ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0059
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0061

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0060


บทที่ 22 ทัศนคติที่นักผจญภัยมีต่อยุคสมัย (3)

* * *

เมื่อหัวหน้าคณะแสวงบุญหันไปมอง กลุ่มผู้แสวงบุญคนอื่นจึงทยอยมองตามทีละคน

จากนั้นก็เริ่มแหวกทางให้ ม้าโลกันตร์วิ่งผ่านคณะแสวงบุญตรงมาหยุดตรงหน้าฉัน

ม้าสีดำหยุดนิ่งและก้มมองฉัน

—ฮี่~!

ขนมันเงา ราวกับม้าทั้งตัวถูกห่อด้วยผ้าไหมสีดำ

โดยรวมดูคล้ายกับม้าพันธุ์ชั้นเลิศ ส่วนโค้งเว้าเป็นทรงสวย ขนาดร่างกายใหญ่กว่าม้าธรรมดา มอบความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก

แต่จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ บริเวณแผงขนและกีบเท้า

“นี่ไฟของจริงใช่ไหม”

ไฟสีฟ้าลุกโชนจนซอจีอาต้องก้าวถอยห่างออกจากกีบเท้า

ดวงตาสีแดงของมัน มอบความรู้สึกคล้ายกับลิลี่

“วิญญาณม้าโลกันตร์สินะ”

หัวหน้าคณะแสวงบุญที่เผยสีหน้าใจดีมาตลอด กล่าวด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนเป็นครั้งแรก

“ก็… คงใช่มั้ง”

ถ้าจะถามว่าจับมายังไง ฉันคงต้องขอข้าม เพราะขี้เกียจอธิบาย

และสิ่งที่น่ารำคาญก็คือ กลุ่มคนประเภทนี้มักเอาแต่อ้างเรื่องความโสมมของปีศาจ

แต่โชคดีที่ไม่มีใครกล่าวถึง

“คนทั่วไปไม่ควรจ้องมองภูตผีโดยตรง เพราะนั่นจะทำให้จิตใจตัวเองสกปรก จนกระทั่งเกิดเป็นบาดแผลทางใจ”

ซอจีอาก็เคยพูดในสิ่งที่คล้ายกัน แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

ฉันเคยผ่านไวลด์ฮันต์มาหลายครั้ง แต่ไม่ยักเคยสัมผัสอาการดังกล่าว

…หรือว่าเคย?

สารภาพตามตรงว่าไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันจดจำรายละเอียดเล็กน้อยไม่ได้

“ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เคยมีใครลองจับมันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่”

หัวหน้าคณะแสวงบุญถอนสายตาจากม้าและมองมาทางฉัน

“…เจ้าเป็นใครกันแน่”

“เอ่อ… เรียกว่าหัวหน้ากิลด์นักผจญภัยก็ได้”

ตอนนี้กิลด์นักผจญภัยของฉันมีสมาชิกพอสมควรแล้ว ชื่อหัวหน้ากิลด์จึงฟังดูไม่เคอะเขินอีกต่อไป

ฉันกอดอกแหงนมองม้า และม้าก็ก้มมองฉันกลับ

คล้ายกับเห็นวิญญาณของเสือขาวที่ช่วยปกป้องฉันภายในดวงตาสีแดง

ความรู้สึกภาคภูมิใจของมัน ทำเอาฉันตื้นตันหัวใจ

* * *

“ทำไมถึงไม่บอกไปล่ะ”

ลิลี่ถาม

“เรื่อง?”

“ผู้ปกครองไง”

เธอคิดว่าฉันพยายามปกปิด?

