ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 8 งานเลี้ยง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 8 งานเลี้ยง
แปลโดย iPAT
พ่อบ้านหลิวกล่าว “แต่เขาต้องกินอาหาร”
หลี่หูเย้ยหยัน “ผู้ใดไม่ต้องกิน?”
ดังคำกล่าวที่ว่าปัญญามาพร้อมกับอายุ ดวงตาของหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ส่องประกายขึ้น “เจ้าหมายถึง?”
“หากเขาต้องการอาหาร เขาก็ต้องทำงาน ในหมู่บ้านยังมีผู้ใดที่สามารถจ้างเขา? หากเขาทำงานให้ข้า ข้าจะไม่สามารถทำบางสิ่งงั้นหรือ?”
พ่อบ้านหลิวมองการแสดงออกของสองพ่อลูกด้วยความพึงพอใจ อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่อาหารจะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทุกอย่างเติบโตขึ้นจากพื้นดิน การควบคุมดินแดนก็เหมือนกับการควบคุมผู้คน กระทั่งชายฉกรรจ์ก็อาจกลายเป็นคนวิกลจริตหากพวกเขาไม่ได้กินอาหารเป็นเวลาสามวัน
พ่อบ้านหลิวคิดมาตรการรับมือไว้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสังหารหลี่ฉิงซาน เขาพียงต้องควบคุมเป้าหมายและเฝ้าระวัง หากเขาทำได้ดี มันจะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์
หลี่ฉิงซานพึ่งตื่นจากความฝัน เขาไม่รู้ว่าบางคนกำลังวางแผนร้ายต่อเขา สิ่งที่เขาเห็นคือกวางตัวหนึ่งที่นอนอยู่ในลานบ้าน เขาหัวเราะ โดยไม่ต้องขอบคุณวัวดำ เขาเริ่มแล่เนื้อกวางและเตรียมเกลือเพื่อถนอมอาหารทันที
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ไปยังลำธารเพื่อล้างหน้าและบ้วนปากก่อนที่วันเวลาแห่งการบ่มเพาะจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
สองสามวันผ่านไป เขาตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังมืด โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ได้ก้าวเท้าออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว เขาตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงและเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการฝึกฝน
เขาทำงานหนักเพื่อเป้าหมายของเขา ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวไป มันทำให้เขามองเห็นโลกใบใหม่
มากกว่าสิบวันผ่านไปอีกครั้ง หลี่ฉิงซานพึ่งกินเนื้อกวางจนหมดขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านหลี่หมดความอดทน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่สามารถข่มตาหลับได้แม้แต่คืนเดียว ทุกคืนเขาจะให้บุตรชายสองคนผลัดกันเข้ามานอนข้างเตียงของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุข ด้วยอายุที่มากแล้ว เขาจึงไม่สามารถอดทนต่อสิ่งนี้ เขาเริ่มป่วย ดังนั้นเขาจึงรีบไปหารือกับพ่อบ้านหลิวอีกครั้ง
พ่อบ้านหลิวกังวลมากเช่นกัน เขาส่งยามไปที่บ้านของหลี่ฉิงซานเพื่อตรวจสอบ ยามคนแรกรายงานว่าหลี่ฉิงซานดื่มและกินเนื้อทุกวัน เขายังฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้ง เดิมทีพ่อบ้านหลิวไม่เชื่อ แต่ยามอีกหลายคนก็กลับมารายงานข่าวเดียวกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบเขาอีกเลย
หมอผีปล่อยข่าวออกมาว่าปีศาจร้ายเข้าสิงหลี่ฉิงซาน เรื่องนี้เพิ่มความลึกลับและความน่าสะพรึงกลัวในหัวใจของผู้คนมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามบางคนเชื่อว่าหลี่ฉิงซานฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแก้แค้น
เมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ใกล้หลั่งน้ำตา พ่อบ้านหลิวก็ขมวดคิ้วและตัดสินใจ “เชิญเขามางานเลี้ยง หากเขามาแสดงว่าเขาเป็นคนกล้าหาญ หากเขาไม่มา นั่นหมายความว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าลงมือ”
เทียบเชิญถูกส่งไปยังหลี่ฉิงซาน โดยปกติแล้วในหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานหรืองานศพ พวกเขาจะแจ้งข่าวโดยตรงและไม่มีการส่งเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงค่อนข้างประหลาดใจ
เขาจมอยู่ในห้วงแห่งความคิด หากเขาไปร่วมงานเลี้ยง มันจะเป็นการเดินเข้าสู่กับดัก เขาพึ่งฝึกฝนมาเพียงสิบกว่าวัน แม้เขาจะได้รับประโยชน์มากมาย แต่มันยังยากที่เขาจะรับมือกับคนหมู่มากด้วยเพียงสองมือของเขา
หากเขาไม่ไป ชื่อเสียงที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากจะได้รับผลกระทบ คนอื่นๆจะพูดว่าเขากลัวการไปร่วมงานเลี้ยง มันจะทำลายชื่อเสียงของเขา
ชัดเจนว่าพ่อบ้านหลิววางแผนมาเป็นอย่างดี
วัวดำถาม “เจ้าจะไปหรือไม่?”
