798 - โลกโบราณ 2
798 - โลกโบราณ 2
เย่ฟ่านประหลาดใจ สายฟ้าชนิดนี้เปรียบได้กับภัยพิบัติสวรรค์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อนกน้อยตัวนี้โตเต็มวัย มันจะกลายเป็นสัตว์บรรพกาลที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถบดขยี้ผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
“เปรี้ยง”
สายฟ้าอีกหนึ่งสายผ่าลงมา ใช่ สายฟ้านั้นใหญ่มากจนไม่ต่างจากขนาดของภูเขา มันเติมเต็มความว่างเปล่าและทำลายทุกสิ่ง
“อา...”
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีก และหญิงสาวที่มีรูปร่างสวยงามก็ไม่สามารถหนีจากภัยพิบัติได้ ร่างกายและจิตวิญญาณของนางก็ถูกทำลายลงทันที
คนอื่นๆรีบวิ่งหนี แต่จะเร็วกว่าราชาสายฟ้าได้อย่างไร พวกมันไม่เพียงมีสายฟ้าเป็นอาวุธเท่านั้นแต่ยังมีความเร็วที่เกือบจะเหมือนเทียบได้กับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
“เปรี้ยง”
มีคนเปิดใช้งานค่ายกลข้ามช่องว่างและหนีออกจากที่นี่ ส่วนอีกสามคนต่างหนีไปคนละทาง
มีเสียงคำรามมาจากที่ไกลๆบนท้องฟ้า ชายชราหลายคนพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วและทำการต่อสู้กับราชาสายฟ้าอย่างดุเดือด
แต่พวกเขาไม่มีความได้เปรียบเลย พวกเขาเสียเปรียบทุกการโจมตีและมีแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้
“อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!”
เย่ฟ่านรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เลี้ยวหายไปในส่วนลึกของภูเขาและมองหาโอกาสอื่น
…
“โฮก...” มีเสียงคำรามของเสือ ฝูงนกต่างแตกตื่น บินกระเจิงขึ้นสู่ท้องฟ้า
เย่ฟ่านประหลาดใจ ในเวลานี้เขาอยู่ห่างออกมาจากรังของวิหคสายฟ้าเกือบร้อยลี้แล้ว เขาเห็นเสือดำตัวหนึ่ง มันมีสีดำเหมือนหมึก และยาวกว่าสิบศอก
มันคำรามขึ้นไปบนฟ้า และภูเขาที่อยู่เบื้องล่างก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
“พยัคฆ์เทพบรรพกาล สามารถสู้กับผู้สูงสุดได้!”
หลังจากที่เขามองอย่างระมัดระวัง ก็ต้องตกตะลึง นี่คืออสูรบรรพกาลผู้โดดเดี่ยวที่สามารถมีชีวิตอย่างยาวนานกว่าสองแสนปี สัตว์ทุกตัวต้องยอมสยบในอำนาจของมัน
มันสามารถเทียบได้กับราชาอสูรรุ่นหนึ่ง แต่มันยังไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ นี่คือราชาสัตว์อสูรบรรพกาลที่เก่าแก่และไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับมัน
“กรร...”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสของสำนักฉีซื่อก็ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองปัดป้องสายฟ้าของราชาสายฟ้าที่ยาวหลายลี้ให้ตกลงไปในแอ่งน้ำลึกบนภูเขาอีกลูกหนึ่ง
พลังของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายคนที่เย่ฟ่านรู้จัก
บูม!
แต่เมื่อสายฟ้าตกลงไปในน้ำมังกรวารีก็พุ่งขึ้นมาบนฟ้าด้วยความโกรธ มันไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้อาวุโสของสำนักฉีซื่อแต่เลือกที่จะโจมตีราชาพยัคฆ์ที่อยู่ใกล้เคียงโดยตรง
“มังกรวารีทรงพลังมาก!” เย่ฟ่านตกใจ มันคือสัตว์อสูรที่มีเต๋าลึกล้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเสือดำมองอย่างเย็นชาก่อนจะยื่นมือตะปบมังกรวารีพร้อมกับกดลงพื้นอย่างง่ายดาย
“บูม”
พยัคฆ์เทพบรรพกาลแข็งแกร่งเกินไป ทั้งยอดภูเขาที่แอ่งน้ำลึกอยู่... มันเพิ่งกลืนไปถึงครึ่งหนึ่ง
“พยัคฆ์เทพบรรพกาลตัวนี้…ทรงพลังมากจนไม่อาจจับต้องได้ เมื่อมันปรากฏตัวออกมา ก็ยากที่จะบอกว่าใครจะอยู่และใครจะตาย!”
