Ep.251 - พวกเราไม่เท่าเขาคนเดียว
3/4
Ep.251 - พวกเราไม่เท่าเขาคนเดียว
โดยรวมแล้วมีอุปกรณ์ดรอปทั้งสิ้น 4 ชิ้น
นอกเหนือจากนั้นก็เป็นไอเท็มเฉพาะอีกสองรายการ
จากอุปกรณ์ทั้ง 4 ชิ้น มีชิ้นเดียวเท่านั้นที่เป็นสีเทาใส ส่วนที่เหลือเป็นสีขาวใสทั้งสิ้น
ส่วนไอเท็มเฉพาะคือ : เลือดคลั่ง 1 ก้อน และ ชิ้นส่วนไอเท็ม 1 ชิ้น
เลือกคลั่งคือวัตถุดิบชนิดหนึ่ง มันสามารถนำมาใช้ได้โดยตรง ช่วยเพิ่มคุณสมบัติได้อย่างมากในชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากนั้นจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอเป็นเวลานาน ซึ่งเมื่อเทียบกับไอเท็มอีกชิ้นแล้ว ฮังอวี่สนใจอย่างหลังมากกว่า
[ชิ้นส่วนธงรบของมิโนทอร์] สีขาวคุณภาพต่ำ , หนึ่งในองค์ประกอบของธงรบมิโนทอร์ หากรวบรวมครบ 8 ชิ้นจะสามารถรับธงรบของมิโนทอร์ได้
ข้อมูลเพียงเท่านี้
เป็นการยากที่จะเข้าใจถึงประโยชน์และคุณค่าของมัน
แต่ที่แน่ๆ เจ้าสิ่งนี้คือไอเท็มที่ต้องสะสมชิ้นส่วนให้ครบแบบเดียวกับนกหวีดทองแดงที่ได้จากที่หลบภัยของโนมส์
ซึ่งหากฮังอวี่จำไม่ผิด ธงรบเหมือนว่าจะเป็นอะไรจำพวกค่ายกล
ค่ายกลคืออะไร?
ซูหยุนปิงเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
ค่ายกลหากพูดกันภาษาบ้านๆมันคือสนามพลัง
ตัวอย่างเช่น ค่ายกลห้ามบิน เจ้าสิ่งนี้จะส่งผลบนน่านฟ้า ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตที่บินผ่านไปผ่านมาถูกบังคับลงจอดบนพื้น
ตัวอย่างเช่น ค่ายกลห้ามมนต์ มันสามารถระงับการใช้สกิลในรัศมีที่กำหนดได้
ผู้สร้างค่ายกลจะถูกเรียกว่าปรมาจารย์ค่ายกล เมื่อเทียบกับการกลั่นโพชั่น , การหลอมอาวุธ , การปรุงอาหาร และการเพาะปลูกแล้ว คนที่สามารถเป็นปรมาจารย์ค่ายกลนั้นหาได้ยากกว่ามาก ว่ากันว่าในเจียงเฉิงมีแค่คนของสกายเน็ตเท่านั้นที่มีความสามารถดังกล่าว
ขณะที่ธงรบเป็นค่ายกลที่ติดอยู่กับไอเท็ม
เจ้าสิ่งนี้มีค่ามากกว่าอุปกรณ์
แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าในธงรบเป็นค่ายกลประเภทใด
หากเป็นค่ายกลที่ช่วยเพิ่มพลังโจมตี , พลังป้องกันแล้วล่ะก็ มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีมได้เป็นอย่างมาก
แต่ในเมื่อยังสะสมไม่ครบ ดังนั้นวางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน!
ลุยต่อในเชื่องที่ยังมีแรงเหลือ!
กำไรจากการล่ามิโนทอร์ในครั้งนี้ดีมาก
การสังหารมิโนทอร์ในตอนนี้ไม่เพียงมีอัตราการดรอปที่สูง แต่อัตราการดูดซับแต้มวิญญาณยังสูงด้วยเช่นกัน
แต่ประเด็นก็คือ
ถึงค่ายมิโนทอร์จะมีขนาดใหญ่มาก
แต่มิโนทอร์ที่แยกเป็นทีมเดี่ยวๆกลับมีแค่ไม่กี่ทีม
ทีมของพวกมันส่วนใหญ่อยู่ใกล้กันมาก
หากทีมหนึ่งถูกทำร้าย มันจะเป็นการดึงดูดอีกทีมเข้ามา และสุดท้าย ฮังอวี่ก็จะถูกรุมโทรมอย่างน่าอนาถ
กระนั้นฮังอวี่ก็ไม่ได้กลัว มิโนทอร์ระดับมีพลังรบมากกว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆในเลเวลเดียวกันมากก็จริง แต่ก็มีจุดอ่อนร้ายแรงเช่นกัน
นั่นคือค่าจิตรับรู้อันต่ำเตี้ย
ความสามารถในการตรวจจับเป้าหมายที่พรางตัวค่อนข้างอ่อนแอ
ถ้าฮังอวี่มีแค่สกิลล่องหนในขั้น 1 ก็คงพอพบตัวได้ แต่ตอนนี้เขาครอบครองจู่โจมมุมอับซึ่งเป็นสกิลในขั้น 2!
ตราบใดที่ฮังอวี่ไม่สู้กับมิโนทอร์ ตราบใดที่ไม่เข้าใกล้มันเกิน 5 เมตร มิโนทอร์จะไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายใดๆและเขาสามารถยิงธนูได้จากทั่วทุกทิศทาง สร้างความโกลาหลแก่พวกมัน
และด้วยความปราดเปรียวของฮังอวี่ เขาแค่เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
พวกมิโนทอร์ไหนเลยจะทำอะไรได้!
เริ่มจากจู่โจมมุมอับ
จากนั้นไล่ยิงมอนสเตอร์ระดับสามัญ
แล้วถ้าจู่โจมมุมอับหมดเวลาก่อนจะฆ่าได้หมดล่ะจะทำยังไง? ก็แค่ถอย!
ก็แค่รอให้สกิลคูลดาวน์เสร็จ จากนั้นวนกลับไปลอบยิงพวกมันอีก ทำซ้ำๆจนกว่าจะจบกระบวนการ
สำหรับมิโนทอร์แล้ว พวกมันแทบไม่มีโอกาสรับมือกับวิธีการต่อสู้แบบนี้ได้ โดยเฉพาะตราบใดที่ฮังอวี่หลบไปซ่อนตัวก่อนสกิลจู่โจมมุมอับจะหายไป พวกมิโนทอร์ไม่มีวันหาตัวเขาพบ
ถึงอย่างไรพวกมันเป็นแค่มอนสเตอร์สายพันธุ์รองเท่านั้น
สมองของพวกมันมีสติปัญญาจำกัด ไม่สามารถคิดวิธีรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้
เมื่อมิโนทอร์ระดับสามัญทั้งหมดถูกยิงจนตาย ฮังอวี่ก็หันมาจัดการกับมิโนทอร์ชั้นยอดที่เหลืออีก 3 ตัวต่อ
เจ้าพวกนี้จะมีประสาทสัมผัสดีกว่าตัวระดับสามัญ การยิงธนูธรรมดาจากระยะไกลไม่อาจสร้างภัยคุกคามใหญ่แก่พวกมัน ส่วนใหญ่จะถูกโล่ทรงกลมปัดทิ้งได้เกือบหมด
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฮังอวี่จึงได้แต่ต้องปรับกลยุทธ์ของเขา เปิดใช้งานก้าววายุและศรพริบตา ไล่ยิงพวกมันจากในระยะกลางแทน
เขาอาศัยเอฟเฟกต์ของธนูคำสาปหิน
อาศัยความเร็วของศรพริบตา
เมื่อสองสกิลประสานงาน ก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับสามหัวหน้าทีมมิโนทอร์ในเวลาเดียวกัน
ถึงจะไม่ถึงขั้นหยุดพวกมันในทุกๆสองก้าวเหมือนทีมก่อนหน้านี้ แต่ก็สามารถลดการเคลื่อนไหวของทั้ง 3 ตัวได้เป็นอย่างมาก
ฮังอวี่อาศัยพลังฟื้นฟูของโพชั่นฟื้นฟูตพลังจิตระดับกลาง + ความเร็วในการเคลื่อนที่ของก้าววายุ และความถี่ในการยิงของศรพริบตา ใช้กลยุทธ์ไม่เข้าประชิด ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
สามารถฆ่าตัวแรกได้สำเร็จ
เหลือมิโนทอร์ชั้นยอดอีกสองตัว
ซึ่งถ้ามีแค่นี้ พวกมันไม่นับเป็นภัยคุกคามแก่เขาอีกต่อไป
ภายใต้อำนาจของธนูคำสาปหิน
ชนชั้นยอดมิโนทอร์ทั้งสองดิ้นรนขัดขืน แต่ก็โดนเอฟเฟกต์กลายเป็นหินซ้อนทับอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายถูกยิงจนตาย
ฮังอวี่สามารถเอาชนะมิโนทอร์อีกกลุ่มหนึ่งได้โดยที่พวกมันไม่ได้แตะต้องตัวเขาได้เหมือนเดิม และเริ่มออกล่าต่อไปเรื่อยๆ
...
อีกด้านหนึ่ง
ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
ทีมเล็กๆของเหล่าจ้าวพึ่งเสร็จสิ้นศึกหนัก
ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการกวาดล้างกองกำลังผสมได้เป็นกลุ่มที่ 5 แล้ว
กองกำลังผสมนี้มีมอนสเตอร์มากกว่า 20 ตัว พวกมันมีทั้งนักรบ นักเวทย์ นักฆ่า หน่วยสอดแนม นอกจากนี้ยังมีตัวรักษา การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบาก หากไม่มีทีมคงไม่สามารถเอาชนะได้
“ถึงจะไม่มีพี่มหาเทพ”
“แต่ประสิทธิภาพของพวกเราก็ยังโอเค”
“ไม่ด้อยไปกว่าครั้งก่อนซักเท่าไหร่”
เจียงหนานโบกมือ แสงอันแรงกล้าตกลงบนเหล่าจ้าว เข้าห่อหุ้มร่างเขา เติมเต็มพลังชีวิต 45 หน่วยในคราเดียว!
“นั่นเพราะพวกเราทุกคนแข็งแกร่งขึ้น!” จ้าวหมิงรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง เผยท่าทีพึงพอใจ “ด้วยสกิลรักษาที่ทรงพลัง ตอนนี้ต่อให้อยากตายก็กลัวว่าจะตายไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เจียงหนานค่อนข้างภูมิใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
เธอได้เรียนรู้สกิลรักษาทรงประสิทธิภาพ และมีสกิลพรสวรรค์คอยสนับสนุน
ส่งผลให้สามารถเติมเลือดแก่สมาชิกคนอื่นๆได้ครั้งละมากถึง 40 - 50 หน่วย ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลนี้นานกว่าสกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นเล็กน้อย แต่ก็แค่ 6 วินาทีเท่านั้น ด้วยสกิลรักษาสองสกิลของเธอ มันสามารถรับประกันความปลอดภัยของทีมได้เป็นอย่างดี
จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว เฉินหยู จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ และอีกหลายคน
พวกเขาล้วนได้รับสกิลใหม่ มรดกใหม่ พลังรบเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก!
“ฮังอวี่ไม่ได้ร่วมทีมกับพวกเรา ตอนนี้เขาต้องกำลังเสียใจอยู่แน่ๆ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าประสิทธิภาพในการล่ามอนสเตอร์ของเขาจะเร็วกว่าของพวกเรา!” เฉินหยูเรียกสัตว์วิญญาณของเธอกลับมาข้างกาย “พวกเราฆ่ามอนสเตอร์ได้ 5 กลุ่มแล้ว รวมทั้งหมดเกือบร้อยตัว เป็นชนชั้นยอดมากถึง 12 - 13 ตัว”
ใช่!
ผลการต่อสู้ในครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก!
เป็นที่น่าพอใจสุดๆ!
ฉูเทียนหัวเองก็รู้สึกดีมากเช่นกัน
เขายืดอกเอ่ยปาก “ถึงไม่มีเขา ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเรามากนัก”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ คิ้วดั่งใบหลิวของเจียงหนานขมวดเข้าหากัน
มหาเทพคือบุคลที่เธอเลื่อมใสและเทิดทูน
นี่มันเหมือนกับแฟนคลับที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าไอดอลของตัวเองไม่ดี ในใจเธอเริ่มรู้สึกโกรธ
“พวกคุณจะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ถ้าไม่มีพี่รองฮัสกี้ที่พี่มหาเทพส่งมา พวกเราจะประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้หรอ?”
ร่างแยกฮัสกี้ประสาทหูเฉียบแหลมมาก มันได้ยินทุกประโยค สุนัขยกมุมปากขึ้นทันที แสดงท่าทีดูถูก “ฮ่ง มนุษย์หน้าโง่ คิดยกตัวเองขึ้นเทียบกับเจ้านายของเปิ่นหวัง ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ!”
“แต่ยังไงก็เถอะ พี่รองฮัสกี้ นายตัวติดกับพี่มหาเทพนี่ งั้นต้องรู้สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ใช่ไหม?” เจียงหนานเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ “สถานการณ์ของพี่มหาเทพตอนนี้เป็นยังไงบ้าง มีมอนสเตอร์กองกำลังผสมอยู่ทุกแห่งในบริเวณนี้ ฉันกลัวว่าลำพังพี่มหาเทพจะรับมือพวกมันไม่ได้ นายให้เขากลับมาร่วมสู้กับพวกเราเถอะ”
“ฮ่ง มนุษย์ทั้งหลาย ฟังเปิ่นหวังให้ดี”
“เมื่อเจ้านายของฉันแยกตัวออกไป พวกนายกลับไม่ค่อยคืบหน้ามากนัก ในขณะที่เจ้านายของฉันพออยู่ได้คนเดียว เขาเหมือนถอดตะกั่วจากขา ความคืบหน้ากล้าพูดได้เลยว่าก้าวกระโดด!”
ร่างแยกฮัสกี้เห็นว่ามีหลายคนแสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ
มันเชิดหัวสุนัขขึ้นทันที
“จากที่เปิ่นหวังนับดู ตั้งแต่แยกกันจนถึงตอนนี้ เจ้านายได้ฆ่ามอนสเตอร์ไปแล้วกว่า 100 ตัว และในนั้นมีชนชั้นยอดมากกว่า 20 ตัว ตอนนี้เขากำลังจะไปสู้กับระดับเจ้าถิ่นแบบตัวต่อตัว เทียบกับทางนี้แล้ว กับอีแค่โค่นกองกำลังผสมได้ 5 กอง ไม่รู้ภูมิใจอะไรกันนักหนา”
เมื่อคำนี้โพล่งออกมา
ฝูงชนกลายเป็นโง่งม
โคตรจะขี้โม้! จะโกหกก็ให้มันน้อยๆหน่อย! นี่ไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ!
อย่างไรก็ตาม ฮัสกี้กลับยังคงแสดงท่าทีเย่อหยิ่งและดูแคลนคนอื่นๆ
นั่นทำให้ทุกคนเริ่มอดคิดไม่ได้
หรือว่าอาจจะเป็นความจริง?
ไม่อย่างงั้นทำไมสุนัขถึงยังคงดูถูกพวกเขา?
จางเสี่ยวเฉียง “บ้าจริง! ฉันหลงคิดผิดไป ที่แท้กลับเป็นพวกเราต่างหากที่ถ่วงแข้งถ่วงขาลูกพี่ฮัง!”
“สมกับเป็นมหาเทพ เขาไร้เทียมทานจริงๆ พวกเรารวมกันยังสู้เขาไม่ได้” เจียงหนานแทนที่จะรู้สึกหม่นหมอง แต่กลับมีความสุขแทน ไอดอลของเธอช่างยอดเยี่ยม ในฐานะแฟนคลับ เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
นักศึกษาสาวลูบหัวฮัสกี้ “นี่ ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ ไปบอกพี่มหาเทพให้ที ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด จะเป็นคนที่ดีพอที่พร้อมเดินเคียงข้างเขา!”