คล้ายกับลิลี่และซอจีอาเข้าใจผิดในประเด็นนี้มาสักพักแล้ว

“ฉันไม่ได้จงใจปกปิด แค่ไม่สนใจจะเอ่ยถึง เพราะฉันไม่เคยทำอะไรในฐานะผู้ปกครอง”

ไม่เชิงว่าไม่สนใจเลย แต่ขี้เกียจมานั่งคิดถึงเรื่องนั้นตลอดเวลา

ฉันอยากรู้ความลับของโลกใบนี้ และชื่นชอบความตื่นเต้นขณะได้เห็นด้วยตาตัวเอง

“ลองสวมนี่ดู”

ฉันยื่นรองเท้าบูตที่เพิ่งซื้อให้ลิลี่ การหาบูตนักสำรวจขนาด 235 กลายเป็นเรื่องยากผิดคาด เพิ่งรู้ว่าอุปกรณ์นักสำรวจส่วนใหญ่จะสร้างตามมาตรฐานผู้ชายที่แข็งแรง

ลิลี่ทำตามคำพูดฉันแต่โดยดี จากนั้นก็ถามอ้อมๆ

“เจ้ารักการผจญภัยขนาดนั้นเชียว”

“ก็ไม่ขนาดนั้น”

ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่การทำสิ่งใดตอนที่สมองโล่งๆ คงเกิดจากความต้องการที่แท้จริงของหัวใจ

“…เจ้าเสพติดมัน”

ฉันหัวเราะให้คำนิยามของลิลี่ เพราะบางทีเธออาจจะพูดถูก

“การเสพติดอะไรสักอย่าง ก็คงไม่ได้เลวร้ายเสมอไป”

“…ผู้ปกครองทุกคนล้วน ‘เสพติด’ ชะตากรรมของตัวเอง ทั้งข้าและเอลฟ์ที่ชื่อซอจีอาก็เช่นกัน… มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไร อย่างน้อยข้าก็คิดแบบนั้น เพราะตระกูลข้าถูกทำลายเพราะชะตากรรมดังกล่าว”

“เมื่อสมองของเธอโล่ง จงถามตัวเองว่าอยากทำอะไร… ฉันก็แค่พูดเผื่อไว้ ถ้าหัวใจของเธอไม่อยากติดตามฉัน ก็ไม่จำเป็นต้องทำ ฉันทำคนเดียวได้อยู่แล้ว”

“ข้าจะติดตามเจ้า”

“เป็นสิ่งที่มาจากหัวใจ?”

ฉันกำลังก้มผูกเชือกรองเท้าให้ลิลี่ หญิงสาวพยักหน้าเงียบงันขณะยื่นขาออกมาหนึ่งข้าง

“ถ้าอย่างนั้นก็จบ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้องก็พอ จากนั้นค่อยพิจารณาจากผลลัพธ์ ว่าความจริงแล้วเธอต้องการแบบนี้แน่ใช่ไหม? ถ้าไม่ใช่ก็ทิ้งมันไปและหาอย่างอื่นทำแทน”

นั่นคือคติประจำใจของฉันมาตลอด และไม่เคยเปลี่ยนแม้จะอยู่ในต่างโลก

นี่อาจไม่ใช่แนวคิดที่ถูกต้องสำหรับทุกคน

แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่เคยเสียใจกับแนวคิดนี้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“…เจ้าเป็นคนแปลกจริงๆ”

“แปลกเพราะเป็นมนุษย์ที่พูดภาษารูน? เสร็จแล้ว ลองเดินดู”

ลิลี่เพียงยิ้มเจือจางและทำตามคำบอกของฉัน ก้าวเดินของเธอดูไม่อึดอัดเท่าไร แต่เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำรวจ กว่าจะเข้ารูปจริงๆ ก็ต้องใช้งานไปแล้วสักพัก ในท้ายที่สุด มันจะปรับตัวให้เข้ากับผู้สวมใส่ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ไม่มีอะไรต้องรีบร้อน การสำรวจในคราวนี้ไม่ได้ทำแค่วันสองวันเสร็จ

ขณะฉันคิดเช่นนั้น จู่ๆ ซอจีอาด้านนอกก็ทุบประตูเสียงดังเพื่อเปิดออก

“มนุษย์!”

“ตกใจหมด”

เมื่อหันไปมอง สีหน้าซอจีอาดูแปลกมาก คล้ายกับเป็นเรื่องด่วน แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร

“ออกมานี่!”

