ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 4 คืนนองเลือด
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 4 คืนนองเลือด
แปลโดย iPAT
บรรยากาศในห้องโถงบรรพชนเริ่มตึงเครียด ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นมืดครึ้ม “อันใด? หลี่เอ้อ เจ้าไม่พอใจการจัดการของข้างั้นหรือ?”
กลุ่มอันธพาลเริ่มถูมือ หัวหน้ากลุ่มหัวล้านหยิบมีดขึ้นมา
ผู้อาวุโสคนอื่นๆพยายามเกลี้ยกล่อม “หลี่เอ้อ อย่าขัดขืนเลย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา พ่อบ้านหลิวอนุญาตให้เจ้าทำงานในที่ดินของเขาต่อไป เขาจะให้ค่าตอบแทนเจ้าเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เจ้าจะไม่อดตายอย่างแน่นอน”
หลี่ฉิงซานตอบอย่างคลุมเครือและสาวเท้าออกจากห้องโถงบรรพชน แต่เขาถูกชายหัวล้านขัดขาจนสะดุดล้มลงขณะที่เสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง
ระหว่างทางเขาพบหมอผี นางเผยรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ “หายนะ หายนะ ยังไม่สายเกินไปที่จะถวายเครื่องบูชาแก่เทพเจ้า”
หลี่ฉิงซานกลับไปที่บ้านของเขาและเอนกายนอนอย่างไม่มีความสุข
อาทิตย์อัสดง ท้องฟ้ามืดมิด เสียงไก่และเสียงสุนัขค่อยๆเงียบลง หมู่บ้านกลับคืนสู่ความสงบ
วัวดำเดินเข้ามาจากด้านนอก หลี่ชิงซานลุกขึ้นนั่งและกำลังจะกล่าวบางคำแต่ถูกวัวดำชิงกล่าวก่อน “ข้าเห็นทุกสิ่งแต่ข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
“ข้าไม่ได้ขอให้ท่านช่วย ข้าไม่สนที่ดินเหล่านั้น ข้าเพียงแค่...”
“ไม่สามารถปล่อยวางงั้นหรือ?”
“ใช่!”
“มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่ถูกบิดเบือนและบิดเบี้ยว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงมนุษย์ธรรมดาเช่นเจ้า กระทั่งเทพเจ้า ผู้อมตะ หรือนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ก็ยังมีช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกคับข้องใจและถูกดูแคลน ความคับข้องใจเพียงเล็กน้อยของเจ้าจะสามารถเปรียบเทียบกับความคับข้องใจของพวกเขาได้อย่างไร?”
ดวงตาของหลี่ฉิงซานเบิกกว้าง “แต่ข้าไม่อยากปล่อยวาง!”
ทันใดนั้นเขาพลันนึกไปถึงมีดสั้นเล่มเดิมอีกครั้ง
วัวดำมองเขาอย่างเงียบๆอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ดี ดี ดี ตราบเท่าที่เจ้าไม่สามารถยอมรับ เจ้าก็ต้องจัดการมันด้วยตนเอง บุรุษที่แท้จริงจะตอบแทนบุญคุณและชำระหนี้แค้น แม้แต่อาหารมื้อเดียวก็ต้องชดใช้ ความคับข้องใจจากบุคคลที่ไม่เป็นมิตรต้องได้รับการแก้ไข เดิมทีข้าคิดว่าไฟในใจของเจ้าดับไปแล้วหลังจากหลายปีที่ผ่านมา แต่ในความเป็นจริงเจ้ายังมีความเป็นลูกผู้ชายเหลืออยู่บ้างและนี่เพียงพอแล้วที่จะให้ข้าสั่งสอนเจ้า”
หลี่ฉิงซานตะลึง “ท่านกำลังทดสอบข้างั้นหรือ?”
วัวดำก่นเสียงฮึดฮัดก่อนกล่าวต่อ “ทดสอบงั้นหรือ? ข้าเพียงต้องการรู้ว่าเจ้าจะเดินไปในทิศทางใด”
“ทิศทางใด?” หลี่ฉิงซานยังไม่เข้าใจ
“มีเส้นทางมากมายบนโลกใบนี้ เจ้าสามารถกลืนความโกรธและเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย ในทำนองเดียวกันเจ้าสามารถติดอาวุธและตายเพื่อความชอบธรรม มนุษย์มีเส้นทางของมนุษย์ ปีศาจมีเส้นทางของปีศาจ เทพเจ้ามีเส้นทางของเทพเจ้า ภูตผีมีเส้นทางของภูตผี แต่ละเส้นทางมีความโดดเด่นของตัวมันเอง แต่ละเส้นทางมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่แตกต่างกัน...”