เย่ฟ่านถอยกลับอย่างเงียบๆ เขาไม่ต้องการที่จะยั่วยุสัตว์บรรพกาลที่มีอำนาจเช่นนี้ นี่เป็นถิ่นของมัน เขาเห็นว่าดินแดนแถบนี้แทบจะไม่มีสัตว์อสูรเลย บางทีพวกมันอาจกลายเป็นอาหารของราชาบรรพกาลตัวนี้ไปแล้วก็ได้
เขาซ่อนตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถูกดึงดูดโดยยอดเขาที่แปลกประหลาด เหมือนกับหยกสีดำขนาดใหญ่ที่แห้งและสะอาด
สถานที่แห่งนี้เงียบสงบมาก ไม่มีนกและสัตว์อสูร ดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่ต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต นกและสัตว์อื่นๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ประทับของราชาบรรพกาลตัวนั้น
“นี่เป็นสถานที่ที่พยัคฆ์เทพบรรพกาลอาศัยอยู่หรือ?”
เย่ฟ่านเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบเพื่อเข้าใกล้ถ้ำแห่งนั้น
“คัมภีร์โบราณอีกเล่ม…”
เขาพุ่งความสนใจไปที่มันทันที นี่คืออักขระโบราณที่สลักไว้โดยปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ อธิบายถึงทักษะลับบางประการ
เย่ฟ่านศึกษาอย่างรอบคอบและพบผนึกสูงสุดสามดวงซึ่งทำให้เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นทักษะลับโบราณที่ลึกซึ้งสามประการ และเป็นการยากที่จะอธิบายที่มาและมรดกของมัน
ผนึกแห่งขุนเขา ผนึกของราชามนุษย์ และผนึกพลิกฟ้าเป็นการรวมกันของชื่อที่กล้าหาญมาก ซึ่งแสดงถึงผนึกทั้งสามแห่งสวรรค์ ปฐพีและเหล่ามนุษย์
ในผนึกแห่งขุนเขาเย่ฟ่านได้เรียนรู้มันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อเทียบกับที่นี่ สิ่งที่เขาได้รู้มันเป็นเรื่องที่ตื้นเขินเกินไป เป็นการยากที่จะเรียกว่าเป็นทักษะลับ และมันอยู่ไกลจากการเข้าถึงอาณาจักรของความสมบูรณ์แบบ
ผนึกแห่งขุนเขา ผนึกของราชามนุษย์ และผนึกพลิกฟ้าเป็นทั้งศาสตร์ลับโบราณและก็เป็นศิลปะศักดิ์สิทธิ์ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
มีทักษะลับอื่นๆ ที่สลักไว้บนกำแพงหินซึ่งทั้งหมดยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ มีเพียงสามสิ่งนี้เท่านั้นที่สมบูรณ์แบบและลึกซึ้งที่สุดจนคาดเดาไม่ได้ ซึ่งดึงดูดความสนใจของเย่ฟ่านในทันที
เขานั่งสมาธิอยู่หน้าหน้าผาสีดำไม่ขยับเขยื้อนและเข้าใจวิธีการด้วยหัวใจ เขาพยายามศึกษามันอย่างละเอียดและเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นทักษะดั้งเดิมเฉพาะตัวของเขาเอง
“โฮก…”
เสียงคำรามของเสือสั่นสะเทือนไปทั้งภูเขา สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหยียบภูเขาไว้ใต้ฝ่าเท้า มันกระโดดจากภูเขาลูกหนึ่งไปยังอีกลูกหนึ่งจนท้องฟ้าแปรปรวน ฝูงนกก็แตกกระเจิง
“แน่นอน ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของราชาบรรพกาลตัวนี้!” เย่ฟ่านตกใจและรีบซ่อนตัวในพริบตา
จากนั้นเขานั่งสมาธิบนยอดเขาอีกแห่ง ทำความเข้าใจทักษะโบราณทั้งสามอย่างเงียบๆ มันวนเวียนอยู่ในใจของเขา และหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น เย่ฟ่านก็เห็นพยัคฆ์เทพบรรพกาลจากไป เขากลับไปที่ภูเขาอีกครั้ง เขายังคงลูบไล้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามด้วยฝ่ามือ และหลังจากทำความเข้าใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผนึกทั้งสามเส้นก็ถูกแกะสลักลงบนจิตใจของเขา
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านตกใจอย่างกะทันหัน และแอบดีใจที่สามารถตระหนักรู้พวกมันได้อย่างลึกซึ้ง สิ่งที่สลักไว้บนกำแพงหินเป็นเพียงรูปแกะสลัก แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของมันได้สิงสถิตอยู่ในจิตใจของเขาแล้ว
“ครืน
ทันใดนั้นแผ่นศิลาที่อยู่ข้างหน้าก็แลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง หลังจากที่รอยประทับถูกเปิดขึ้น ศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก็หายไปทันที กำแพงหินเรียบราวกับกระจก ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏสิ่งใดมาก่อน
มีคลื่นยักษ์กระทบหัวใจของเย่ฟ่าน เขามีทักษะที่ลึกซึ้ง แต่เขาขาดทักษะการโจมตีมาโดยตลอด มันทำให้เขาไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้อย่างที่ใจต้องการ
เพราะทักษะลับที่เขาครอบครองอยู่นั้นไม่สามารถนำออกมาใช้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ ด้วยสามผนึกโบราณนี้ในมือ หากมีการต่อสู้หลังจากนี้เขาคงจะผ่อนคลายได้มากขึ้น
หลังจากที่ทักษะทั้งสามหายไป เย่ฟ่านก็เริ่มเดินสำรวจยอดเขาเพื่อค้นหาคัมภีร์โบราณรวมถึงสมบัติสวรรค์ที่เหล่าปรมาจารย์ในอดีตหลงเหลือไว้
“ร่องรอยแห่งการรู้แจ้ง!”
เย่ฟ่านพบสมบัติล้ำค่าบนยอดเขาซึ่งถูกทิ้งไว้โดยปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้เมื่อเขาตระหนักถึงเต๋า
แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์แต่ก็เป็นเส้นทางอันล้ำค่าที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้สูงสุดได้ง่ายขึ้นในอนาคต
…
เย่ฟ่านนั่งสมาธิอยู่บนภูเขาเพื่อทำความเข้าใจต่อรองรอยของความรู้แจ้งที่ปรมาจารย์อาวุโสทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเงียบแม้ว่าจะสามารถทำความเข้าใจร่องรอยลึกลับได้ทั้งหมดแล้ว
“ครึ่งก้าวสู่อาณาจักรลับแปลงมังกร!”
เย่ฟ่านประหลาดใจที่พบว่าเมื่อสังเกตร่องรอยของการหรือแจ้งของคนอื่น เขาได้เข้าใกล้อาณาจักรลับแปลงมังกรไปหนึ่งก้าว หากเขารู้แจ้งอีกครั้งเขาจะก้าวเข้าสู่อาณาจักรแปลงมังกรอย่างไม่ต้องสงสัย
“ที่นี่มันบ้าอะไร มีคนที่แข็งแกร่งมากมายที่สามารถเข้ามาได้? พวกเขาทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้บนภูเขาโบราณเช่นนี้เพื่ออะไร?”
เขาเริ่มคิดหาสาเหตุ คฤหาสน์เซียนคือสถานที่แบบไหนกันแน่ คนที่สร้างมันขึ้นจะได้รับผลประโยชน์มากแค่ไหน?
เขามีความคิดเอยู่ในใจ มีสมบัติมากมายไม่รู้จบที่นี่ แต่ก็มีอันตรายร้ายแรงเช่นกัน และชีวิตอาจจะพินาศได้หากไม่ระวัง
เย่ฟ่านคิดถึงเสียงที่เขาได้ยินในป่าโบราณเมืองลู่เฉิง มีร่องรอยใดบ้างที่จะพบเห็นได้? เขาได้ยินเสียงทหารนับพันต่อสู้กัน
นอกจากนี้ เขายังได้ยินเสียงคำรามของมังกรและนกเฟิ่งหวง เสียงคำรามของกิเลน และชื่อของจักรพรรดิอมตะ ชื่อที่น่ากลัวเพียงพอที่จะบดขยี้จิตใจของทุกคนได้