เมื่อฉันเดินตามซอจีอาออกไป ด้านนอกมีม้าสีดำยืนรออยู่

แต่ว่า… ปากของมันกำลังชุ่มเลือด

“โฮก—!”

แถมยังส่งเสียงคำรามเหมือนเสือ

และสิ่งที่กำลังคาบอยู่ในปาก

“กวาง?”

ระบุให้ชัด เป็นสัตว์กินพืชของต่างโลกที่มีลักษณะคล้ายกวาง

เดี๋ยวนะ

“แกล่ามาเองหรือ?”

“ใช่ม้าแน่นะ? หรือเป็นสัตว์อื่นที่สวมหน้ากากม้า?”

“ที่เธอพูดก็ถูกครึ่งหนึ่ง แต่ว่า…”

ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมซอจีอาถึงเดาได้ถูกเผง

ม้าตัวนี้เพิ่งออกไปล่าเนื้อมากิน

แถมยังนำกลับมาราวกับต้องการอวดฉัน

“…เคยได้ยินว่า แมวและสัตว์ที่ใกล้เคียงมีนิสัยชอบล่าหนูมามอบให้เจ้าของ เป็นสัญญาณการมอบความรัก”

ลิลี่กล่าวในสิ่งที่ฉันรู้อยู่แก่ใจดี

สรุปก็คือ พฤติกรรมของม้าสีดำเหมือนกับแมวที่คาบหนูมาให้เจ้าของ เพียงแต่สเกลใหญ่กว่ากันหลายเท่า

“ฮี่!”

“…จะม้าหรือเสือ เอาสักอย่างได้ไหม”

“ฮี่~!”

ดูเหมือนว่าวิญญาณเสือขาวที่ถูกบรรจุลงในม้าจะสับสนในตัวเอง

“น่าทึ่งมาก…”

ทันใดนั้นเอง ฉันได้ยินเสียงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบชาโซฮีและบิดา — ชาแทชิก

“หือ?”

“สวัสดีลิลี่! สวัสดีคุณจีอา”

ลิลี่และซอจีอาถอยหลังเล็กน้อย ส่วนฉันก้มหน้าทักทาย

คุณชาแทชิกมองเสื้อผ้าที่ฉันสวมหัวจรดเท้าก่อนจะกล่าว

“ชุดนักสำรวจของฉันพอใช้ได้ไหม”

“มันช่วยชีวิตผมไว้”

แผ่นเสริมเหล็กที่ชายแขนเสื้อเคยถูกใช้ป้องกันลูกธนู ฉันประทับใจในเซนส์การออกแบบของคุณแทชิกมาก

“วันนี้มีอะไรหรือครับ”

“ฉันมาเพราะได้ยินว่าคังซอบังจับม้ามาได้หนึ่งตัว ฉันอยากเห็นสัตว์ในต่างโลกมานานแล้ว”

จากนั้น คุณแทชิกยื่นอานม้าสีน้ำตาลเข้มออกมา

แถมยังเป็นทรงสองที่นั่ง

“แต่ผมไม่เคยจ้าง…”

“มีเศรษฐีมาจ้างฉันสร้าง แล้วก็ยกเลิก แถมยังเป็นในขั้นตอนสุดท้าย! แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าทางนี้จับม้าได้ ฉันจึงนำมาเผื่อ รับไว้สิ!”

ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นคนนิสัยร่าเริง แต่ครั้งนี้ฉันคงรับไว้ฟรีๆ ไม่ได้ ต้องแอบจ่ายค่าจ้างผ่านทางชาโซฮี

คุณชาแทชิกมองไปยังแผงคอที่เป็นเปลวไฟสีฟ้าลุกโชน จากนั้นก็หัวเราะ

“ว่าแต่ เจ้านี่ขี่ได้จริงหรือ? ไข่จะไม่ไหม้ใช่ไหม”

ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น

แต่ในความเป็นจริง ไฟไม่ร้อนเลยสักนิด

เมื่อฉันยื่นมือออกไปทดสอบให้ดู คุณชาแทชิกอุทานออกมา

“น่าทึ่งมาก… แล้วตั้งชื่อหรือยัง”

“ชื่อ…”

ฉันจ้องหน้าม้า จะว่าไป ดูเหมือนควรต้องมีชื่อจริงๆ

“ให้ฉันช่วยตั้งไหม? เฟอร์รารีเป็นไง”

“…ไม่ติดลิขสิทธิ์หรือครับ”

“จะติดได้ยังไง นี่เป็นชื่อเพื่อนร่วมงานของฉันสมัยไปทำงานในอเมริกา เป็นชื่อคนอิตาลีน่ะ”

“…”

ฉันลังเลเป็นเวลานาน

นี่จะไม่โดนลิขสิทธิ์แน่หรือ

ด้วยเหตุผลบางประการ ฉันคิดว่าควรไตร่ตรองให้รอบคอบ จึงเอาแต่จ้องเงียบๆ จนกระทั่งซอจีอาเปิดปากพูด

“เรลิกซิน่า”

“แปลว่าอะไร”

“ในภาษาของข้า มันแปลว่านักล่าขุมทรัพย์”

ชาโซฮีกับคุณแทชิกอาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่ได้ยินแน่นอน

ภาษาเอลฟ์ฟังดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

“ฉันชอบ”

กล่าวจบ ฉันลูบแก้มของม้าอย่างเบามือ

“เรลิกซิน่า ฝากด้วยนะ”

“โฮกกกก…”

“หลังจากนี้ฉันจะฝึกให้แกทำตัวเหมือนม้า”

“โบร๋ว…”

* * *

“เชือกสำรอง”

“พร้อมแล้ว”

“อาหารสำหรับสามสิบวัน”

“พร้อม”

“โพชั่น และวัตถุดิบแปรธาตุเพิ่มเติม”

“พร้อม… อ๊ะ เดี๋ยวก่อน”

ลิลี่ดึงเห็ดเรืองแสงออกจากแปลงเพาะชำ

“ถ้าเอาไปเยอะๆ น่าจะมีประโยชน์”

“ชาม อุปกรณ์ปรุงอาหาร ชั้นในสำรอง แล้วก็… เข็มชี้สีทอง”

“คงต้องฝากเจ้าดูแล”

ลิลี่กล่าวพลางแขวนกระเป๋าไว้ข้างอานของเรลิกซิน่า

ฉันก้มหน้าจ้องเข็มชี้ทองคำ

ปลายเข็มชี้ไปทางทิศเหนือพอดิบพอดี เบื้องหน้าของฉันเป็นทุ่งกว้าง แต่ถัดไปจะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ และถัดไปอีกจะเป็นภูมิประเทศอันซับซ้อนซึ่งเดินทางได้ยากลำบาก

หากผ่านทุ่งลาวาเดือดไปได้ ก็จะเข้าสู่ทุ่งหิมะที่เป็นที่ตั้งของมหาวิหารเทวราชา

“…”

สักแห่งแถวนั้นคือที่ซ่อนสมบัติทองคำ

ไม่ใช่ระยะทางที่เดินถึงในวันสองวัน แม้จะเคยพูดอย่างมั่นใจว่าจะไปถึงภายในสองเดือน แต่ความเป็นจริงอาจใช้เวลามากถึงครึ่งปี จึงไม่ควรบุ่มบ่ามลุยเข้าไปส่งเดช

และครั้งนี้ ประโยชน์ของแผนที่ก็น้อยลงมาก

“การสำรวจครั้งนี้… ดีแล้วใช่ไหม”

“เจ้ากังวลหรือ”

ฉันพยักหน้า

“ที่รักกังวลเป็นด้วยหรือ?”