“อาหารของข้าพึ่งหมด ตอนนี้มีบางคนต้องการเลี้ยงอาหารข้า แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ควรไป? กวนหยุนจางถือดาบเล่มเดียวเข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงลำพัง แล้วข้าต้องกลัวการไปร่วมงานเลี้ยงในหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้งั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานหัวเราะเสียงดังพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งทะยานขึ้น
“กวนหยุนจางคือผู้ใด?”
“เพียงวีรบุรุษที่ข้าเคยได้ยินมา” หลี่ฉิงซานยืนขึ้นและเริ่มร่ายรำเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัวอีกครั้ง
วัวดำพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลี่ฉิงซานเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว เขามีความก้าวหน้าอย่างมาก หากเขาหลีกเลี่ยงอันตรายเล็กๆน้อยๆในเวลานี้ มันจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะของเขา
“ข้ามีหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว” หลี่ฉิงซานรู้สึกถึงความก้าวหน้าของตน นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าการฝึกฝนหมัดปีศาจวัวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ฤดูร้อนกำลังจะสิ้นสุดแต่แสงแดดยังเจิดจ้า ใต้ต้นท้อสองสามต้นในบ้านของพ่อบ้านหลิว โต๊ะจำนวนหนึ่งถูกจัดวางไว้สำหรับงานเลี้ยง
ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งครอบครองโต๊ะสองสามตัว พวกเขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นสุราอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ มีเพียงพ่อบ้านหลิวเท่านั้นที่สามารถจัดงานเลี้ยงเช่นนี้ อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะเป็นเพียงชาวนา พวกเขาก็ยังรู้ว่างานเลี้ยงนี้จะไม่ถูกจัดขึ้นโดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน พ่อบ้านหลิวอธิบายหลายสิ่งกับพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว
พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแต่พวกเขารู้ว่าเมื่อพ่อบ้านหลิวส่งสัญญาณ พวกเขาต้องเริ่มออกหมัด
แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับหลี่ฉิงซาน แต่พวกเขาเป็นคนงานของพ่อบ้านหลิว พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธบุคคลที่พวกเขาต้องพึ่งพา หลี่ฉิงซานอายุเพียงสิบห้าปี เขาจะรับมือชายฉกรรจ์จำนวนมากได้อย่างไร? นี่เป็นสาเหตุที่คนงานจำนวนมากเข้ามายึดครองโต๊ะอาหารเหล่านี้
สำหรับบางคนที่ไม่ต้องการทำร้ายหลี่ฉิงซาน พวกเขาก็จะลงมือโดยใช้แรงน้อยกว่าปกติ หลังจากนั้นพวกเขาจะบังคับให้หลี่ฉิงซานคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อบ้านหลิวและขอโทษ
เมื่อเวลาผ่านไป จั๊กจั่นส่งเสียงพึมพำเบาๆอยู่บนต้นไม้ ทุกคนเริ่มหมดความอดทนกับการรอคอย สุราอาหารชั้นเลิศที่วางอยู่ตรงหน้าเป็นบททดสอบที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา นี่ทำให้เสียงสนทนาดังขึ้น
“เขากลัว เขาไม่มาแล้ว กินกันเถอะ!”
“หากเป็นเจ้า เจ้าจะไม่กลัวงั้นหรือ? ไม่มาถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เขาจะเป็นเพียงคนโง่หากเขามา”
พ่อบ้านหลิวแสร้งไม่ได้ยิน เขาเพียงเผยรอยยิ้มขณะคิดกับตนเองว่า ‘สุดท้ายเขาก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง’
“เขามาแล้ว! เขาอยู่ที่นี่!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ชายผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาในลานบ้านและตะโกนเสียงดัง
หลี่ฉิงซานยืนอยู่หน้าประตูบ้านของพ่อบ้านหลิว เขารู้สึกลังเลเล็กน้อย หลังจากทั้งหมดการพูดง่ายกว่าการลงมือทำเสมอ หากเขาประมาท เขาอาจเสียชีวิตในบ้านของพ่อบ้านหลิว
เขาเริ่มพัฒนาความคิดที่จะล่าถอย เขาคิดว่าอีกสิบวันหรือสิบปีก็ยังไม่สายที่บุรุษจะแก้แค้น ด้วยความเร็วในการเติบโตของเขา ตราบเท่าที่เขามีเวลาหนึ่งปี ไม่ ครึ่งปีหรืออาจจะสามเดือน เขาจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัว เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็ไม่ต้องกลัวผู้ใดอีก
อย่างไรก็ตามเขารีบปัดเป่าความคิดเหล่านั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เขาถามตัวเอง ‘หลี่ฉิงซาน เจ้าคิดเรื่องไร้สาระใด? เจ้าไม่กล้าต่อต้านผู้ที่แข็งแกร่งกว่า แม้เจ้าจะมีความสามารถสูงกว่านี้ แต่เจ้าก็ยังเป็นเพียงคนขี้ขลาด!’
ความคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา หลี่ฉิงซานสูดหายใจลึกและกำหมัดแน่น ด้วยสายตาที่แน่วแน่ เขาเดินเข้าไปในบ้านของพ่อบ้านหลิว