หลี่ฉิงซานขัดจังหวะ “ข้าจะค้นหาเส้นทางของตนเอง!”
วัวดำประหลาดใจก่อนจะรู้สึกมีความสุข “เจ้าเข้าใจคำกล่าวของข้าจริงๆ ถูกต้อง ท่ามกลางเส้นทางมากมาย เจ้าต้องค้นหาเส้นทางของตนเอง!”
วัวดำนำน้ำเต้าขนาดใหญ่ออกมาจากความว่างเปล่าและโยนให้หลี่ฉิงซาน “ตั้งแต่เจ้าไม่ต้องการกลืนความโกรธ ข้าก็จะสอนวิธีการบางอย่างให้เจ้า”
หลี่ฉิงซานเปิดจุกน้ำเต้าและได้กลิ่นสุรา
เขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ‘หลังจากกินเนื้อก็ต้องดื่มสุรางั้นหรือ? มันดูสมเหตุสมผล แต่มีใครบ้างที่พึ่งพาสองสิ่งนี้ในการฝึกฝน? หากบางคนสามารถกลายเป็นผู้อมตะด้วยการกินเนื้อและดื่มสุรา คนรวยทั้งหมดบนโลกใบนี้คงกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว ผู้อมตะล้วนเป็นคนตะกละเช่นนี้งั้นหรือ?’
วัวดำกล่าวเพียงไม่กี่คำ “เนื้อช่วยเสริมสร้างร่างกาย สุราทำให้เจ้ามีความกล้า”
หลี่ฉิงซานตัดสินใจยกน้ำเต้าขึ้นดื่มจนหมดในครั้งเดียว นี่เป็นสุราข้าวหมักที่ธรรมดาที่สุดของหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามเขายังรู้สึกว่าโลกหมุน เขามองไปที่วัวดำด้วยความมึนงง มันต้องการให้เขาดื่มเพื่อลืมความโกรธของตนเองหรือไม่?
“ไปฆ่าบางคน แล้วข้าจะสอนเจ้าบ่มเพาะ” วัวดำกล่าวเสียงเรียบราวกับสิ่งที่มันกล่าวไม่ใช่เรื่องสำคัญ จากนั้นมันก็หมอบตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างสะดวกสบาย
หลี่ฉิงซานรู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก เขาพึ่งตระหนักว่าวัวชราตัวนี้ไม่เหมือนพี่วัวที่ขยันขันแข็งและช่วยเขาทำงานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่เป็นปีศาจวัวตัวจริง! มันจะไม่ชี้นำเขาไปสู่ความสงบหรือเป็นพระอรหันแต่เป็นเส้นทางที่ชั่วร้ายของปีศาจ!
ก่อนที่มันจะสอนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ใดๆให้เขา มันต้องการให้เขากินเนื้อ ดื่มสุรา และฆ่าคน!
เขาควรออกไปฆ่าคนจริงๆหรือไม่? ใบหน้าของบางคนผุดขึ้นในใจของเขา เขาเกลียดคนเหล่านี้จนถึงขั้นที่อยากจะฆ่าให้ตาย แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น วัวดำมองเห็นสิ่งนี้ ดังนั้นมันจึงให้เขาดื่มสุราเพื่อเพิ่มความกล้า
นี่เป็นการแสดงความจริงใจหรือเป็นพิธีรับศิษย์หรือไม่?
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความรู้สึกวิงเวียนของเขาก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นและสูดหายใจลึกก่อนจะก้มหน้าลงมองวัวดำอีกครั้ง “ฆ่าใคร?”
“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน ข้าจะไม่ช่วยเจ้า ข้าจะเป็นเพียงวัวธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น”
คืนนั้น หลี่ฉิงซานเดินอยู่ใต้แสงจันทร์เพียงลำพัง แม้ดวงจันทร์จะสว่างไสวแต่ใบหน้าของเขากลับมืดครึ้ม
ภายในหมู่บ้านที่เงียบสงบ หลี่ฉิงซานเตร็ดแตร่ไปทั่วก่อนจะบรรลุถึงบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง เขาได้ยินเสียงอึกทึกจากภายใน เขาจำมันได้ เจ้าของเสียงคืออันธพาลที่อยู่ในห้องโถงบรรพชนวันนี้ เขารีบย่อตัวลงและแนบใบหูเข้ากับกำแพงเพื่อฟังสิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุย
“สุราวันนี้ได้มาง่ายเกินไป เราแค่ยืนอยู่รอบๆห้องโถงบรรพชน จากนั้นพ่อบ้านหลิวก็ให้รางวัลมากมายกับพวกเรา”
หลี่ฉิงซานจำเสียงนี้ได้ทันที เขาคือเจ้าหัวล้านหลิว อันธพาลที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนค่อนข้างกลัวเขา แม้พวกเขาจะรู้ว่าเจ้าหัวล้านหลิวขโมยบางสิ่งของพวกเขาไป แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำสิ่งใด อันธพาลคนอื่นๆติดตามเขาในฐานะลูกน้อง
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณบารมีของพี่ใหญ่ พวกเจ้าเห็นหน้าเด็กนั่นหรือไม่? หน้าของมันซีดเหมือนไก่ต้มเพราะความตกใจ ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลี่ฉิงซานไม่รู้ว่าใบหน้าของตนเองในเวลานี้เป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่ามันต้องแดงมากเพราะความมึนเมาผสมกับความโกรธที่พุ่งเข้าโจมตีศีรษะของเขาอย่างแรง
“น่าเสียดายที่เจ้าขี้ขลาดนั่นไม่พยายามต่อสู้ ข้าไม่ได้ลงมือลงเท้ามานานแล้ว เดิมทีข้าตั้งใจใช้มันเป็นคู่ฝึกซ้อม แต่เด็กนั่นไม่เปิดโอกาสให้ข้าออกแรงเลย”
ด้วยประสบการณ์จากสองชีวิต หลี่ฉิงซานไม่ได้กลัวเจ้าหัวล้านหลิวเหมือนที่ชาวบ้านกลัว เขาไม่เคยสนใจคนเหล่านี้ แต่เขาไม่คิดว่าการนิ่งเฉยยังสามารถนำเขาไปสู่การเป็นศัตรู
“พี่ใหญ่ หากท่านต้องการจัดการเขา มันง่ายมาก เจ้านั่นสร้างบ้านอยู่นอกหมู่บ้าน เราพียงไปที่นั่นและทุบตีเขา จากนั้นก็นำวัวของเขาไปขายที่ตลาดและนำเงินมาซื้อสุราดื่ม”
ทุกคนเห็นด้วยกับความคิดนี้
หลี่ฉิงซานสูดหายใจลึกและยกมีดสั้นขึ้นมาที่หน้าอก
เจ้าหัวล้านหลิวดื่มสุราจนหมดถ้วยก่อนจะเดินออกไปฉี่ด้านนอก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กลับเข้าไปในบ้านแต่เดินไปตามเส้นทางเล็กๆที่มุ่งสู่ทิศใต้ของหมู่บ้าน
หลี่ฉิงซานรู้สึกแปลกใจ เขาเร่งตามไปและเห็นเจ้าหัวล้านหลิวหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของหญิงม่ายแซ่หลิว เจ้าหัวล้านหลิวตะโกนเรียกให้นางเปิดประตู เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานเข้าใจสิ่งที่เจ้าหัวล้านหลิวต้องการทำ
ประตูยังปิดสนิท ไม่มีแสงจากโคมไฟแม้แต่ดวงเดียวที่สว่างขึ้น ชัดเจนว่าหญิงม่ายแซ่หลิวหวาดกลัวเขา มีบ้านสองสามหลังอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยว
ด้วยอิทธิพลของสุรา เจ้าหัวล้านหลิวสบถคำหยาบคายออกมาและเตะประตูอย่างแรงสองสามครั้ง เสียงสบถของเขาทำให้สุนัขรอบๆหมู่บ้านเห่าหอนอย่างพร้อมเพรียง สุดท้ายเขาก็หันหลังและจากไปในที่สุด
หญิงม่ายที่อยู่ในบ้านผ่อนคลายลงเล็กน้อย นางมองออกไปข้างนอกผ่านช่องประตูอย่างระมัดระวัง ดังคาด เจ้าหัวล้านหลิวจากไปแล้ว นั่นทำให้นางสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทันใดนั้นแสงสายหนึ่งกลับพุ่งเข้ามาที่ใบหน้านาง นางเห็นร่างหนึ่งเดินตามเจ้าหัวล้านหลิวไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความมืด นางจึงไม่สามารถระบุตัวตนของคนผู้นั้น นางคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของเจ้าหัวล้านหลิว แต่นางก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ
หลี่ฉิงซานเดินตามเจ้าหัวล้านหลิวไปถึงสถานที่รกร้าง เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาตัดสินใจตะโกนและพุ่งตัวไปข้างหน้า
เจ้าหัวล้านหลิวหันหลังกลับด้วยความประหลาดใจ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือมีดสั้นเล่มหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา เขาตื่นขึ้นจากความมึนเมาทันที เขาต้องการหลบหนีหรือตอบโต้ แต่ร่างกายของเขากลับเป็นแข็งค้าง แขนขาของเขาสูญสิ้นเรี่ยวแรง ในความเป็นจริงเขาจะพกมีดสั้นไว้เพื่อข่มขู่ชาวบ้านเท่านั้น นอกจากนี้เขายังเคยต่อสู้ด้วยร่างกายเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเด็กแต่เขาก็ยังรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ป่าบนภูเขา
มีดสั้นพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเจ้าหัวล้านหลิวโดยไร้สิ่งกีดขวาง กระทั่งหลี่ฉิงซานก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าหัวล้านหลิวที่โอ้อวดความแข็งแกร่งของตนเองไปทั่วจะไร้พิษสงและน่าสมเพชเช่นนี้ เมื่อหลี่ฉิงซานเห็นใบหน้าที่หวาดกลัวราวกับกำลังจะร้องไห้และอ้อนวอนร้องขอชีวิตของฝ่ายตรงข้าม เขารู้สึกเหมือนตนเองเมาสุราขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขากลายเป็นแดงก่ำ สมองราวกับหยุดทำงาน มีเพียงมือของเขาเท่านั้นที่ยังเคลื่อนที่ต่อไป
ใบมีดปลดปล่อยแสงสะท้อนสีแดงเลือดออกมาเต้นรำอยู่ท่ามกลางความมืด
เมื่อหลี่ฉิงซานหยุดเคลื่อนไหว เจ้าหัวล้านหลิวก็ทรุดตัวลงในแอ่งเลือดของตัวเขาเอง เขาไม่สามารถตายได้มากกว่านี้! กลิ่นคาวเลือดในคืนเดือนหงายทำให้บรรยากาศเย็นลงเล็กน้อย
หลี่ฉิงซานสงบจิตใจและรีบจากไป เขาวิ่งไปจนถึงลำธารที่เชิงเขาภายในไม่กี่ลมหายใจ เขาหยุดและมองดูเงาของตนเองที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ มันทำให้เขาแทบกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ “นี่ใช่ข้าจริงๆงั้นหรือ?”
ผิวน้ำสะท้อนภาพของเด็กหนุ่มร่างโชกเลือด ดวงตาของเขายังฉายแววที่น่าสยดสยองออกมา
หลี่ฉิงซานดื่มน้ำจากลำธารและล้างเลือดออกจากร่างกายก่อนจะกลับไปที่บ้านของเขา เขาไม่สนใจวัวดำที่อยู่ด้านข้างแต่ทิ้งตัวลงบนเตียงทันที
มือของเขาเริ่มสั่น ร่างกายปกคลุมไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขาสร่างเมาแล้วจริงๆ
วัวดำถามด้วยรอยยิ้ม “จะไม่หนีหรือ?”
มันถามราวกับมันไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้หลี่ฉิงซานออกไปฆ่าใครบางคน
หลี่ฉิงซานตอบ “ข้าต้องวิ่งหนีหลังจากฆ่าบางคนงั้นหรือ?”
เขาไม่ได้เลือกเจ้าหัวล้านหลิวแบบสุ่ม คนผู้นี้อาจเป็นคนน่าสงสารที่สุดในหมู่บ้าน หลังจากทั้งหมดไม่มีใครยืนหยัดเพื่อเขา หากไม่มีคนร้องทุกข์ มันก็จะไม่มีทางสอบสวน ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานที่ชัดเจนเอาไว้ เรื่องนี้จะเงียบไปเอง
ร่องรอยความชื่นชมปรากฎขึ้นในดวงตาของวัวดำ การฆ่าบางคนแบบสุ่มในช่วงเวลาที่โกรธจัดเป็นเรื่องง่าย แต่การฆ่าบางคนที่รู้ภูมิหลังและตระหนักว่าทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยหลังจากดำเนินการยิ่งยากกว่า แม้ตอนนี้หลี่ฉิงซานจะแสร้งทำตัวเยือกเย็นแต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา
หลี่ฉิงซานไม่สามารถซ่อนมือที่สั่นเทาจากวัวดำ แต่ในสายตาของมัน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย มีคนดุร้ายที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาอยู่มากมาย แต่คนที่พยายามสะกดข่มความหวาดกลัวของตนเองหลังจากฆ่าคนถือว่าน่าประทับใจ
หลังจากไม่นานวัวดำก็เปิดปากถามอีกครั้ง “เจ้ารู้สึกอย่างไร?”
“กลัวแต่ก็สะใจ!” นี่เป็นคำพูดที่มาจากส่วนลึกในหัวใจของหลี่ฉิงซาน หลังจากความกลัวผ่านไป เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่สามารถอธิบาย ความโกรธที่ถูกสะกดข่มไว้ในใจหายไปอย่างสมบูรณ์
วัวดำหัวเราะคิกคัก “นอนพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก”
หัวใจของหลี่ฉิงซานเต้นแรงขึ้น เขาดีใจมาก “ท่านหมายถึง...”