แม้ซอจีอาจะถามเช่นนั้น แต่สำหรับฉัน การสำรวจจะไม่สนุกถ้าไม่มีความกังวล

ระหว่างนั้น ลิลี่พับชุดของเธอใส่กระเป๋า

“เธอจะเอามันไปจริงๆ หรือ”

“ในบางสถานการณ์ ชุดนี้จะมีประโยชน์กว่าชุดนักสำรวจ เพราะทุกคนทราบว่านี่คือสัญลักษณ์ของขุนนาง”

การตรวจสอบสัมภาระดำเนินไปจนถึงวินาทีสุดท้าย เพราะถ้าออกเดินทางแล้วจะย้อนกลับมาไม่ได้อีก

คณะแสวงบุญของศาสนจักรเทวราชาเองก็เตรียมออกเดินทาง ฉันเห็นพวกเขาเก็บเต็นท์และใส่ไว้ในเกวียน

หนึ่งในคณะแสวงบุญ สตรีผมสีแดงยาว เอาแต่มองมาทางฉัน

จริงๆ ก็มองมานานแล้ว มีอะไรในใจกันแน่นะ?

ฉันแค่สงสัย แต่ก็ไม่สนใจ เพราะนั่นไม่ใช่ธุระของฉัน

แต่เมื่อถึงเวลาต้องออกเดินทาง ดูเหมือนเธอจะร้อนใจและเดินไปพูดบางสิ่งกับหัวหน้าคณะ จากนั้นก็เดินมาหาฉัน

“อ…เอ่อ ขอให้เทพทั้งเก้าอวยพรท่าน”

“มีอะไรหรือ ดูเหมือนเธอมีบางสิ่งจะพูดกับฉันมาสักพักแล้ว”

นักแสวงบุญคนดังกล่าวมองไปรอบๆ ราวกับกลัวจะถูกเห็น ดวงตาที่ดูเหมือนจักรวาลทำให้ฉันทึ่งได้เสมอ

“ได้ยินว่าท่านกำลังจะไปยังภูเขาหิมะ และท่านมีเข็มชี้ทองคำ”

“อ้อ… ก็ใช่”

ฉันชำเลืองเข็มชี้ทองคำในมือ

“ท่านเป็นผู้ปกครองใช่ไหม”

“ก็… ทำนองนั้น”

นักแสวงบุญพยักหน้าและจ้องฉันด้วยสีหน้าขึงขัง

“…พี่สาวของข้าก็เป็นผู้ปกครองเช่นกัน นักบุญหญิงวีว่าซิสซิโม่ เคยได้ยินหรือไม่”

“…”

เรื่องราวแหวกแนวกว่าที่คิดไว้มาก

เธอมองกลับไปทางคณะแสวงบุญด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ราวกับไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นได้ยิน

“…สมบัติทองคำชิ้นถัดไป อยู่ในที่ที่ม้าไปไม่ถึง”

“หืม?”

ฉันก้มมองเข็มชี้

มันชี้ตรงไปทางเหนือพอดิบพอดี

ถ้าเป็นที่ที่ม้าไปไม่ถึง หมายความว่าจมอยู่ใต้ทะเล? หรือทะเลสาบ?

ทว่า นิ้วของนักแสวงบุญกลับหันไปทางอื่นโดยสิ้นเชิง

ทั้งฉัน ลิลี่ และซอจีอา ต่างหาก็เงยหน้ามองตามปลายนิ้ว

“…ท้องฟ้า?”

“ปลายทางของท่านอยู่ที่นั่น”

“…”

มีคำถามมากมาย

แต่ฉันไม่ได้สงสัยว่าทำไมถึงต้องเป็นท้องฟ้า เพราะที่นี่คือต่างโลก

“…เธอรู้ได้ยังไง”

“เพราะนี่คือคำพยากรณ์สุดท้ายของพี่สาว… คำพยากรณ์ของนักพยากรณ์ไม่เคยผิดพลาด เป็นราวกับวิวรณ์จากพระเจ้า”

“…แล้วมาบอกฉันทำไม ทำไมไม่นำไปบอกศาสนจักร?”

ฉันก้มหน้าจ้องนักแสวงบุญ

ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยจักรวาล สามารถบรรจุอารมณ์ได้หลากหลายเช่นเดียวกับความลุ่มลึก

เธอกำลังเผยความเศร้า

“…เพราะนักพยากรณ์สละชะตากรรมของผู้ปกครองแล้ว พี่สาวของข้ากำลังทุกข์ทรมานจากชะตากรรมของตัวเอง”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด