขาเก็บมันไว้มันอาจจะมีประโยชน์ในภายหลัง

ทันใดนั้นเอง...

ปัง ปัง ปัง...

“อาจารย์ลุงเย่ ท่านอยู่ข้างในหรือไม่”

เสียงเคาะเป็นจังหวะมาจากข้างนอก เย่ชิวจ้องมองอย่างงุนงงอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว “เข้ามาได้...”

ประตูไม้อันเก่าแก่ถูกผลักให้เปิดออกและชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเดินเข้ามา เย่ชิวจดจำชายคนนี้ได้เช่นกัน เขาเป็นหัวหน้าศิษย์ของโถงหยกพิสุทธิ์ หลิวชิงเฟิง ฐานการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขตสวรรค์ขั้น 3 ซึ่งสูงกว่าเย่ชิวอยู่หนึ่งขอบเขตใหญ่ ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์โดดเด่นในหมู่ศิษย์รุ่นนี้

เขายังเป็นผู้ที่เข้าถึงได้ง่ายและถ่อมตนอีกด้วย

บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นผู้สืบทอดของเจ้าสำนักในอนาคต เขาจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าปรมาจารย์จำนวนมาก รวมทั้งผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นเดียวกัน

เย่ชิวก็เป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นเดียวกัน เขาได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีก่อนที่ตนจะเลื่อนตำแหน่งเป็นปรมาจารย์ขุนเขา

“อาจารย์ลุงเย่ ท่านเจ้าสำนักให้ข้ามาเรียกท่านไปยังโถงหยกพิสุทธิ์เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ”

เนื่องจากตำแหน่งอาจารย์ซวนเทียนเจินเหรินของเย่ชิวนั้นสูงกว่าหลิวชิงเฟิงมากโข ซึ่งเทียบได้กับเจ้าสำนักและปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่น ๆ ดังนั้นหลิวชิงเฟิงจึงต้องพูดคุยกับเย่ชิวด้วยความเคารพในฐานะอาจารย์ลุง

“ศิษย์พี่เจ้าสำนักได้บอกหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น?” เย่ชิวถาม ปกติเขาอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมกับตนเองและไม่ได้รบกวนผู้ใด เหตุใดจู่ ๆ จึงมีคนแจ้งให้เขาเข้าร่วมการประชุม?

หลิวชิงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เป็นเพราะสัตว์อสูรได้โจมตีหมู่บ้านที่เชิงเขาเมื่อวานนี้ เด็กกําพร้าที่รอดชีวิตได้ฟื้นสติกลับมาแล้ว ท่านอาจารย์กําลังจัดการประชุมที่โถงหยกพิสุทธิ์เพื่อหารือเกี่ยวกับสาเหตุการโจมตีของสัตว์อสูร รวมทั้งการรับเด็กกําพร้าที่รอดชีวิตเป็นศิษย์ของสำนัก”

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว...” เย่ชิวพยักหน้า เขายังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์สูรอาละวาดที่เชิงเขาเมื่อวานนี้เช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้มากนัก สำหรับเด็กกําพร้าที่รอดชีวิตก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรับศิษย์ใหม่ที่เรียบง่าย

“ดียิ่ง! ข้าจะไปดูว่าข้าสามารถรับลูกศิษย์ใหม่ได้หรือไม่” เนื่องจากมีระบบตอบแทนหมื่นเท่าอยู่ เย่ชิวจึงกระตือรือร้นที่จะรับลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ช่างบังเอิญที่โอกาสได้มาถึงพอดี

“เอาล่ะข้าเข้าใจแล้ว! เจ้าสามารถกลับไปก่อนได้”

“อาจารย์ลุงเย่ ข้าขอลา” หลิวชิงเฟิงโค้งคํานับและออกจากบ้านไม้หลังเล็กอย่างเงียบงัน ก่อนที่เขาจะจากไปเขาเหลือบมองบ้านที่อยู่บนขุนเขาเมฆาม่วงและส่ายหัว

ไม่กี่นาทีต่อมาเย่ชิวโบกเก็บพัดของเขาและเดินออกจากบ้านไม้หลังเล็ก เขาไม่ได้เกียจคร้านเหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป ร่องรอยเสน่ห์ได้ปรากฏอยู่ระหว่างคิ้วของเขาดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง หากคนอื่นเห็นคงคิดว่าเขาเป็นเซียนผู้ข้ามพ้นโลกีย์ไปสู่เส้นทางอารียา แต่หารู้ไม่ว่าเขาอยู่ในขอบเขตนิ้วทมิฬขั้น 3 เท่านั้น

เย่ชิวเรียกกระบี่เมฆาม่วงออกมาและใช้เคล็ดวิชากระบี่จักรพรรดิที่เขาได้เรียนรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนบินไปยังโถงหยกพิสุทธิ์ กระบี่เมฆาม่วงนี้ถูกส่งต่อให้เขาโดยอาจารย์ของตนหลังจากที่ท่านเสียชีวิต มันเป็นสมบัติล้ำค่าขั้นสูงสุดและหายากอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

และนี่อาจเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงอย่างเดียวของเย่ชิว

ไม่นานหลังจากนั้นเย่ชิวก็ได้มาถึงโถงหยกพิสุทธิ์ ทันทีที่เดินเข้าไปยังโถงเขาก็เห็นกลุ่มคนกำลังยืนอยู่ด้านล่าง คนเหล่านี้ควรจะเป็นผู้รอดชีวิตที่โชคดีจากการถูกสัตว์อสูรโจมตี

“ศิษย์น้องเย่ เจ้าช่างยิ่งใหญ่เสียจริงที่ทำให้พวกเรารอเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” ก่อนที่เย่ชิวจะเดินไปยังที่นั่งของตน ปรมาจารย์ของขุนเขากระบี่เร้นลับฉีอู๋ฮุ่ย ซึ่งเป็นผู้อาวุโสฝ่ายวินัยของสำนักเยียวยาสวรรค์กล่าวทักท้วงด้วยน้ำเสียงประหลาด

เย่ชิวเหลือบมองเขา ชายชราคนนี้ดูไม่ใช่คนดีนัก เขารู้ดีว่าไม่มีใครในหมู่ปรมาจารย์ให้ความสำคัญเขามากนัก เหตุผลเดียวที่พวกเหล่าปรมาจารย์รอตนเองอยู่ก็เพราะพวกเขาไม่ต้องการทำผิดกฎสำนัก

นอกเหนือจากฉีอู๋ฮุ่ยที่แปลกประหลาดและเจ้าสำนักแล้ว ยังมีปรมาจารย์ขุนเขาทั้งเจ็ดคนอีกด้วย ปรมาจารย์คนอื่น ๆ ต่างก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่สนใจที่จะทักทายเย่ชิวแม้แต่น้อย

เย่ชิวไม่สนใจคนเหล่านั้นและหันไปพูดคุยกับเจ้าสำนักเมิ่งเทียนเจิ้ง “ศิษย์พี่เจ้าสำนักข้าขออภัย เนื่องจากระยะทางจากขุนเขาเมฆาม่วงนั้นห่างไกลยิ่ง จึงทำให้ข้าล่าช้าไปนาน หวังว่าท่านจะให้อภัย...”

“ไม่เป็นไร” เมิ่งเทียนเจิ้งโบกมือ ในฐานะเจ้าสำนักของสำนักเยียวยาสวรรค์เขายังคงตอบกลับเพื่อเห็นแก่ความสามัคคีของสำนัก แม้ว่าเขาจะมองลงมายังเย่ชิวด้วยสายตาประหลาดก็ตาม

หลังจากที่ฉีอู๋ฮุ่ยถูกเย่ชิวเพิกเฉยเขาก็โกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม “ฮึ่ม เจ้านี่เป็นเพียงผู้ฝึกตนต่ำต้อย อยู่เพียงขอบเขตนิ้วทมิฬขั้น 3 การบ่มเพาะของตนก็ไม่ได้สูงส่ง แต่กลับทำตัวหยิ่งผยอง หากไม่ได้โชคดีและถูกยอมรับเป็นศิษย์จากอาจารย์ลุงซวนเทียน ก็คงไม่สามารถครอบครองขุนเขาเมฆาม่วงได้ด้วยซ้ำ แม้แต่จะพูดต่อหน้าข้าก็ยังไม่มีสิทธิ์”

ทุกคนในนี้รู้ดีว่าเย่ชิวได้ตําแหน่งของตนมาอย่างไร พวกเขาต่างมองลงมายังเย่ชิวด้วยส่วนลึกในก้นบึ้งของหัวใจ

[1] เจินเหริน 真人, Zhēnrén หมายถึง นักพรต/ผู้สมบูรณ์แบบ

5 2 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด