Ep.249 - แทรกซึมเข้าไปในค่ายทหารมิโนทอร์
1/4
Ep.249 - แทรกซึมเข้าไปในค่ายทหารมิโนทอร์
ราวกับถูกน้ำเย็นราด
เจียงหนานที่เดิมยิ้มแย้มแจ่มใส
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเธอหมองลงทันที
เธอเม้มริมฝีปากแดง ท่าทีดูเศร้าเสียใจมาก
“ทำไมพี่มหาเทพไม่ร่วมทีมด้วยกันล่ะ? คราวที่แล้วพวกเราก็ทำได้ดีไม่ใช่หรอ?”
“ใช่ๆ ลูกพี่ฮัง ถึงพวกเราจะได้เรียนรู้สกิลใหม่กันแล้วและแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน แต่ก็ยังขาดผู้นำไม่ได้” จางเสี่ยวเฉียงไม่อาจสงบสติอารมณ์ กล่าวทันทีว่า “มอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆหอคอยเขตแดนดุร้ายมาก ทุกคนรวมพลังกันจะปลอดภัยกว่า!”
ฮังอวี่ไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจผลีผลามในเวลาเร่งด่วน
ที่เขาเลือกแบบนี้เพราะมีแผนการอยู่แล้ว
และการไปคนเดียวมันสะดวกกว่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลประโยชน์สูงสุด
สถานการณ์ที่สามารถลุยด้วยตัวเองได้ เขาจะไม่ไปกับทุกคน
และตั้งแต่ตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าดวงตาของนักศึกษาเจียงจะดูโศกเศร้าเพียงใด มีท่าทีน่าสงสารขนาดไหน เขาก็ยังคงหนักแน่น
สำหรับเสี่ยวเฉียงจอมประจบ
ฮังอวี่เมินอีกฝ่ายไปเลย
ในทางกลับกัน จ้าวหมิงไม่ได้ชักชวนฮังอวี่ให้เข้าร่วมทีม
“ในเมื่อเสี่ยวฮังมีแผนของตัวเอง พวกเราก็จะไม่บังคับ” เขาคิดพักหนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า “งั้นวันนี้นายคิดว่าพวกเราควรทำยังไง? ต้องทำแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด?”
เหล่าจ้าวเป็นคนเจ้าปัญญา
ฮังอวี่ไม่ตระหนี่ที่จะให้คำแนะนำเขา
“ผมขอแนะนำให้พวกคุณร่วมมือกับฉูเทียนหัวกับเฉินหยูต่อไป”
“วันนี้ให้ตั้งที่หลบภัยของโนมส์เป็นจุดศูนย์กลาง แล้วเริ่มออกล่ามอนสเตอร์ที่อยู่บริเวณรอบๆ จำนวนของมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆกับที่หลบภัยค่อนข้างเยอะ และพวกมันเป็นทีมแบบผสมเหมือนที่พวกเราเจอกันครั้งก่อน ลุงจ้าวน่าจะพอมีประสบการณ์บ้างแล้ว”
“เจ้าพวกนี้ไม่ใช่แค่มีจำนวนเยอะ แต่ทั้งแต้มวิญญาณและไอเท็มก็ดรอปดี นอกจากนี้ถ้ามีพวกมันขวางทางก็จะยิ่งสร้างปัญหามากมายให้แก่พวกเราตอนบุกโจมตีหอคอยเขตแดน ดังนั้นจำเป็นต้องกวาดล้างให้หมด”
“ด้วยพลังรบในตอนนี้ของทุกคน”
“ผมว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร”
“และถึงผมจะไม่ได้เข้าร่วมทีมในครั้งนี้ แต่เพราะทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีของผม ดังนั้นผมยินดีช่วยเหลือด้วยวิธีอื่น” ฮังอวี่กล่าวเสริม “ผมจะให้ยืมฮัสกี้ไปใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุไม่คาดฝันใดๆเกิดขึ้น”
เจียงหนานและเสี่ยวเฉียงรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
หากมีหวังเอ๋อที่สามารถเตือนภัยล่วงหน้าคอยนำทาง
พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการล่ามอนสเตอร์อีก และในกรณีที่เกิดปัญหา ก็ยังสามารถขอความช่วยเหลือจากฮังอวี่ในระยะไกลได้
ร่างแยกฮัสกี้กับร่างจริงนั้นแบ่งปันข้อมูลความคิดกัน ดังนั้นร่างแยกของหวังเอ๋อจึงสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานได้อย่างเต็มที่
ยอดเยี่ยม!
พี่มหาเทพยังคงดูแลพวกเรา!
เจียงหนานรู้ว่า ฮังอวี่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย
แต่เขาก็ยังทำมันอยู่ดี นี่ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
จ้าวหมิงกับจางเสี่ยวเฉียงเองก็รู้สึกขอบคุณมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีอยู่หนึ่งหน่อที่ไม่รู้สึกยินดีเหมือนคนอื่นๆ
ฮัสกี้หยุดวิ่งไล่กัดหางตัวเอง
มันเห่าไม่หยุดเริ่มประท้วง
“ฮ่ง!”
“ฮัสกี้ก็เหนื่อยเป็น!”
“ต่อให้แยกร่างได้ แต่ก็ไม่อยากแยกร่างเรื่อยเปื่อย!”
มันแสดงสีหน้าจริงจังคล้ายสาบานว่าจะต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเองให้จงได้
มันต้องการประท้วงเพื่อให้ได้รับรางวัลจากเจ้านาย
แม้ฮัสกี้จะสามารถควบคุมร่างแยกหลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน แต่กระบวนการนี้ต้องใช้พลังงานเป็นสองเท่า และการทำเช่นนี้สุนัขรู้สึกว่ามันนส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
“พี่รองฮัสกี้ อย่าพูดแบบนั้นสิ พวกเราต้องการนายนะ”
เจียงหนานย่อตัวลง เกลี้ยกล่อมสุนัขอย่างอ่อนโยน
ในทางกลับกัน หวังเอ๋อกลับทำตัวก้าวร้าว เชิดหน้าขึ้นไม่ยอมพูดจา
ฮังอวี่ไม่เอ่ยคำใด เขาหยิบเม็ดยาสัตว์วิญญาณขาวออกจากมิติเก็บของ
ฮัสกี้ดมกลิ่นมัน พริบตานั้นน้ำลายไหลย้อย มันสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าดูตื่นเต้น สองตาจ้องสิ่งที่อยู่ในมือของฮังอวี่แบบไม่กะพริบ
ฮังอวี่เอ่ยถาม “ฉันให้โอกาสนายคิดอีกรอบ”
“ฮ่ง ถึงจะรู้สึกเปลืองแรงไปบ้าง แต่เจ้านายคือเจ้านายของเปิ่นหวัง ดังนั้นคำสั่งของเจ้านาย เปิ่นหวังย่อมเต็มใจทำตาม”
“ถ้าร่างแยกตัวเดียวไม่พอ”
“เปิ่นหวังยินดีแยกอีกร่างหนึ่งเป็นอะไหล่สำรองให้ไปเลย!”
จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง เจียงหนานต่างพูดไม่ออก
ฮัสกี้ตัวนี้จะเห็นแก่กินไปหน่อยไหม?
“ไม่จำเป็นต้องมีอะไหล่สำรอง” ฮังอวี่คิดพักหนึ่งแล้วพูดกับสุนัขว่า “ให้นายทิ้งหมาอีกตัวไว้ใในค่ายมนุษย์หมูป่า วันนี้จะมีหน่วยชั้นยอดออกจากค่าย นายต้องนำทางพวกเขาไปยังที่หลบภัยของโนมส์ก่อนฟ้ามืด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีหอคอยในครั้งถัดไป”
“ฮ่ง ไม่มีปัญหา แต่เปิ่นหวังมีคำขอ ทุกคนต้องฟังข้อมูลจากเปิ่นหวัง” ฮัสกี้กล่าวต่อ “เปิ่นหวังจะไม่เคยนำกองทัพขนาดใหญ่มาก่อน เพราะงั้นวันนี้ขอเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลสุนัข!”
ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ไม่มีปัญหา
เพราะยังไงซะรอบนอกเขาวงกตมีมอนสเตอร์อันตรายอยู่มากมาย
และสุนัขก็เป็นผู้เคยสำรวจเขาวงกตมาแล้วหลายครั้ง
อย่างที่เขาว่ากัน หมาแก่รู้ทาง ฉะนั้นปล่อยให้มันนำทีม ย่อมสามารถลดการบาดเจ็บล้มตายได้
ส่วนปัญหาที่ว่าคนอื่นๆจะเชื่อฟังมันหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องต้องกังวล เพราะฮัสกี้มีชื่อเสียงในค่ายมนุษย์หมูป่า ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่ามันเคยช่วยเจ้านายขายอุปกรณ์ทำให้ได้รับความสนใจพอสมควร นอกจากนี้ยังเป็นที่กล่าวถึงว่าเป็นคนปลิดชีพนายพลมนุษย์หมูป่าโดยการกัดตูดเพียงครั้งเดียว
เพราะงั้นหายห่วงได้เลย
ฮังอวี่จ่าย 10 หินคริสตัลขาวเพื่อเทเลพอร์ตไปยังที่หลบภัยของโนมส์ เขาพาหวังเอ๋อออกจากที่หลบภัยเพียงลำพัง จากนั้นใช้หอคอยเขตแดนเป็นจุดอ้างอิง แล้วเลาะไปตามทาง
หมาหวังเอ๋อวิ่งเหยาะๆไปพร้อมกับเขา
วิ่งไปเรื่อยๆจนมันสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ดูเหมือนว่าเจ้านายจะพามันไปยังที่สูง และสูงขึ้นเรื่อยๆ
เขาวงกตหอคอยเขตแดนประกอบไปด้วยรากไม้จำนวนนับไม่ถ้วน รากเหล่านี้บางส่วนยาวและใหญ่กว่าตึกระฟ้า ขณะที่ส่วนอื่นๆหนาพอๆกับถังเก็บน้ำ พวกมันพัวพันกัน ก่อตัวเป็นสภาพแวดล้อมที่ปิดทึบและซับซ้อน
ฮังอวี่เลือกเดินผ่านรากไม้ส่วนใหญ่ที่เป็นเนิน
หากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าระหว่างก้าวไปข้างหน้า ตำแหน่งของพวกเขาก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
“ฮ่ง เจ้านาย ตอนนี้พวกเรากำลังจะทำอะไรกันแน่?”
“เดี๋ยวนายก็รู้”
ฮังอวี่เดินไปยังพื้นที่เปิดโล่ง เบื้องหน้าเขาคือโครงสร้างเขาวงกตที่ขยายกว้างออกไปราวๆ 1000 เมตร และสุดทางของเขาวงกต มีธงบางๆผืนหนึ่งปักอยู่
ซึ่งนั่นแหละคือเป้าหมายในครั้งนี้
มันคือสถานที่ที่เรียกว่าค่ายทหารมิโนทอร์
มอนสเตอร์ในค่ายทั้งหมดคือมิโนทอร์เลเวล 7 - 8
มิโนทอร์เป็นพวกหนังหนาเนื้อหยาบ เก่งในการต่อสู้ระยะประชิด เป็นตัวอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับเจ้าถิ่นเลเวล 8 ที่เป็นบอสของที่นี่
แม้ปลายทางดูเหมือนจะห่างออกไปแค่ราวๆพันเมตร แต่ถ้าต้องเดินฝ่าเขาวงกตอันคดเคี้ยว อย่างน้อยคาดว่าระยะทางคงมากกว่าเดิมถึง 5 - 6 เท่า นอกจากนี้ ระหว่างทางยังเต็มไปด้วยมิโนทอร์ ก็อบลิน โนมส์ โคโบลต์ และกองกำลังผสมที่ประกอบไปด้วยมนุษย์หมูป่าและมนุษย์กิ้งก่า
แถมพวกมันยังมีหลากหลายอาชีพ โจมตีได้ทั้งใกล้ไกล บอกเลยว่ายากจะรับมือ ยิ่งลำพังคนเดียวยิ่งแล้วใหญ่
อย่างไรก็ตาม
ฮังอวี่ต้องผ่านสถานที่แห่งนี้และไปให้ถึงฐานมิโนทอร์ให้จงได้ อีกทั้งระหว่างฝ่าไปเขาต้องไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมเปิดกว้างเป็นเวลานาน มิฉะนั้นอาจถูกมอนสเตอร์ที่เป็นผู้พิทักษ์อยู่บนหอคอยเพ่งเล็งเอาได้
ซึ่งวิธีฝ่าเขาวงกตไปยังค่ายมิโนทอร์ที่เร็วที่สุดก็คือ
“เปิดใช้งานปีกหิน”
ฮังอวี่กระโดดขึ้นฟ้า โบยบินราวกับเครื่องร่อน ข้ามผ่านเขาวงกตระยะทางกว่า 1000 เมตรและลงจอดในตำแหน่งเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่เขาลงจอดยังไม่ใช่ภายในค่ายทหารมิโนทอร์
แต่เป็นด้านหน้าของค่าย
ตรงจุดนี้ นอกจากมิโนทอร์ที่คอยเฝ้ายามแล้ว ยังมีมอนสเตอร์ตัวอื่นๆอีก เรียกได้ว่าได้รับการคุ้มกันหนาแน่น
ซึ่งต่อให้ฮังอวี่ใช้เทคนิคล่องหนเกรงว่าคงไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นเขาจึงใช้แผนการอื่นที่เตรียมการไว้เป็นอย่างดี
ฮังอวี่เรียกราชินีมดออกมา สั่งให้มันไปรับหวังเอ๋อ
ทำไมไม่เก็บหวังเอ๋อเข้ามิติสัตว์เลี้ยง แล้วเมื่อถึงที่หมายค่อยปล่อยออกมาอีกทีน่ะหรือ?
นั่นก็เพราะห่างร่างจริงเข้าสู่มิติสัตว์เลี้ยง ร่างแยกก็จะหายไปด้วยนั่นเอง
เมื่อราชินีมดบินออกไป เขาก็ปล่อยมดงานสิบตัวออกมา
“ขุดดินให้ฉัน!”
ฮังอวี่สั่งมดยักษ์เหล่านี้ทำงาน
ราชินีมดหน้าคนได้รับแต้มวิญญาณจากโพชั่นลับของมนุษย์ปลาและดูดเอาแต้มวิญญาณจากมดยักษ์ตัวอื่นๆผ่านสกิลครองแต้มวิญญาณ
ทำให้ไม่นานมานี้มันได้รับแต้มวิญญาณจำนวนมากติดต่อกัน จนสามารถอัพเลเวล กลายเป็นชนชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 3 เรียบร้อยแล้ว
และมดงานทั้ง 10 ตัวที่ฮังอวี่กำลังใช้งานล้วนเป็นมดยักษ์เลเวล 3 ทั้งสิ้น
เมื่อมดงานถูกเรียกออกมา พวกมันก็ลงมือทันที ใช้เทคนิคขุดโพรงเพื่อเปิดทางเดินให้ฮังอวี่ ใช้เวลาแค่สิบนาทีก็สามารถลอดเข้ามาถึงด้านในของค่ายมิโนทอร์
ดีมาก
มดยักษ์ใช้งานได้ดีจริงๆ
คุ้มค่ากับทรัพยากรที่เสียไป
“ฮ่ง เจ้านาย สถานที่นี้ไม่ธรรมดาเลย รอบๆดูเหมือนจะมีมิโนทอร์เยอะแยะเต็มไปหมด!” ฮัสกี้ทำจมูกฟุดฟิด สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เปิ่นหวังตรวจเจอมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่มีพลังรบไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวไป๋ เจ้านายแน่ใจหรอว่าต้องการลุยเดี่ยวกับพวกมัน?”
คันธนูยาวที่ปกคลุมไปด้วยคำสาปปรากฏขึ้นในมือของฮังอวี่
“หยุดพล่ามได้แล้ว นำทางไปเถอะ!”